เสียงตูมดังสนั่น ทันใดนั้นเอง หลี่ชิเย่ได้พลิกเปิดหน้าแรกของ ‘ตำรากาย’ ขึ้น ซึ่งเป็นหน้าแรกที่ใหม่ทั้งหมด
จังหวะที่ ‘ตำรากาย’ ถูกพลิกเปิดหน้าแรกขึ้นมานั้น ปรากฏแสงที่สวยงามพุ่งขึ้นรุนแรง และมีภาพเหตุการณ์ประหลาดที่อัศจรรย์ยิ่งเกิดขึ้น ในขณะที่หน้าแรกของ ‘ตำรากาย’ ถูกพลิกเปิดขึ้นมานั้น เหมือนว่าเป็นการเปิดโลกที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาอย่างนั้นแสงที่สวยงามที่ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งขึ้นไปถึงยังจักรวาล
ในเวลานี้ ‘ตำรากาย’ ที่ถูกเปิดหน้าแรกขึ้นมา ปรากฏสุริยันจันทราและดวงดาวลอยขึ้นมา เหมือนว่าต้องการวิวัฒนาการให้กลายเป็นโลกๆ หนึ่งที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาอย่างนั้น
จากนั้น ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง บรรดาสุริยันจันทราและดวงดาว และสรรพสิ่งในฟ้าดินที่ลอยขึ้นมาก็พลันหายไป กลายเป็นตัวอักขระยันต์แต่ละตัวที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมา ทุกๆ ตัวอักขระมีขนาดพอๆ กับดวงดาว และมีประกายเจิดจ้าละลานตาเช่นเดียวกับสุริยันจันทรา เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดงดงามได้เท่ากับมันอีกแล้ว ไม่มี-สิ่งใดสามารถประทับใจได้มากกว่ามันอีก
อักขระยันต์ที่ใหม่ทั้งหมดแต่ละตัวไหลเวียนไม่หยุดนิ่งท่ามกลางเสียงดังตูมตาม เสมือนดั่งตะวันจันทราที่ต่างหมุนรอบซึ่งกันและกันอย่างนั้น ยามที่อักขระยันต์ทั้งหมดหมุนเวียนจนเข้าสู่วงโครจรที่ถูกต้องแล้ว ถึงกับค่อยๆ จัดเรียงกันตามลำดับ อักขระยันต์แต่ละตัวอาศัยความลึกล้ำพิสดารยิ่งเรียงกันตามลำดับ กลายเป็นคาถาแต่ละคำๆ จากนั้นค่อยๆ กลายเป็นสุดยอดคัมภีร์สูงสุดอย่างช้าๆ เหมือนว่าสัจธรรมที่ใหม่ทั้งหมดกำลังจะปรากฎขึ้นมาอย่างนั้น!
สุดท้าย เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น คัมภีร์ทั้งบทก็ได้ลงไปอยู่ในหน้าแรกของ ‘ตำรากาย’ ‘ตำรากาย’ ทั้งเล่มได้เปล่งแสงของอักขระยันต์ขึ้นมา นาทีนี้ บทคัมภีร์ที่ใหม่ทั้งหมดบทหนึ่งได้สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เคล็ดวิชาที่ใหม่ทั้งหมดได้ถือกำเนิดขึ้นใน ‘ตำรากาย’ นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป มันหาใช่ ‘ตำรากาย’ ในอดีตอีกต่อไป จากนี้ไป สิ่งที่เรียกว่าเคล็ดวิชาสิบสองกายเซียนก็อันตธารหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลี่ชิเย่พลิก ‘ตำรากาย’ หน้าแรกขึ้นมาอ่านและพินิจพิเคราะห์เคล็ดวิชาที่ใหม่ทั้งหมดนี้อย่างละเอียด ในอนาคตเขาก็จะกลายเป็นคนแรกที่อ่านแล้วและเข้าใจถึงวิธีการฝึกเคล็ดวิชาแขนงนี้…
ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่พักอาศัยอยู่ในวังคนึงหาอยู่นั้น เวลาที่เหลืออยู่นอกเหนือจากการฝึกแล้วก็คืออ่านตำรา ส่วนเรื่องของบรรพบุรุษฟื้นคืนชีพที่ว่านั้น เขาขี้คร้านจะไปเอ่ยถึง และไม่ได้ให้ความสนใจถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้
ความหมายของการอ่านตำราที่หลี่ชิเย่พูดถึง หาใช่เป็นอ่านจำพวกเคล็ดลับของเคล็ดวิชาอะไรทำนองนั้น ความจริงแล้ว ในมือของหลี่ชิเย่เวลานี้มีเคล็ดลับวิขาต่างๆ เป็นจำนวนมาก แม้แต่เคล็ดลับวิขาต่างๆ ที่ผู้เฒ่ากำแหงทิ้งเอาไว้ก็มีเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งหมดเหล่านี้หาใช่ตำรางที่หลี่ชิเย่ต้องการอ่านเป็นอันดับแรก
ตำราที่หลี่ชิเย่อ่านนั้นล้วนแล้วแต่เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ ตำราที่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เล่าลือกันและน้อยคนที่รู้ ระบบถ่ายทอดความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสืบทอดกันมานานนับล้านล้านปี ถ้าหากจะบอกว่าสถานที่แห่งใดของระบบถ่ายทอดความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้รวบรวมตำราเอาไว้มากที่สุดล่ะก็ จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากห้องสมุดของพระราชวังแล้ว
ถ้าหากเจ้าเดินเข้าไปภายในห้องสมุด เจ้าจะรู้สึกเหมือนตนเองนั้นได้เข้าไปยังมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก ที่ตรงนี้มีตำราที่ไม่มีสิ้นสุด ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นตำราที่ผ่านการสั่งสมมาเป็นระยะเวลาอย่างยาวนานของระบบถ่ายทอดความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ส่วนใหญ่เป็นตำราที่คนของระบบถ่ายทอดความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในแต่ละรุ่นได้เก็บรวบรวมและสั่งสมกันมา และมีส่วนหนึ่งได้รับมอบจากบุคคลภายนอก
แน่นอนที่สุดตำราที่อยู่ภายในห้องสมุดล้วนแล้วแต่เป็นตำราประเภทนานาสาระ โดยไม่ต้องพูดถึงเรื่องของเคล็ดวิชาหรือเคล็ดลับอะไรทั้งนั้น แน่นอน สถานที่ที่สำหรับเก็บเคล็ดลับหรือเคล็ดวิขาของระบบถ่ายทอดความคิดด้านลัทธิลานกำแหงใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้อยู่แล้ว
การที่หลี่ชิเย่อ่านตำราจำนวนมหาศาลขนาดนี้ นอกจากต้องการเข้าใจแดนสามเซียนให้ลึกซึ้งมากไปกว่านั้นแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องการติดตามร่องรอยๆ หนึ่ง นั่นก็คือเซียน!
ครั้นหลี่ชิเย่ได้อ่านตำราจำนวนมหาศาลไปแล้ว บวกกับความทรงจำของผู้เฒ่ากำแหง ถ้ำเซียนมารต่างๆ หลี่ชิเย่เข้าใจถึงแดนสามเซียนอย่างชัดเจนเหมือนดั่งเห็นมากับตา กระทั่งกล่าวได้ว่าข่าวลับเรื่องเก่าแก่ดึกดำบรรพ์จำนวนมากล้วนแล้วแต่เข้าใจอย่างชัดเจน แม้จะเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำ เขาก็สามารถอาศัยสิ่งนี้คำนวณหาความลับที่ลึกซึ้งและยอดเยี่ยมที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังออกมาได้
จะอย่างไรเสีย ในพันล้านปีที่ผ่านมา เขามีความถนัดกับการทำเรื่องเช่นนี้มากที่สุด จากจุดเล็กๆ ไปหาจุดใหญ่ จากร่องรอยน้อยนิดไปคำนวณหาบทคัมภีร์ของยุคสมัยทั้งยุค จากตัวอักษรที่มากมายดั่งทะเลกว้างใหญ่ค้นหาและดึงเอาข้อมูลข่าวสารที่ตนเองต้องการมากที่สุดมาได้ เหมือนแหวกม่านหมอกออกพบกับความจริง! ค้นหาเบื้องหลังของความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวอักษรเหล่านั้น
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้คือเรื่องที่หลี่ชิเย่ถนัดที่สุด และมีความชำนาญมากที่สุด ขอเพียงมีข้อมูลให้เขาสักนิดหนึ่ง เขาก็สามารถคำนวณภาพเบื้องหลังทั้งหมดออกมาได้ ไม่มีอะไรหนีไปจากดวงตาทั้งสองของเขาไปได้ ไม่มีอะไรสามารถรอดไปจากการวิเคราะห์ของเขาไปได้
ดังนั้น เมื่อหลี่ชิเย่ได้อ่านตำราจำนวนมหาศาลที่เก็บสั่งสมเอาไว้แล้ว ทำให้เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนเหมือนดั่งเห็นมากับตา กระทั่งสามารถไล่ย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดของแดนสามเซียนจนหายสงสัยและเข้าใจเป็นอย่างดี ได้ค้นพบร่องรอยของเซียน
“สุ่ย ซี่ หนง” เมื่อหลี่ชิเย่เข้าใจทุกอย่าง และค้นพบร่องรอยของเซียนเท้จริงแล้วนั้น หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ข้ารอคอยการมาถึงของวันนั้น ดูซิว่า ใครคือผู้ควบคุมจักรวาลที่แท้จริง!”
สุดท้าย หลี่ชิเย่เก็บตำราและหลับตาลงช้าๆ เสมือนดั่งเข้าสู่การหลับใหลอย่างนั้น
หลี่ชิเย่เข้าพักอาศัยในพระราวังมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาเองไม่ได้ร้อนร้นกับเรื่องของระบบถ่ายทอดความคิดด้านลัทธิลานกำแหงและไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก วันๆ เอาแต่อ่านตำรา และฝึกฝน
ครั้นหลี่ชิเย่สามารถเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับแดนสามเซียนได้อย่างชัดเจนแล้ว เขารู้สึกสนใจเรื่องอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือการกลั่นโอสถ!
การกลั่นโอสถในแดนสามเซียนมีหลายอย่าง แต่ที่ทำให้หลี่ชิเย่สนใจอย่างแท้จริงก็คือยาเม็ดอายุวัฒนะ!
แน่นอน ยาเม็ดอายุวัฒนะไม่ทำให้หลี่ชิเย่เกิดความสนใจขึ้นมาได้ ที่ทำให้หลี่ชิเย่สนใจได้อย่างแท้จริงคือยาอายุวัฒนะระดับชั้นราชันแท้จริงขึ้นไป
ในแดนสามเซียน ยามเมื่อผู้บำเพ็ญตนสักคนที่ก้าวเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมีความแข็งแกร่งจนกลายเป็นราชันแท้จริงแล้ว ในแดนสามเซียนก็จะมีการเล่าลือถึงคำเล่าลือเกี่ยวกับตัวของเจ้าว่า เจ้าสามารถมาจากระบบถ่ายทอดความคิดด้านลัทธิใดในแดนสามเซียนก็ได้ กระทั่งมีศักยภาพพอที่จะปกครองยุคสมัยหนึ่งได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...