เผิงเวยจิ่นที่คุกเข่าอยู่กับพื้นในเวลานี้มีสีหน้าที่ซีดเผือด ขาทั้งสองข้างสั่นเทา เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าคนรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าถึงกับเป็นราชินีปลอมตัวมา
เวลานี้เผิงเวยจิ่นถึงกับสั่นเทิ้ม เมื่อนึกได้ว่าตัวเองเพิ่งจะด่านางว่า ‘คนรับใช้ชั้นต่ำ’ ซึ่งเป็นโทษประหารทั้งตระกูล ต่อให้ไม่ประหารบ้านตระกูลเผิงของพวกเขา เกรงว่าตัวเขาก็ต้องถูกลากตัวออกไปตัดหัว
“พระนาง โปรดไว้ชีวิตด้วย!” เวลานี้เผิงเวยจิ่นถึงกับโขกศีรษะพร้อมกับร้องออกมา
หวังหานมองเผิงเวยจิ่นด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง นี่จะเป็นการขจัดอิทธิพลร้าย นางขี้คร้านจะไปสนใจเขา เพียงจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่เท่านั้นเอง
สายตาของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ยังคงตกอยู่กับหินที่อยู่ในมือก้อนนั้นเท่านั้น เขาข้คร้านจะไปมองหน้าเผิงเวยจิ่นสักแวบด้วยซ้ำ จังหวะที่หวังหานจ้องมองมานั้น เขาเพียงโบกมือและกล่าวเฉยเมยว่า “ตบปาก!”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่จำเป็นต้องให้หวังหานลงมือด้วยตนเอง หยางเซิ่นผิงทำแทนก็พอแล้ว มองเห็นหยางเซิ่นผิงถลกแขนเสื้อขึ้น มองดูเผิงเวยจิ่นด้วยท่าทีเย็นชาว่า “นายน้อยบ้านตระกูลเผิง คุณชายและพระนางนับว่ากรุณาเป็นพิเศษแล้ว ถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้แล้ว!” ขาดคำใช้มือบีบคางของเผิงเวยจิ่นเอาไว้
เพียะ เพียะ เพียะ…ในขณะนี้หยางเซิ่นผิงกดเผิงเวยจิ่นเอาไว้ แต่ละฝ่ามือได้ตบเข้าไปที่แก้มของเผิงเวยจิ่น เพียงไม่กี่ฝ่ามือก็ทำเอาใบหน้าของเผิงเวยจิ่นบวมแดงขึ้นมา เลือดไหลออกมาจากมุมปากไม่หยุด
เสียงเพียะ เพียะ เพียะที่ดังก้องอย่างยิ่ง ตบจนเลือดไหลออกจากมุมปากของเผิงเวยจิ่นตลอดเวลา แต่ว่าเผิงเวยจิ่นเวลานี้ไม่กล้าส่งเสียงร้องสักเอะ ไม่ลากตัวเขาออกไปตัดหัวเวลานี้ก็นับว่าบุญแล้ว
ผู้คนจำนวนมากยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น มองเห็นนายน้อยของบ้านตระกูลเผิงถึงกับคุกเข่ากับพื้น ถูกคนอื่นกดเอาไว้และตบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตระหนก
เผิงเวยจิ่นถูกหยางเซิ่นผิงบีบปากและถูกฝ่ามือตบเข้าไปอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่าท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมาก สิ่งนี้กล่าวสำหรับเผิงเวยจิ่นแล้วมันคือความอัปยศอย่างใหญ่หลวง แต่ทว่า ต่อให้เป็นเรื่องที่น่าอัปยศยิ่งกว่านี้ย่อมดีกว่าต้องเสียชีวิต
เพียะ เพียะ เพียะ…ฝ่ามือแล้วฝ่ามือเล่าที่ตบไปที่ใบหน้าอย่างรุนแรง ผ่านไปกว่าสิบฝ่ามือ ทำเอาเผิงเวยจิ่นเลือดกลบปาก ฟันถูกตบจนแทบร่วงหมดปาก
หลี่ชิเย่มัวแต่พินิจพิเคราะห์หินก้อนที่อยู่บนมือนั่น ขณะที่หวังหานยืนอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่เงียบๆ ขี้คร้านจะไปสนใจเผิงเวยจิ่นที่ถูกตบปากท่ามกลางสาธารณชน
ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับใจหายใจคว่ำเมื่อมองเห็นเผิงเวยจิ่นถูกตบปากอย่างรุนแรงเช่นนี้ ต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ของชิ้นนี้ข้าซื้อเอาไว้” สุดท้ายหลี่ชิเย่ได้สั่งการกับพนักงานขายของเรือนอัญมณี
