หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากผู้เฒ่าลึกลับผู้นั้นแล้ว ได้เดินเล่นอยู่ในห้างเจียวเหิงต่อไป เขาเดินไปชมไปเรื่อยๆ แม้จะกล่าวว่าห้างเจียวเหิงนั้นห้างร้านและห้างเพชรพลอยมีเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน อัญมณีมีจำนวนมากจนยากจะจินตนาการ แต่ว่า ของวิเศษที่เข้าตาของเขาได้นั้นมีหร็อมแหร็มเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้เดินไปถึงเรือนโบราณหลังหนึ่ง เรือนโบราณหลังนี้มีชื่อว่าเรือนอัญมณี มันคือสถานที่ที่สามารถหาซื้อของที่ล้ำค่ามากที่สุดภายในห้างเจียวเหิง กล่าวได้ว่า ของวิเศษที่มีอยู่ในนั้นไม่ทันใดก็ว่ากันที่หลักสิบล้าน และเป็นราคาที่สูงลิบลิ่ว แต่ว่าของวิเศษที่อยู่ในเรือนอัญมณีนับเป็นของชั้นเลิศโดยแท้ กระทั่งมีบางอย่างเป็นของที่มีอยู่ในแดนลัทธิเซียนเท่านั้น
ส่วนหญิงสาวที่ไม่เคยเข้าสังคมมาก่อนเช่นจูซือจิ้งนั้น ถูกทำให้หวั่นไหวกับอัญมณีแต่ละชิ้นที่อยู่ตรงหน้า ขณะที่ก้าวเดินเข้าไปในเรือนอัญมณี อัญมณีแต่ละชิ้นที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าชิ้นไหนนางก็ไม่สามารถซื้อได้ทั้งสิ้น เป็นอัญมณีที่นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แม้แต่หยางเซิ่นผิงเอง ปรกติแล้วเขาเองก็ไม่กล้าเหยียบเข้าไปในเรือนอัญมณี แม้ว่าใครๆ ก็สามารถเข้าไปยังเรือนอัญมณีได้ แต่ว่าอัญมณีที่อยู่ในเรือนอัญมณีไม่ว่าชิ้นไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถซื้อเอาไว้ได้
ผู้ที่สามารถซื้อสิ่งของในเรือนอัญมณีได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นระดับเจ้าสำนัก หรือเจ้าถิ่น เฉกเช่นหวังหานที่อยู่ในฐานะราชินีของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังพอจะซื้อได้ แต่ว่า ของวิเศษบางอย่างที่ราคาสูงลิบลิ่วนั้น หวังหานก็ไม่สามารถซื้อได้เช่นกัน
หวังหานที่ติดตามหลี่ชิเย่เข้าไปในเรือนอัญมณี ถึงกับรู้สึกทอดถอนใจภายในใจ ธาตุแท้ภายในของห้างเจียวเหิงนับว่าลึกล้ำยากจะหยั่งถึงจริงๆ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าธาตุแท้ภายในของห้างเจียวเหิงลึกเท่าไร
แค่พูดถึงเรือนอัญมณีที่อยู่ตรงหน้าก็พอ ของล้ำค่าที่อยู่ภายในนั้นไม่ด้อยไปกว่าจวนหวังของพวกเขาเลย ของวิเศษบางชิ้นกระทั่งจวนหวังของพวกเขาก็ไม่มี
สมควรทราบว่า คลังสมบัติของจวนหวังนั้นไม่ได้เป็นของของนางเพียงคนเดียว มันเป็นของจวนหวังทั้งมวล
แม้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็มีคลังสมบัติที่เป็นเอกเทศ แต่คลังสมบัติของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยิ่งหาใช่นางคนเดียวที่สามารถตัดสินใจได้ ของวิเศษที่อยู่ในคลังสมบัติของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากสำหรับการพระราชทานหรือเปลี่ยนเจ้าของ
เป็นความจริงที่ของวิเศษที่อยู่ภายในเรือนอัญมณีมีจำนวนมาก มีสัจอาวุธที่มีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสอง และมีอาวุธนอกลัทธิเต๋าที่มหัศจรรย์ ยิ่งกว่านั้น ยังมีสัตว์ปีกและสัตว์บกที่พบเห็นได้ยาก
จังหวะที่ก้าวเข้าไปยังเรือนอัญมณีนั้น จะมองเห็นเป็นตู้คริสตัลขนาดยักษ์ตู้หนึ่ง ภายในตู้คริสตัลถึงกับมีมังกรทองที่ยังเล็กอยู่แหวกว่ายไปมาอยู่ในนั้น มังกรทองตัวนี้มีห้าเล็บ มีสีทองบริสุทธิ์ทั้งตัว แต่ก็แฝงด้วยสีของแดงเพลิง แม้ว่าตัวมันยังเล็กมาก แต่ก็เปี่ยมด้วยอำนาจและกำลังยิ่งนัก ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายมังกรที่น่ากลัวสายหนึ่ง
“นี่เป็นมังกรทองที่แท้จริงรึ?” แม้แต่หวังหานก็ยังหวั่นไหวกับสิ่งนี้ เมื่อมองเห็นมังกรทองตัวเล็กที่ว่ายไปมาอยู่ภายในตู้คริสตัล ต่อให้นางที่มีฐานะเช่นนนี้ก็ไม่เคยได้พบเห็นมังกรทองที่แท้จริงมาก่อน
“มังกรทองแดงเพลิง นับเป็นสายแยกของมังกรทอง” ในขณะที่พนักงานขายของเรือนอัญมณียังไม่ทันได้ตอบคำถาม หลี่ชิเย่ได้พูดท่าทีเฉยเมยขึ้นมาว่า “ถ้าหากเป็นมังกรทองแท้จริงล่ะก็ มันคงไม่ต้องเลี้ยงเอาไว้ในน้ำลักษณะเช่นนี้ นี่นับเป็นทายาทของมังกรทอง แต่ว่าความล้ำค่าของมันห่างชั้นจากมังกรทองมาก แต่หากมันโตเต็มวัยแล้ว เลือดมังกรบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว มีอัตราส่วนที่จะกลายเป็นมังกรทองได้ระดับหนึ่ง”
“สหายสายตาแหลมคม” แม้แต่พนักงานขายของเรือนอัญมณียังรู้สึกตกใจระคนแปลกใจเมื่อได้ฟังคำพูดที่เอ้อระเหยเช่นนี้ เนื่องจากมังกรทองแดงเพลิงชนิดนี้พบเห็นได้น้อยมาก พลันที่ผู้คนจำนวนมากมองเห็นก็จะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมังกรทอง แต่ว่า หลี่ชิเย่แค่มองดูแวบหนึ่งก็สามารถพูดเจื้อยแจ้วเหมือนดั่งเป็นของล้ำค่าที่อยู่ในบ้านของตน นับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก
ท่าทางของหลี่ชิเย่แลดูธรรมดาอย่างยิ่ง ไม่นึกเลยว่าถึงกับมีความรู้ที่กว้างขวางเช่นนี้ อยู่เหนือความคาดคิดของพนักงานขายเรือนอัญมณีไปมากทีเดียว นี่แหละที่เรียกว่าประเมินคนที่หน้าตาไม่ได้ น้ำทะเลไม่อาจตวงวัดได้!
ปฏิกิริยาของหลี่ชิเย่เรียบเฉย เพียงมองดูของล้ำค่าแต่ละชิ้นที่อยู่ภายในเรือนอัญมณี ค่อยๆ ชื่นชมไปช้าๆ ดูจากของล้ำค่าที่เรือนอัญมณีได้รวบรวมเก็บเอาไว้แล้ว นับว่ากำลังของห้างเจียวเหิงนั้นมีความมั่นคงมากอย่างแท้จริง เป็นห้างร้านที่สามารถก้าวข้ามลัทธิเซียน ลัทธิราชัน และลัทธิพรรษได้ การที่สามารถสร้างจนมีขนาดของธุรกิจได้ถึงเพียงนี้ เบื้องหลังมีพลังที่น่ากลัวเช่นใดกันแน่
ไม่ว่าจะเป็นห้างร้านใดๆ ก็ตาม คิดจะทำธุรกิจของตนให้ยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง การค้าเจริญรุ่งเรือง แน่นอนที่สุดเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เบื้องหลังจะต้องมีพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ในโลกของผู้บำเพ็ญตน ถ้าหากไม่มีกำลังที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คิดจะทำการค้าใหญ่โตมันคือการฝันเฟื่องของคนปัญญาอ่อนชัดๆ ถ้าหากไม่มีกำลังที่กล้าแข็งคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ต่อให้มีของล้ำค่าในครอบครองมากกว่านี้ มีแหล่งทรัพยากรมากกว่านี้ มันก็แค่เหนื่อยเปล่าเท่านั้นเอง มีโอกาสถูกใครเขาปล้นเอาไปจนไม่เหลืออะไรเลยได้ทุกเวลา
คณะของหวังหานติดตามหลี่ชิเย่ชื่นชมของล้ำค่าแต่ละชิ้นที่มีอยู่ในเรือนอัญมณี หวังหานและหยางเซิ่นผิงล้วนแล้วแต่นับว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ จะมากหรือน้อยก็ยังพอจะดูรู้ถึงประวัติความเป็นมาของของล้ำค่าแต่ละชิ้นที่อยู่ในเรือนอัญมณีได้บ้าง ส่วนจูซือจิ้งนั้นประสบการณ์ของนางมีน้อยมาก ทำได้แค่ดูชมไปตามเรื่องเท่านั้น ของล้ำค่าจำนวนมากนางเองก็ดูไม่รู้ว่ามันมีชื่อว่าอะไร
“นี่มันกระบี่เหล็กของเทพแท้จริงส่านหวินมิใช่รึ? เป็นศาสตราวุธอัตตาที่ล้ำค่าของเขานะเนี่ย” ระหว่างที่กำลังชื่นชมกับของล้ำค่าแต่ละชิ้นภายในเรือนอัญมณีอยู่นั้น หยางเซิ่นผิงสามารถจดจำกระบี่วิเศษเล่มหนึ่งได้ ถึงกับกล่าวด้วยความตระหนกว่า “กระบี่เหล็กส่านหวินทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“เป็นของล้ำค่าประจำตระกูลของตระกูลขุนนางโบราณส่านหวิน” หวังหานเองก็รู้สึกเหนือความคาดคิดเมื่อได้เห็น เนื่องจากตระกูลขุนนางโบราณส่านหวินก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสายแยกขนาดใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเช่นกัน ตระกูลของพวกเขาเคยเป็นเสาหลักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาก่อน
“เหล่าสหายทั้งหลายกล่าวได้ถูกต้อง นี่คือกระบี่เหล็กส่านหวินจริงๆ ของล้ำค่าประจำตระกูลของตระกูลขุนนางโบราณส่านหวิน กระบี่เหล็กเล่มนี้ผ่านกระบวนการหลอมกลั่นและทดสอบอย่างโชกโชนจนเป็นโลหะบริสุทธิ์ สุดท้ายกลั่นบูชาเป็นกระบี่อัตตา” พนักงานขายของเรือนอัญมณีกล่าวว่า “เจ้าบ้านตระกูลขุนนางโบราณส่านหวินนำกระบี่เล่มนี้มาขายฝากที่ตรงนี้ ไม่ทราบว่าสหายทั้งหลายสนใจหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...