ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2138

หวังหานเดินเข้าไปในตำหนัก ผู้ติดตามมีเพียงหยางเซิ่นผิงเท่านั้น เนื่องจากเรื่องนี้ยิ่งมีคนรู้น้อยคนยิ่งดี

หลังจากที่หยางเซิ่นผิงเดินเข้าไปในตำหนักแล้ว รีบก้มโค้งต่อหลี่ชิเย่ พูดเสียงแผ่วเบารายงานต่อหลี่ชิเย่ว่า “ท่านบรรพบุรุษ ท่านผู้นี้ก็คือพระนาง”

หลังจากหวังหานเข้ามาถึง มองเห็นหลี่ชิเย่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรด้วยท่านั่งที่ไม่เกรงใจใคร นางถึงกับตะลึงนึดหนึ่ง เนื่องจากบรรพบุรุษที่เห็นอยู่ตรงหน้าอยู่เหนือความคาดคิดของนางทั้งหมด

ในความคิดของนาง ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพจากหุบเหวบรรพชนนั้น ย่อมต้องเป็นผู้ที่มีผมเผ้าสีขาวสยาย ปรากฏกลิ่นอายเซียนลอยล่อง และหรือเป็นผู้ที่มีท่าทีสยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน

แต่ทว่า หลี่ชิเย่ที่เห็นอยู่ตรงหน้าแลดูเป็นผู้ที่มีอายุน้อยมาก ทั้งยังดูธรรมดาๆ อย่างยิ่ง ธรรมดาถึงขนาดโยนลงไปบนถนนแล้วไม่มีใครให้ความสนใจเลยประเภทนั้น ด้วยคนที่มีอายุน้อยแล้วยังมีลักษณะที่ธรรมดาเช่นนี้ มันเหมือนเป็นศิษย์ที่ธรรมดาจนไม่รู้จะเรียกว่าธรรมดาอย่างไรคนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงโดยแท้ ศิษย์ลักษณะเช่นนี้ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงหากมีจำนวนไม่ถึงสิบล้านคนก็คงไม่หนีหลายร้อยล้านคน

หวังหานรู้สึกผิดหวังทันทีที่ได้เห็นหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้ากะทันหัน หัวใจหล่นตุ้บลงไปในก้นเหว นางยังเข้าใจว่าสามารถได้เห็นผู้บำเพ็ญตนสูงส่งคนหนึ่ง ไม่นึกว่ากลับเป็นคนอายุน้อยที่มีลักษณะธรรมดาเช่นนี้

“เซิ่นผิง…” เวลานี้หวังหานถึงกับจ้องมองไปที่หยางเซิ่นผิง นาทีนี้นางรู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าหยางเซิ่นผิงจะสุ่มหาศิษย์ธรรมดาที่ไหนสักคนมาสวมรอยเป็นบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของพวกเขา

หยางเซิ่นผิงถึงกับหวานอมขมกลืนเมื่อมองเห็นสายตาของหวังหานที่จ้องมองมาเช่นนี้ เขาเองเข้าใจได้ถึงเหตุผลที่หวังหานสงสัย ตอนที่เขาพบกับหลี่ชิเย่ในครั้งแรกไหนเลยจะมีความฉงนเช่นนี้เล่า

“เจ้ามาสายแล้ว” ในเวลานี้เองหลี่ชิเย่ได้ลืมตาขึ้นช้าๆ สองข้าง และสายตาก็ได้ตกอยู่บนตัวของหวังหาน

“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่ากระไร…” ภายในใจของหวังหานอดที่จะบังเกิดความเมินเฉยขึ้น เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่อายุน้อย และมีท่าทีที่ธรรมดาถึงเพียงนี้ ความที่ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นแม้แต่น้อย ดังนั้น นางจึงไม่มีท่าทีที่ให้ความเคารพเอาเสียเลย

“คุกเข่า…” ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ที่เพ่งตรงไปข้างหน้า พลันเปล่งเป็นประกายขึ้นมา พริบตาเดียวนั่นเอง ภายในดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งเทพมารของเหล่าชั้นฟ้าถูกระเบิดทำลายไปอย่างนั้น ดวงตาทั้งสองที่พันธนาการอยู่บนตัวของหวังหาน เหมือนดั่งผู้บงการของหมื่นแดน ราชันแท้จริง และเซียนหวังทั่วทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินก็ต้องคุกเข่าลงก้มกราบต่อหน้าของเขา

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น หวังหานยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ ฉับพลันนั้นควบคุมตนเองไม่ได้ ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง คุกเข่าลงกับพื้นในพริบตาเดียวนั่นเอง

จังหวะที่สายตาของหลี่ชิเย่ส่งประกายเยือกเย็นออกมานั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหยางเซิ่นผิงเลย คุกเข่าก้มกราบลงกับพื้นร่างกายสั่นเทา ด้วยท่าทีเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง พูดเสียงสั่นเครือว่า “ท่านบรรพบุรุษโปรดระงับโทสะ!”