พนักงานขายของเรือนอัญมณีไม่พูดมากความจัดการห่อให้เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่สั่งการ หวังหานจัดการควักเงินจ่ายให้ทันที เมื่อครู่นางได้เสนอราคาขึ้นไปถึงสิบล้าน นางยังคงจ่าไปสิบล้านโดยตรง กล่าวสำหรับนางแล้ว สิ่งนี้ไม่นับเป็นเรื่องอะไร
ลูกค้าจำนวนไม่น้อยของเรือนอัญมณีจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกว่าบ้าบิ่น เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ถึงกับทุ่มเงินสิบล้านซื้อก้อนหินที่ไม่สะดุดตาก้อนหนึ่ง แม้แต่พนักงานขายของเรือนอัญมณีก็รู้สึกว่ามันเป็นการบ้าบิ่น ราคานี้สูงขึ้นกว่าราคาเดิมเกือบสิบเท่า ลูกค้าที่มือเติบมากเพียงนี้นับว่าพบเห็นได้ยากเหลือเกิน
หลี่ชิเย่เก็บหินก้อนนี้เอาไว้โดยไม่ได้มอบให้กับหวังหานที่อยู่ข้างกาย จากนั้นหันหลังจากไปทันที
ขณะที่หลี่ชิเย่จากไปนั้น มีหวังหานและจูซือจิ้งที่ติดตามไปด้วย หยางเซิ่นผิงได้ตบหน้าเผิงเวยจิ่นอย่างแรงเข้าให้อีกหลายสิบทีแล้ว จึงติดตามพวกของหลี่ชิเย่จากไป
เผิงเวยจิ่นที่เลือดกบปากคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ถูกทำให้อับอายจนแทบอยากจะให้พื้นดินแตกเป็นช่องออกมา จะได้มุดหายตัวไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เผิงเวยจิ่นถึงกับต้องกำหมัดแน่นกระทั่งเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เขาถึงกับกัดฟันกรอด ดวงตาทั้งสองพวยพุ่งปณิธานที่น่ากลัวออกมา เขาสามบานภายในใจว่า แค้นนี้จะต้องชำระให้ได้ หากไม่แก้แค้นนี้ไม่ขอเป็นคน เขาจะต้องให้ทุกคนที่สร้างความอัปยศให้เขาในวันนี้ต้องแลกด้วยค่าตอบแทน!
หลังจากที่หลี่ชิเย่กลับไปถึงที่พักแล้ว หลี่ชิเย่ได้สั่งการให้พวกเขาล่าถอยไป จากนั้นปิดกั้นช่องว่างเสีย ค่อยๆ หยิบก้อนหินก้อนนั้นที่เพิ่งได้มาจากเรือนอัญมณีออกมา ท่าทีหนักแน่นจริงนัง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ตาเฒ่า บางทีนี่อาจเป็นวาสนา และบางทีสิ่งของบางสิ่งถูกลิขิตเอาไว้แล้ว”
หลังจากพูดจบ หลี่ชิเย่ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้ลัคนาของเขาปรากฏ ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงชะตาดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ปรากฏ กฎเกณฑ์สิบสองสายทิ้งตัวห้อยลงมา ทำการอารักขาหลี่ชิเย่เอาไว้
ในเวลานี้ ท่ามกลางทะเลแห่งความรู้ของหลี่ชิเย่ปรากฏอักขระยันต์แต่ละตัวลอยขึ้นมา อักขระยันต์แต่ละตัวเก่าแก่โบราณยิ่งนัก เหมือนว่ามันได้กลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนาน
ได้ยินเสียงตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้อักขระยันต์แต่ละตัวได้ถักทอเข้าด้วยกัน ภายในระยะเวลาอันสั้น อักขระยันต์แต่ละตัวได้ถักทอจนกลายเป็นกฎเกณฑ์ขนาดเล็กเส้นหนึ่ง กฎเกณฑ์ขนาดเล็กเส้นนี้ดั่งเส้นใยดั่งโซ่ แลดูลึกซึ้งพิสดารและงดงามเป็นอย่างยิ่ง มันส่งแสงแวบวับออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...