ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2140

สรุปบท ตอนที่ 2140 พลิกหน้า ‘ตำรากาย’ อีกครั้ง: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

อ่านสรุป ตอนที่ 2140 พลิกหน้า ‘ตำรากาย’ อีกครั้ง จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 2140 พลิกหน้า ‘ตำรากาย’ อีกครั้ง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดของหวังหาน การสวรรคตของกษัตริย์ไม่เป็นผลดีต่อสายของจวนหวังอยู่แล้ว หากพลาดโอกาสเช่นนี้ไปอีก มีความเป็นได้ที่สายของจวนหวังพวกเขาต้องออกจากศูนย์กลางอำนาจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสืบทอดต่อกันมาเป็นล้านล้านปี เคยเปลี่ยนราชวงศ์มาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนานมานี้ ราชวงศ์ที่ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่รู้ว่าเปลี่ยนมาแล้วมากมายเท่าไร และไม่รู้ว่ามีสำนักที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งมากมายเท่าไร สุดท้ายแล้วต้องเสื่อมตามกันไปในที่สุด กลับกลายเป็นสายย่อย หรือกลายเป็นส่วนปลายสุดส่วนหนึ่งของระระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด

บนแผ่นดินระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในปัจจุบัน มีสำนักต่างๆ ตั้งอยู่มากมายดั่งดอกเห็ด ในจำนวนนั้นก็มีสำนักที่มีกำลังกล้าแข็งเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันเป็นเพียงสายแยกของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เป็นเพียงกิ่งหรือใบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่เป็นต้นไม้สูงเสียดฟ้าเท่านั้น

ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในทุกวันนี้ ขั้วอำนาจที่สามารถบงการสถานการณ์ได้อย่างแท้จริงมีเพียงสี่ขั้วอำนาจใหญ่เท่านั้น จวนหวังของพวกเขาก็คือหนึ่งในนั้น

ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมีดังนี้คือ จวนหวัง กองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ และค่ายฉู่

พวกเขาที่เป็นขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่คือผู้ที่มีกำลังกล้าแข็งสี่สายในบรรดาสำนักต่างๆ จำนวนมากมายภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง พวกเขาทั้งสี่สายล้วนแล้วแต่เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงมาแล้ว กระทั่งมีสายที่ให้กำเนิดราชันแท้จริงมาแล้วมากกว่าหนึ่ง แน่นอน ราชันแท้จริงที่ขั้วอำนาจใหญ่ทั้งสี่สายให้กำเนิดมานั้น ล้วนแล้วแต่ไม่เคยแซงล้ำหน้าบรรพบุรุษกำแหงไปได้

การที่จวนหวังสามารถก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ สามารถกลายเป็นหนึ่งในเส้นชีพจรใหญ่ที่สามารถบงการสถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ นับว่าพวกเขามีศักยภาพที่แข็งแกร่งมาก สามารถก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ก็นับว่าไม่ง่ายนัก

แต่ว่า ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั้น ไม่รู้ว่ามีสำนักจำนวนเท่าไรที่จ้องมองถึงการมีอำนาจในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตาเป็นมัน ถ้าหากจวนหวังของพวกเขาก้าวเดินพลาดแม้เพียงก้าวเดียว ไม่แน่นักอาจจะต้องตกต่ำลง กระทั่งต้องถอยออกห่างจากอำนาจนับแต่นี้เป็นต้นไป

“แต่ว่า เรื่องนี้ก็ไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป” ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากคนผู้นี้เป็นบรรพบุรุษตัวปลอม โดยเฉพาะมีจุดประสงค์ต่อต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเราล่ะก็ เช่นนั้นแล้วเกรงว่าจะส่งผลร้ายต่อต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเรา เมื่อถึงขั้นนั้น เกรงว่าสายของจวนหวังพวกเราไม่เพียงเป็นแค่คนบาป ผิดต่อบรรพบุรุษ กระทั่งอาจต้องถูกเนรเทศเพราะเรื่องนี้ และไม่มีโอกาสแก้ตัวได้อีกต่อไป”

คำพูดของผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกผู้นี้ ทำให้บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ต้องเงียบขรึม เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเนรเทศแล้ว สำนักกระบี่ยักษ์คือตัวอย่าง ในอดีตสำนักกระบี่ยักษ์ก็เคยกล้าแข็งมาก ภายหลังตกต่ำลง และยังทำความผิดใหญ่หลวงซ้ำอีก จึงถูกเนรเทศไปยังดินแดนที่ห่างไกลความเจริญมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ถ้าหากจวนหวังของพวกเขาจะต้องมีวันนั้นจริงๆ ล่ะก็ เรียกได้ว่าไม่มีวันที่จะกลับมาได้อีก

“ให้บรรพบุรุษต้นกำเนิดสัจธรรมพิสูจน์เท็จจริงได้หรือไม่?” เวลานี้หวังหานนึกวิธีหนึ่งได้ และกล่าวว่า “ถ้าหากจะมีผู้ที่สามารถพิสูจน์เท็จจริงได้จริงๆ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากบรรพบุรุษที่เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรมแล้ว”