ในเวลานี้ หยางเซิ่นผิงถูกทำให้ตระหนกตกใจจนวิญญาณกระเจิดกระเจิง เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหลี่ชิเย่แสดงความโกรธขึ้นมา พลันที่เขาโกรธ อย่าว่าแต่บุคคลตัวน้อยๆ เช่นเขาเลย ต่อให้เป็นเทพมารเซียนหวังของเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินก็ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าของเขา

ไม่ง่ายนักกว่าหวังหานจะได้สติคืนกลับมา นางรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน แม้ว่านางจะมีฐานะเป็นราชินี แต่นางมีชาติกำเนิดมาจากจวนหวัง จวนหวังในฐานะหนึ่งในสี่ขั้วอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง นางที่อยู่ในฐานะผู้สืบทอดจึงไม่ด้อยนัก ศักยภาพของนางจึงไม่ด้อยไปกว่ากษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้วนั่น

แต่ว่า ฉับพลันที่ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่แสดงอานุภาพออกมา ต่อให้นางที่มีศักยภาพระดับกษัตราแท้จริง ก็ต้องคุกเข่าลงกับพื้นโดยตรง เหมือนว่าศักยภาพเช่นนี้ของนางประดุจดังมดปลวกเท่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่

ในขณะนี้ บนตัวของหลี่ชิเย่ยังคงไม่มีพลังที่ยิ่งใหญ่ดั่งคลื่นยักษ์ และไม่มีท่วงท่าที่สยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน แต่ว่า พลันที่ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ส่งประกายเยือกเย็นออกมา ต่อให้เป็นเทพแท้จริงก็ต้องสั่นเทาเช่นกันเมื่ออยู่ตรงหน้าของเขา

หวันหานยังคงหวาดผวาไม่หาย ภายในใจบังเกิดความหวาดกลัวที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง เป็นความหวาดกลัวที่มาจากสัญชาตญาณ เหมือนว่าหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าคือผู้ที่ยืนอยู่บนอันดับสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร สรรพสิ่งมีชีวิตจะต้องคุกเข่าลงเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา ไม่ว่าจะดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดก็ตามเมื่ออยู่ภายใต้กลิ่นอายของเขาก็ต้องสั่นเทาไปทั้งร่าง

เวลานี้ หลี่ชิเย่หลับตาทั้งสองข้างลงอย่างช้าๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ และไม่ได้ให้หวังหานกับหยางเซิ่นผิงพวกเขาลุกขึ้น

จูซือจิ้งที่ยืนอยู่ด้านหลังสะดุ้งจนวิญญาณแทบออกจากร่างเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ในใจของนางนั้น ราชินีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอยู่ในฐานะที่สูงส่งอย่างยิ่ง คนของสำนักกระบี่ยักษ์หากได้พบเห็นราชินีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ต้องคุกเข่ากราบกับพื้น ไอรีนโนเวล

แต่ทว่า เวลานี้ราชินีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงถูกสยบจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้นยืน

ในเวลานี้ ภายในตำหนักเงียบสงัดจนถึงขีดสุด ยิ่งหยางเซิ่นผิงแล้วไม่ต้องพูดถึง เขาตัวสั่นไปทั้งร่าง และหมอบกับพื้นไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหว เนื่องจากหลี่ชิเย่แสดงความโกรธออกมาเมื่อครู่ พลันทำให้เขาตกใจสุดขีดจนแทบหัวใจวายตาย

หวังหานในฐานะราชินีผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง นางเคยพานพบอุปสรรคและอันตรายมาชนิดที่หยางเซิ่นผิงไม่สามารถเทียบเคียงได้ นางเคยพบเจอมาแล้วกระทั่งเทพแท้จริง เรียกได้ว่ามีความกล้าหาญเหนือผู้คน และยังมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันนางเองก็ใช่จะเป็นคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ มิฉะนั้นล่ะก็ นางคงไม่ยืนหยัดรักษาสถานการณ์เอาไว้อย่างทระนงหลังการสวรรคตของกษัตริย์

แต่ว่าเวลานี้นางเองก็ต้องคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าลุกขึ้นยืนในขณะนี้ แม้ว่าภายในใจของหวังหานจะมากหรือน้อยก็คิดอยากจะขัดขืน จะอย่างไรเสียนางหาใช่ผู้ที่พลันถูกผู้อื่นสยบแล้วก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้แบบนั้น แต่ว่า แม้นางคิดจะต่อต้านขัดขืน แต่ความหวาดกลัวที่อยู่ภายในใจกลับห้ามและสยบนางเอาไว้อย่างแข็งขัน ทำให้ขาทั้งสองข้างของนางอ่อนแรง และไม่มีความกล้าที่จะลุกขึ้นยืน

สัญชาตญาณโดยตรงบอกนางว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าดำรงอยู่ในฐานะสยองขวัญมากที่สุด ซึ่งเป็นต้นกำเนิดความสยองขวัญทุกสิ่ง ดังนั้นสัญชาตญาณโดยตรงจึงส่งผลให้นางสูญเสียความกล้าที่จะขัดขืน ได้แต่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น

ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลี่ชิเย่จึงได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมาอย่างช้าๆ กล่าวเรียบเฉยว่า “ลุกขึ้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล