ท้องฟ้าที่ว่างเปล่าลอยล่อง เหมือนดั่งเป็นโลกที่ไร้เสียง ดูเหมือนไม่ว่าใครก็ตามหากต้องมาอยู่ที่นี่ก็ต้องกลายเป็นเงียบสงัด ดุจดั่งเป็นโลกที่ปราศจากสิ่งมีชีวิตใดๆ ถ้าหากไม่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งพอล่ะก็ ล่องลอยอยู่บนโลกลักษณะเช่นนี้สามารถทำให้เสียสติได้
หลี่ชิเย่ที่ถูกห่อหุ้มอยู่ภายในรังไหมขนาดยักษ์และล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ปราศจากซุ่มเสียง เหมือนว่าเวลานี้เขาก็เสมือนดั่งเป็นคนตายคนหนึ่งอย่างนั้น ไม่มีซุ่มเสียงใดๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ตัวเขาที่อยู่ภายในรังไหมยักษ์ล่องลอยไปเรื่อยๆ เสมือนดั่งเป็นก้อนหินก้อนหนึ่งบนท้องฟ้า เย็นยะเยือกปราศจากเสียง แม้แต่เวลาก็ไม่เคยได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่ตรงนี้
ท้องฟ้าว่างเปล่าไร้ขอบเขตสิ้นสุด ที่ตรงนี้ไม่มีตะวันจันทราทางช้างเผือก ไม่มีพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตก เหมือนว่าที่นี่จะไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้กระทั่งกาลเวลา ดังนั้น การที่หลี่ชิเย่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าลักษณะเช่นนี้จึงไม่รู้ว่าลอยล่องมานานเท่าไรแล้ว บางทีอาจเป็นหนึ่งพันปี หรือหนึ่งหมื่นปี หรือเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้นเอง และหรือได้ลอยล่องมาแล้วพันล้านปี
ท่ามกลางกาลเวลาที่ไม่มีอะไรเงียบเหงาหนาวเย็นเช่นนี้ เรื่องเวลากลายเป็นไม่มีความสำคัญอีกแล้ว เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงนี้ก็จะกลายเป็นไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์อย่างนั้น หนึ่งล้านปีก่อนเป็นเช่นนี้ วันนี้เป็นเช่นนี้ อนาคตก็ยังจะเป็นเช่นนี้
ในที่สุด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร หลี่ชิเย่ที่ลอยล่องก็ลอยไปถึงที่ที่ชื่อว่าดินแดนสุขสันต์แล้ว
เพียงมองเห็นข้างหน้าประกายเซียนวูบวาบ ต่อให้ห่างไกลมากกว่านี้ เมื่อยืนอยู่บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่ายังคงสามารถมองเห็นได้ เหมือนว่าที่ตรงนั้นเปี่ยมด้วยพลังชีวิต เหมือนว่าที่นั่นเต็มไปด้วยความีชีวิต ที่ตรงนั้นคล้ายดั่งเป็นโลกที่คึกคักยิ่งนัก ที่ตรงนั้นเป็นโลกมนุษย์ปุถุชนที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง เมื่ออยู่ตรงนั้น เหมือนว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่คึกคักอะไรอย่างนั้น ทุกอย่างเป็นที่ปรารถนาของผู้คน ทำให้ผู้คน้สาะแสวงหา
หลี่ชิเย่ลอยล่องไปช้าๆ ห่างจากประกายเซียนนั้นใกล้เข้าทุกขณะ เห็นทีเขากำลังจะเข้าใกล้โลกนี้แล้ว
สุดท้าย เมื่อเข้าไปใกล้ประกายเซียนแล้ว หลี่ชิเย่ที่ลอยล่องอยู่ได้หยุดลง โดยรังไหมขนาดยักษ์ลอยล่องอยู่กับที่ เหมือนว่ามันได้มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว รอคอยการฟื้นและตื่นขึ้นมาของหลี่ชิเย่
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลี่ชิเย่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เชาค่อยๆ ลืมสองตาขึ้นช้าๆ แม้ว่าลอยล่องอยู่ในทะเลสวรรค์ลงทัณฑ์และท้องฟ้าที่ว่างเปล่าไม่รู้นานเท่าไรแล้ว แต่สำหรับเขาเหมือนนอนหลับไปตื่นเดียวเท่านั้นเอง แน่นอน หลี่ชิเย่เองก็เข้าใจได้ว่าเวลาได้ไหลเคลื่อนผ่านไป เนื่องจากภายในร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
แกร้งค์ แกร้งค์ แกร้งค์เสียงของโลหะดังขึ้นเป็นระลอก เวลานี้กฎเกณฑ์หมื่นสัจธรรมที่ถักทอและคลุมร่างของเขาอยู่ค่อยๆ คลายตัวออก และถอนตัวออกไป หลี่ชิเย่ลุกขึ้นนั่งอยู่ในรังไหมขนาดยักษ์ซึ่งเกิดจากกฎเกณฑ์หมื่นสัจธรรม เวลานี้เขาได้ฟื้นตัวและตื่นขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว
เวลานี้ หลี่ชิเย่ก้มมองดู เห็นหนังคนที่คลุมร่างเต็มไปด้วยรูพรุนทั้งผืน ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ยิงเสียหายจนไม่สามารถสวมใส่ได้อีกแล้ว
สมควรทราบว่า หนังคนชุดนี้แข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้ เวลานี้กลับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ฟาดฟันจนแหลกไม่มีชิ้นดี เหมือนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นจนไม่รู้ว่าจะขาดอย่างใดได้อีกนำมาสวมใส่อยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ ย่อมสามารถประเมินได้ว่าสวรรค์ลงทัณฑ์ที่อยู่ในทะเลสวรรค์ลงทัณฑ์นั้นมีความน่ากลัวเพียงใด
หลี่ชิเย่ถอดเอาหนังคนที่คลุมตัวซึ่งขาดวิ่นไปทั้งตัวออก โชคดีที่ชะตาดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ที่อยู่ข้างล้างไม่เป็นอะไร ทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกโล่งอก ไปเปราะหนึ่ง ชะตาดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ย่อมเป็นชะตาดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ เมื่อใดที่มันถักทอจนกลายเป็นชุดเกราะแล้วนำมาสวมใส่บนตัว เรียกได้ว่าปราศจากสิ่งใดสามารถทำลายมันได้
หากไม่เป็นเพราะชะตาดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ เกรงว่าหลี่ชิเย่เองก็คงยากที่จะยืนหยัดจนถึงเวลานี้ได้ จะอย่างไรเสียกฎเกณฑ์หมื่นสัจธรรมและหนังคนล้วนแล้วแต่ไม่สามารถปกป้องคุ้มครองหลี่ชิเย่ได้ทั้งหมด ทั้งกฎเกณฑ์หมื่นสัจธรรมและหนังคนทำได้คือบั่นทอนอานุภาพของสวรรค์ทำลายเท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และสูดลมหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก็สามารถผ่านด่านที่ยากเย็นที่สุดมาได้แล้ว ขอเพียงผ่านทะเลสวรรค์ลงทัณฑ์มาได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นแล้ว
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ลุกขึ้นยืนหันหลังมองไปข้างหน้า มองเห็นข้างหน้าตลบอบอวลไปด้วยประกายเซียน ประกายเซียนแต่ละสายที่ตั้งตรงอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ประกายเซียนทุกสายยาวนับล้านล้านจ้าง ยามที่ประกายเซียนเช่นนี้ตั้งตรงอยู่ตรงนั้น ดูไปแล้วคล้ายดั่งเป็นโลกที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายเซียน ขอเพียงก้าวข้ามโลกที่อยู่ตรงหน้า เหมือนว่าก็จะสามารถไปถึงที่ที่ผู้เป็นเซียนพำนักอยู่อย่างนั้น
หลี่ชิเย่มองดูประกายเซียนแต่ละสายที่แขวนตั้งตรงอยู่ตรงนั้นแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆ จังหวะก้าวไม่ช้าแต่ก็ไม่เร็ว ก้าวไปทีละก้าวๆ เสมือนดั่งหนึ่งก้าวหนึ่งโลกธาตุอย่างนั้น
ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ อยู่นั้น ทุกครั้งที่ผ่านประกายเซียนสายหนึ่ง ประกายเซียนก็จะส่งแสงแวบวับทีหนึ่ง เหมือนว่าเป็นการสแกนตัวของหลี่ชิเย่อย่างนั้น ขณะที่ประกายเซียนกระโดดแวบวับเหมือนเป็นการหยั่งเชิงต่อหลี่ชิเย่อย่างนั้น
หลี่ชิเย่เหมือนมองไม่เห็นกับปฏิกิริยาของประกายเซียน เพียงก้าวเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ เงียบๆ เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
หลี่ชิเย่ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไรแล้ว เมื่อเข้าเดินข้ามท้องฟ้าที่มีประกายเซียนแต่ละสายตั้งตรงแล้ว ข้างหน้าเป็นเปลวเพลิงเซียนที่ลอยเลื่อน เหมือนว่านี่คือโลกที่เต็มไปด้วยลวดลายสีสัน
เวลานี้ ท่ามกลางโลกที่มีเปลวเพลิงเซียนและลวดลาย ปรากฏร่างเงาสายหนึ่ง เป็นร่างเงาสายหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เหมือนว่าเขาได้ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เริ่มมีการบุกเบิกเป็นฟ้าดินอย่างนั้น ไอลีนโนเวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...