คำพูดของหวังหานทำให้บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับมองตากันและกัน ย่อมไม่ต้องสงสัย ในบรรดาบรรพบุรุษผู้แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว ย่อมต้องเป็นบรรพบุรุษผู้เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรม บรรพบุรุษผู้เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรมไม่เพียงแข็งแกร่งเท่านั้น ทั้งยังมีฐานะที่สูงส่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง หากสามารถได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษผู้เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรม เช่นนั้นแล้ว บรรพบุรุษผู้ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่ก็จะไม่มีปัญหาอย่างสิ้นเชิงแล้ว

“บรรพบุรุษผู้เฝ้ารักษาต้นกำเนิดสัจธรรมไม่แน่เสมอไปว่าจะยืนอยู่ข้างจวนหวังของพวกเรา” ผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกอีกคนกล่าวขึ้นช้าๆ

เมื่อได้ยินคำเตือนจากผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกผู้นี้แล้ว บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกคนอื่นๆ พลันเข้าใจในทันที ถ้าหากว่าบรรพบุรุษผู้ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่เป็นจริงก็จะยอดเยี่ยมที่สุดเลย อนาคตจะต้องสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

บรรพบุรุษเช่นนี้คือเนื้อชิ้นมันก้อนโตอย่างแน่นอน ไม่พียงเป็นผู้กุมอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กระทั่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไปอีกหลายยุคหลายสมัย จวนหวังของพวกเขาย่อมจะต้องเกาะ ต้องประจบสรอพลอบรรพบุรุษเช่นนี้เอาไว้ แน่นอน ต้องคอยห้อมล้อมอยู่ข้างกายของเขาเอาไว้ จะไม่ยอมให้ขั้วอำนาจอื่นๆ แย่งไปได้อย่างเด็ดขาด

ดังนั้น ถ้าหากบรรพบุรุษผู้นี้เป็นตัวจริง จวนหวังของพวกเขาไหนเลยจะยกให้คนอื่นไปได้ พวกเขาจะต้องประจบเอาไว้และปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

“เชิญบรรพบุรุษของพวกเรามาพิสูจน์ดู” สุดท้ายแล้วผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกผู้นี้มีความเห็นแล้วและกล่าวว่า “บรรพบุรุษของพวกเราเป็นระดับเทพแท้จริง มีความรู้ประสบการณ์ไม่ธรรมดาเลย! เขาย่อมสามารถแยกแยะได้ดีกว่าพวกเรา! ขอเพียงบรรพบุรุษสามารถแยกแยะเท็จจริงออกมาได้ บรรพบุรุษผู้นี้จะเป็นผู้ที่สนับสนุนพวกเราได้เป็นอย่างดี จากนี้ไปพวกเราจวนหวังจะสนับสนุนเต็มที่ ถ้าหากเป็นตัวปลอม พวกเราก็สามารถปิดบังให้หายไปด้วยการสังหารเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะไม่มีใครล่วงรู้อีกเลย”

เมื่อหวังหานได้ฟังคำพูดเช่นนี้แล้วถึงกับนิ่งเงียบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือวิธีการที่ดีที่สุด แต่สัญชาตญาณบอกนางว่า นางเชื่อในตัวของหลี่ชิเย่ นางคิดว่าหลี่ชิเย่ต้องเป็นบรรพบุรุษผู้ฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่จริงๆ แน่นอน และให้การไว้ใจและสนับสนุนหลี่ชิเย่โดยไม่มีเงื่อนไข

“บรรพบุรุษผู้นี้พวกเราต้องดูแลอย่างดีเป็นการชั่วคราวห้ามเสียมารยาท ดูแลให้ดี จะอย่างไรเสียคนเขามีฐานะที่สูงส่ง แต่ก็ไม่ควรให้ข่าวรั่วไหล หลังจากยืนยันเรื่องของฐานะแล้วค่อยตัดสินใจอีกที” สุดท้าย บรรดาผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกของจวนหวังต่างตัดสินใจเป็นเอกฉันท์

หวังหานได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ นางได้แต่เห็นด้วยตามนี้ จะอย่างไรเสียลำพังอาศัยนางคนเดียวไม่สามารถบงการสถานการณ์ได้ ลำพังนางคนเดียวไม่สามารถเกลี้ยกล่อมบรรพบุรุษทั้งหมดของจวนหวังให้คล้อยตามได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหอศักดิ์สิทธิ์ ค่ายฉู่ และกองกำลังซั่งที่เป็นสามขั้วอำนาจใหญ่แล้ว ไอรีนโนเวล

หลี่ชิเย่ไม่ให้ความสำคัญแม้แต่น้อย และไม่อยากจะถามถึงว่า คนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตัดสินใจว่าอย่างไร ถ้าหากเขาตั้งใจจะกุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจริงๆ ล่ะก็ กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก ไม่มีความยากอะไรเลย อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่ได้สนใจอะไรนักหนากับอำนาจอิทธิพลทำนองนี้

ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่อาศัยอยู่ในวังคนึงหานั้น ปรกติแล้วเวลาส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่การฝึกฝน ในขณะนี้ต้นอ่อนสัจธรรมบนพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ได้เจริญเติบโตกลายเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งแล้ว

จังหวะที่กลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินถูก ‘ตำรากาย’ ดูดซับไปไม่ขาดช่วงนั้น กิ่งก้านสาขาและใบของต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินที่อยู่บนพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ได้โอนเอนไปมา โดยมีกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินที่ตลบอบอวลไม่ขาด แผ่กระจายออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด เหมือนว่านี่คือต้นกำเนิดของทุกสิ่ง มีกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินที่ไม่มีวันหมดสิ้นชั่วนิจนิรันดร์

ครั้น ‘ตำรากาย’ ได้ดูดซับกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินเอาไว้อย่างเพียงพอแล้ว มันได้หยุดการดูดซับต่อ เหมือนว่านาทีนี้มันกลับกลายเป็นอิ่มเอิบยิ่งนัก

แว้งค์…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเองต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินได้ปรากฏประกายขึ้น และมีอักขระยันต์ลอยขึ้นมา เป็นอักขระยันต์ที่เป็นแบบใหม่ทั้งหมด แต่มันก็ดูเหมือนดึกดำบรรพ์อะไรอย่างนั้น เหมือนว่ามันคงอยู่มาตั้งแต่แรกเริ่มกำเนิดฟ้าดินมาแล้ว

ด้วยอักขระยันต์ที่มีความดึกดำบรรพ์เช่นนี้ แต่กลับดูเหมือนใหม่เอี่ยมอะไรอย่างนั้น เนื่องจากกลิ่นอายที่มันมีอยู่นั้นช่างน่าเกรงขาม และเปี่ยมด้วยพลังชีวิต เหมือนเป็นชีวิตใหม่อะไรอย่างนั้น

ขณะที่อักขระยันต์นี้ปรากฏขึ้นมาจากต้นแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดินนั้น มันได้ไหลรินไปทั่วร่างของหลี่ชิเย่ ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึง อักขระยันต์ทั้งหมดได้ถักทอเข้าด้วยกันและกลายเป็นกฎเกณฑ์ เป็นกฎเกณฑ์ที่ใหม่ทั้งหมดดุจดั่งเพิ่งออกมาจากเตาอย่างนั้น แต่กลับตลบอบอวลไปด้วยพลังของดึกดำบรรพ์ ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดิน

ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง กฎเกณฑ์ใหม่ทั้งหมดที่ไหลรินอยู่ได้ไหลรินไปยังแขนของหลี่ชิเย่ แล้วค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากปลายนิ้วของหลี่ชิเย่ ไหลเข้าไปใน ‘ตำรากาย’

จังหวะที่กฎเกณฑ์ใหม่ทั้งหมดแต่ละสายไหลรินเข้าไปยัง ‘ตำรากาย’ นั้น มองเห็น ‘ตำรากาย’ เริ่มเปล่งแสงออกมา แสงลักษณะเช่นนี้ได้ไหลรินอยู่ภายใน ‘ตำรากาย’ ไปทั่วทั้งเล่ม เหมือนว่ามันได้ทำการสลักตัวอักษรลงบน ‘ตำรากาย’ ทีละตัวๆ เหมือนว่านี่คือการเขียนตำราศักดิ์สิทธิ์ดึกดำบรรพ์เล่มหนึ่งอย่างนั้น

“เปิดออก…” เมื่อแสงดังกล่าวตลบอบอวลบน ‘ตำรากาย’ ทั่วทั้งเล่มนั้น หลี่ชิเย่คำรามเสียงทุ้มต่ำคำหนึ่ง ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ไพศาลของกลิ่นอายแรกเริ่มก่อนกำเนิดฟ้าดิน ทันใดนั้นหลี่ชิเย่เหมือนหลุดออกจากช่องว่างนี้ไปอย่างนั้น เขาได้สร้างโลกที่ใหม่เอี่ยมขึ้นมาโลกหนึ่ง

แรกเริ่มเดิมที ที่ตรงนี้ปราศจากสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงหลี่ชิเย่บังเกิดความคิดขึ้นมา ก็ก่อเกิดดวงตะวันจันทราและดวงดาวขึ้นมา ต่อจากนั้นก็ปรากฏทางช้างเผือก จักรวาลที่ล้อมรอบ สรรพสัตว์ถือกำเนิดขึ้นมา

เสียงซ่าาาดังขึ้นเสียงหนึ่ง ท่ามกลางโลกที่ใหม่เอี่ยมทั้งหมด หลี่ชิเย่เป็นผู้บงการทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใด ไม่มีผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดๆ สามารถต้านปณิธานของเขาได้ พริบตาเดียวนั่นเอง ‘ตำรากาย’ ปรากฏเสียงของหน้าตำราที่ถูกพลิกเปิดขึ้นมา เสียงลักษณะเช่นนี้ได้ดังก้องไปทั่วทุกๆ บทบาทของจักรวาลใหม่ทั้งหมด กลายเป็นเสียงที่เป็นนิรันดร์

…………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล