ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2129

สรุปบท ตอนที่ 2129 ก้าวข้าม: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 2129 ก้าวข้าม จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2129 ก้าวข้าม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ดูเหมือนว่าข้างหน้าคือโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลโลกหนึ่ง เมื่อดูให้ละเอียดอีกทีดูจะไม่ใช่โลกที่กว้างใหญ่ไพศาล ดูไปแล้วเหมือนเป็นภาพวาดขนาดยักษ์ที่แขวนอยู่ตรงนันมากกว่า อีกทั้งบุคคลที่อยู่ในภาพวาดเหมือใหญ่นมีชีวิตจริง คล้ายกับว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีชีวิตขึ้นมาอย่างนั้น

ด้วยภาพที่มีลักษณะเช่นนี้แขวนอยู่ตรงนั้น ทางของเจ้าก็จะอยู่ตรงข้างหน้านี้เอง หรือจะเปลี่ยนคำพูดใหม่ก็คือ หากเจ้าคิดจะผ่านไปก็ให้เข้าไปอยู่ในภาพนั้นเสีย โลกที่อยู่ในภาพวาดก็คือโลกที่เจ้าคิดอยากจะไป คำพูดลักษณะเช่นนี้ฟังดูแล้วเหมือนไร้เหตุผลสิ้นดี

แต่ว่า ข้างหน้ามีเส้นทางเดียวเท่านั้น เหมือนว่าไม่มีทางอื่นใดที่จะไปได้ เจ้าไม่สามารถก้าวข้ามภาพๆ นี้ไปได้ มีเพียงเข้าไปภายในภาพนี้เท่านั้น

หลี่ชิเย่หัวเราะมองดูภาพวาดที่เสมือใหญ่นหนึ่งเป็นฉากกั้น กล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “เลียนแบบได้เหมือใหญ่นจริงๆ ที่สุดปลายทางของโลกก็มีอุปสรรคเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแต่วิธีการแตกต่างกันเท่านั้นเอง น่าสนใจจริงๆ”

หลี่ชิเย่เดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือใหญ่ไปแตะฉากกั้นบานนี้ หวังให้มือใหญ่ของตนลอดผ่านฉากกั้นบานนี้เข้าไป ได้ยินเสียงดังจึ๊ด จึ๊ดขึ้นมา มือใหญ่ของหลี่ชิเย่ตกลงเหมือนเป็นการหลอมรวมเข้าไปอยู่ในภาพนี้

แต่ว่า จังหวะที่มือใหญ่ของหลี่ชิเย่เพิ่งจะจมลงในพริบตาเดียวกันนั้น ได้ยินเสียงดังปุเสียงหนึ่งดังขึ้น มือใหญ่ของหลี่ชิเย่พลันถูกเด้งออกมา และหลี่ชิเย่ตึง ตึง ตึงถอยหลังไปหลายก้าวติดต่อกัน ฉากกั้นบานนี้ปฏิเสธหลี่ชิเย่โดยตรง เหมือนไม่อนุญาตให้หลี่ชิเย่ได้เข้าไปอย่างเด็ดขาดอย่างนั้น

“ยังคงเป็นวิธีการเดิมๆ” หลี่ชิเย่หัวเราะและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นี่นับเป็นโลกที่มีการป้องกันเอาไว้ แต่ก็แตกต่างกับสวรรค์โจร ดี ในเมื่อข้ากล้าที่จะมาก็กล้าทำอยู่แล้ว”

ในเวลานี้เอง ร่างกายของหลี่ชิเย่สว่างไสวขึ้นมา ได้ยินเสียงแตกละเอียดดังคร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกขึ้น ฐานเต๋าที่หลี่ชิเย่ฝึกในแดนสิบถึงกับแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ เวลานี้หลี่ชิเย่ได้ทำลายทักษะยุทธของตนทิ้งไป

“ได้เวลาที่ข้าจะพลิกหน้าศักราชใหม่ทั้งหมดได้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงดินที่อุดมสมบูรณ์สำหรับศักราชใหม่เท่านั้น” หลี่ชิเย่ได้ทำลายทักษะยุทธของตนไป อีกทั้งยังมีท่าทีที่เรียบเฉยยิ่งนัก

หลี่ชิเย่พยายามฝึกปรืออย่างหนักมาโดยตลอดตั้งแต่เก้าแดนจนถึงแดนสิบ แต่มาวันนี้กลับทำลายทักษะยุทธไปทั้งหมด ฟังแล้วดูเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว!

การที่หลี่ชิเย่ทำลายทักษะยุทธของตนเองไป ไม่เพียงต้องการผ่านฉากกั้นที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ การที่เขาทำลายทักษะยุทธทั้งหมดของตน เพราะต้องการผงาดขึ้นมาในโลกที่ใหม่ทั้งหมดโลกนี้ บุกเบิกสร้างระบบถ่ายทอดทางลัทธิของตนเอง เปิดศักราชของตนขึ้นมาเอง เนื่องจากที่ตรงนี้คือโลกที่หลุดพ้นจากสวรรค์ ดังนั้น ศักราชใหม่ของหลี่ชิเย่จะเริ่มต้นขึ้นที่โลกแห่งนี้

การที่หลี่ชิเย่ทำเช่นนี้ไม่เพียงเพราะต้องการมาถึงโลกใบนี้ เขาต้องการอาศัยโลกที่อยู่ท่ามกลางการแทรกแซงของฟ้าดินสร้างระบบการฝึกวิชาของตนขึ้นมา เป็นระบบที่ใหม่ทั้งหมด ระบบที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง!

“โลกใบนี้ จงต้อนรับการมาถึงของข้าเถอะ ในอนาคตจะต้องเป็นศักราชของข้า!” หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ทำลายทักษะยุทธแล้วก็ได้หัวเราะเสียงดัง ทันใดนั้นเอง หน้าอกของหลี่ชิเย่พลันเจิดจ้ายิ่งนัก เสียงตูมดังสนั่น ลำแสงสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา

ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ลอยขึ้นมา ลำแสงที่เจิดจ้ายิ่งพวยพุ่งออกมาจากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขานั่นเอง สุดยอดพลังสูงสุดที่พวยพุ่งออกมาจากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางได้ มันสามารถทะลุผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างในโลก

เสียงตูมดังสนั่น ลำแสงสายนี้เสมือนดั่งได้ทะลุผ่านฉากกั้นข้างหน้าไป เหมือนยิงทะลุผ่านโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลภายใต้ปณิธานที่เด็ดขาดของลำแสงสายนี้ ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านเอาไว้ได้

ได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา ในเวลานี้เอง ฉากกั้นที่อยู่ด้านหน้าสว่างไสวขึ้นมา นาทีนี้หาใช่เป็นฉากกั้นที่เปล่งแสงออกมาอีกต่อไป แต่เป็นหลี่ชิเย่ที่จุดติดฉากกั้น และหรือก็คือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ที่จุดติดไปทั่วทั้งโลก เขาต่างหากที่เป็นผู้บงการทุกสิ่งของที่นี่ จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาสูงสุด ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขา แม้แต่โลกที่กว้างใหญ่ไพศาล แม้แต่โลกของเซียน ล้วนแล้วแต่จุอยู่ในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขา

สุดท้าย จากการที่ถูกจุดติดโดยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ นาทีนี้ฉากกั้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่สว่างไสวขึ้นมา ไม่ได้เป็นหลากสีสันอีกต่อไป และไม่ใช่สีสันของโลกมนุษย์ที่กว้างใหญ่ไพศาลอีกต่อไป ภายในฉากกั้นนี้มีเพียงสีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือสีของความเจิดจ้า

สิ่งนี้แทนสุดยอดจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรสูงสุดของหลี่ชิเย่ แทนปณิธานสูงสุด แทนความความมั่นคงสูงสุดของหลี่ชิเย่ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถทำให้หวั่นไหวได้ ไม่มีสิ่งใดสามารถสั่นคลอนได้!

“ต่อให้บนโลกมีเซียน เมื่อข้าหลี่ชิเย่มาแล้ว คงมีสักวันก็ต้องรู้จักเจียมตน! มิฉะนั้นล่ะก็ต้องถูกสังหารแน่นอน! ลอยล่องเป็นนิรันดร์ มีข้าเท่านั้นที่สู้จนถึงคนสุดท้าย!” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ

นาทีนี้ เสียงของหลี่ชิเย่ดังก้องไปเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เหมือนว่าเขาได้กลายเป็นผู้บงการของโลกนี้ ต่อให้โลกนี้มีเซียนอยู่ก็ต้องรอรับมือหนักแน่นจริงจัง เมื่อมองเห็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของหลี่ชิเย่ก้าวข้ามฉากกั้นไปได้

จี๊ด จี๊ด จี๊ด…ในเวลานี้เองฉากกั้นทั้งหมดได้กลับกลายเป็นน้ำทะเลสาบ อีกทั้งมีหมุนเร็วขึ้นๆ เรื่อยๆ จนค่อยๆ กลายเป็นวังวน สุดท้ายฉากกั้นทั้งบานหมุนวนขึ้นมา กลายเป็นวังวนขนาดยักษ์สุดเทียบเทียม ส่งประกายเจิดจ้าดูงดงามยิ่งนัก ประทับใจผู้คนยิ่งนัก

ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ร่างของหลี่ชิเย่ถูกดูดเข้าไปทั้งร่าง นาทีนี้หลี่ชิเย่ะลุผ่านฉากกั้นนี้ไปได้

พลังจับตัวเป็นน้ำแข็งข้างในนี้แข็งแกร่งและสยองขวัญยิ่งนัก อย่าว่าแต่ยอดฝีมือทั่วไปเลย ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ต้องถูกฆ่าตายด้วยการจับตัวเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตาเดียว แต่ทว่า หลี่ชิเย่ได้รับการปกป้องคุ้มครองกายาจากชะตาดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ จึงไม่ส่งผลร้ายอะไรกับเขา เพียงแต่เขาเพิ่งจะมาถึงโลกนี้ก็ถูกตาเฒ่าหลอกเข้าให้ทีหนึ่ง

แน่นอน ตาเฒ่าก็ใช่ว่าจะขุดหลุมพรางขึ้นมาเป็นการเฉพาะต่อหลี่ชิเย่ เขาเพียงทิ้งทางหนีทีไล่เอาไว้เพื่อป้องการคนอื่นเท่านั้นเอง เพียงแต่หลี่ชิเย่เจอะเจอเข้ากับหลุมพรางนี้เข้าพอดี พลันที่เหยียบเข้ามายังโลกใบนี้ก็ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งแล้ว

แดนสามเซียน หรือที่บางคนเรียกว่าสามแดน ส่วนที่ว่าเพราะอะไรจึงมีการเรียกที่นี่ว่าแดนสามเซียนนั้น มีคำเล่าลือกันหลายกระแส และมีตำนานต่างๆ นานา

มีคำเล่าลือหนึ่งเห็นว่า การที่โลกนี้มีการตั้งชื่อว่าแดนสามเซียนนั้น เป็นเพราะต้องการระลึกถึงจอมราชันสามองค์! ซึ่งก็คือซุ่ย ซี หนงที่เป็นจักรพรรดิทั้งสามในตำนาน

แต่ก็มีคำเล่าลืออีกแบบมองว่า การที่โลกนี้ถูกตั้งชื่อว่าแดนสามเซียน เป็นเพียงคำเรียกรวมๆ อย่างหนึ่งของวิธีถ่ายทอดทางลัทธิของสายสำนักสัทธิเซียน สายสำนักลัทธิราชัน สายสำนักลัทธิพรรษทั้งสามแดนเท่านั้น

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แดนสามเซียนคือชื่อที่ทุกคนให้การยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นแดนลัทธิเซียน แดนลัทธิราชัน และหรือแดนลัทธิพรรษ ทุกคนต่างพร้อมใจกับเรียกว่าแดนสามเซียน!

ผู้คนที่อยู่ในแดนสามเซียนแห่งนี้จะไม่รู้ว่าอะไรคือเก้าแดน อะไรคือสิบสามทวีป ในความรู้ของบรรดาสรรพชีวิตในแดนสามเซียนที่มีอยู่ก็คือ โลกนี้มีเพียงแดนสามเซียนของพวกเขา นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีโลกอื่นใดอีกแล้ว

เฉกเช่นเก้าแดนก็ไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของสิบสามทวีป ขณะที่สิบสามทวีปก็ไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของแดนสามเซียน ดังนั้น สรรพชีวิตทั้งหมดในแดนสามเซียนก็ไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของโลกเก้าแดน และสิบสามทวีปเช่นกัน

อาจกล่าวได้ว่าสำนักกระบี่ยักษ์คือสำนักที่ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงในแดนสามเซียน อย่าว่าแต่ในแดนสามเซียนเลย แม้แต่ในลัทธิพรรษเอง หรือที่เรียกกันว่าแดนลัทธิพรรษนั้น สำนักกระบี่ยักษ์ก็เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะไม่คู่ควรจะกล่าวถึง

กระทั่งอย่าว่าแต่ในแดนลัทธิพรรษเลย แม้แต่ภายใต้ระบบถ่ายทอดความคิดทางลัทธิของลานกำแหงเอง สำนักกระบี่ยักษ์ก็อยู่ในฐานะเฉกเช่นมดปลวกเท่านั้น ไม่มีค่าที่จะกล่าวขวัญถึงยิ่งนัก ด้วยเหตนี้เอง สำนักกระบี่ยักษ์จึงตั้งอยู่บริเวณผืนแผ่นดินที่ห่างไกลความเจริญ และรกร้างที่สุดภายใต้ระบบถ่ายทอดทางลัทธิของลานกำแหง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล