ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2153

ย่อมไม่ต้องสงสัย ผู้เฒ่าผู้นี้ก็รู้สึกฉงนในตัวของหลี่ชิเย่ หรือบางทีอาจกล่าวว่าภายในใจของเขาก็ระแวดระวังในตัวของหลี่ชิเย่อยู่ จิตใต้สำนึกบอกเขาว่าผู้ที่มาย่อมไม่หวังดี

หลี่ชิเย่มองหน้าผู้เฒ่าแวบหนึ่ง กล่าวเฉยเมยว่า “เดินดูไปอย่างนั้นแหละ แผ่นดินอันงดงามไร้ขอบเขตของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ข้าอยากมาก็มา อยากไปก็ไป”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ผู้เฒ่าถึงกับต้องหรี่ตาลงสองข้าง แววตาของเขาเต้นกระตุกทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “คำพูดของสหายก็มีเหตุผล มิสู้สหายไปเยือนที่บ้านข้าจะเป็นไร จะได้ศึกษาสัจธรรมกันและกัน”

ผู้เฒ่าผู้นี้สรรหาคำพูดเสียดูเกรงใจมาก ใช้คำว่าศึกษา ความจริงคือต้องการรับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่ เพื่อต้องการทราบประวัติและกำลังของหลี่ชิเย่ เนื่องจากเขาดูไม่ออกถึงธาตุแท้ของหลี่ชิเย่ หวังอาศัยโอกาสขณะลงมือให้ทราบถึงชาติกำเนิดของหลี่ชิเย่

“ศึกษารึ?” หลี่ชิเย่มองหน้าผู้เฒ่าไปตามอารมณ์ทีหนึ่ง กล่าวเฉยเมยว่า “วิชา ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ที่เจ้าฝึกมาแม้จะไม่เลวนัก แต่เจ้าฝึกได้แย่มาก!”

‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ หยางเซิ่นผิงถึงกับผวาเมื่อได้ยินชื่อนี้ ร้องเสียงแหลมออกมา เมื่อได้สติจึงตระหนักว่าตนเองนั้นเสียมารยาท จึงรีบใช้มือปิดปากของตนเอาไว้

ในเวลานี้หยางเซิ่นผิงจ้องมองผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตระหนก แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว้าผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่ว่าเขากลับรู้จัก ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’!

เคล็ดกระบี่เทพกำแหง เป็นวิชากระบี่ที่ผู้เฒ่ากำแหง ปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเป็นผู้สร้าง ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง

ฟังว่าเคล็ดกระบี่เทพกำแหงนั้นฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด ผู้ที่มีสิทธิ์ได้ฝึก ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ นั้นมีอยู่ไม่มาก สามารถฝึกเคล็ดวิชากระบี่แขนงนี้ล้วนแล้วแต่ดำรงอยู่ในระดับบรรพบุรุษทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นระดับบรรพบุรุษของบรรพบุรุษอีกด้วย

ผู้ที่ดำรงอยู่ในระดับนี้เป็นผู้ที่หยางเซิ่นผิงไม่มีโอกาสได้สัมผัส และไม่มีสิทธิ์ได้พบเห็นอยู่แล้ว

ต่อให้หยางเซิ่นผิงไม่รู้ว่าประวัติความเป็นมาของผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้า แต่สามารถฝึก‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ได้ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าฐานะของผู้เฒ่าผู้นี้ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสูงส่งยิ่งนัก ต้องเป็นบุคคลระดับบรรพบุรุษอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน เมื่อได้ฟังคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว หยางเซิ่นผิงต้องหัวเราะเจื่อนๆ ออกมา ความพาลของหลี่ชิเย่นั้นใช่จะเพิ่งเป็นมาวันสองวันนี้เอง

ไม่ว่าใครที่อยู่ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ตาม หากได้ยินคำว่า ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ก็ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ไม่รู้ว่าประวัติความเป็นมาของฝ่ายตรงข้ามเป็นเช่นใด ก็ต้องรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นระดับบรรพบุรุษที่ฐานะสูงส่งและมากด้วยอำจาน และต้องลุกขึ้นแสดงความเคารพด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดออกมาตรงๆ ว่า เคล็ดกระบี่เทพกำแหงของผู้เฒ่าแย่มาก

แต่ว่า เมื่อนึกอีกที หลี่ชิเย่อาจจะเป็นบรรพบุรุษที่ฟื้นคืนชีพ นึกถึงฐานะของเขาแล้ว ในใจของหยางเซิ่นผิงก็เป็นที่เข้าใจได้แล้ว

“เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่าท่านเชี่ยวชาญใน ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ แล้วสิ” เมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดเสียไม่มีราคา ทำให้ผู้เฒ่าผู้นี้ก็ต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ดวงตาทั้งสองดูเข้มขรึมและกล่าวเสียงทุ้มต่ำออกมา

แม้ว่าผู้เฒ่าเองหาใช่ประเภทไม่เห็นใครอยู่ในสายตา และหาใช่ผู้ที่หยิ่งยโสอย่างยิ่ง แต่ทว่าฝีมือด้าน ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ตัวเขาเข้าใจว่าในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่มีผู้ใดสามารถแซงล้ำหน้าเขาไปได้ เว้นเสียแต่อาจารย์ของเขาซึ้งล่วงลับไปแล้ว

แต่ทว่า ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ที่เขาภูมิใจตัวเอง และถือดีมากที่สุด เมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่แล้วกลับไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย ทั้งยังเป็นการไร้ค่าที่ออกมาจากปากของคนหนุ่มอย่างหลี่ชิเย่ ไม่ว่าจะมองดูอย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่หลี่ชิเย่จะมีอายุมากไปกว่าเขา

ถูกคนหนุ่มคนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ซึ่งเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งและภาคภูมิใจที่สุด จะมากหรือน้อยย่อมทำให้ในใจของผู้เฒ่ารู้สึกไม่สบอารมณ์นัก

“คงไม่ถึงขั้นเชี่ยวชาญ และไม่ค่อยได้ไปฝึกปรือมากนักก็ฝึกสำเร็จแล้ว เทียบกับผู้เฒ่ากำแหงแล้วด้อยกว่าสามส่วน” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผู้เฒ่าบังเกิดอารมณ์อยากจะกระอักเลือดออกมา เขาไม่กล้าบอกว่า ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ของเขานั้นคือหนึ่งเดียวในหล้า แต่ก็นับว่าเป็นเอกในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เวลานี้หลี่ชิเย่กลับบอกว่าแค่ฝึกไปอย่างนั้นเองก็สำเร็จแล้ว และด้อยกว่าปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาแค่สามส่วนเท่านั้นเอง เขาฝึก ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ มาชั่วชีวิตกลับเทียบไม่ได้กับชายหนุ่มที่แค่ฝึกไปอย่างนั้นเอง ย่อมสามารถยั่วโมโหให้คนต้องกระอักเป็นเลือดออกมา

โชคยังดีที่ผู้เฒ่านับว่าเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมจิตมาอย่างดี เป็นคนใจกว้าง และเขาก็ไม่ถึงขนาดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ท่าทีหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้าฝึกปรือไม่ดีพอ ยังมีข้อบกพร่องอยู่มากทีเดียว ต้องขอให้ท่านลงมือเพื่อศึกษาชี้แนะบ้าง”

“ลงมือคงไม่ต้องแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “เกรงว่าเจ้าจะรับได้ไม่กี่กระบวนท่าหากข้าลงมือ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะต้องสูญเสียบรรพบุรุษเช่นเจ้าไปล่ะก็ เสียหายหนักมาก”

คำพูดที่เรียบเฉยของหลี่ชิเย่ ทำให้ผู้เฒ่าบังเกิดอารมณ์อยากจะกระอักเป็นเลือดออกมา ชั่วชีวิตของเขาเคยพานพบผู้ที่อวดดีมานับไม่ถ้วน ต่อให้อวดดีมากกว่านี้ก็เคยพบมาแล้ว

แต่ว่า อวดดีถึงระดับเช่นหลี่ชิเย่นั้นเขาไม่เคยพบเลยจริงๆ กระทั่งหลี่ชิเย่พูดจาสามหาวว่าเขาสามารถรับมือได้ไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น นี่เป็นการดูแคลนเขาชัดๆ! เขาไม่เชื่อว่ายังจะมีใครในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่ฝีมือเหนือกว่าเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสามารถเอาชนะเขาได้ภายในไม่กี่กระบวนท่า

หยางเซิ่นผิงที่อยู่ข้างๆ ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว การสนทนาของสองบรรพบุรุษ เขาในฐานะผู้เยาว์ไม่มีสิทธิ์ไปสอดแทรกได้อยู่แล้ว

“เจ้าเองไม่ต้องไม่ยอมรับ” ไอรีนโนเวล ขณะที่ผู้เฒ่าถูกยั่วโมโหจนรู้สึกอึดอัดอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้กล่าวเรียบเฉยขึ้นมาว่า “เคล็ดกระบี่เทพกำแหงยึดถือกำแหงแต่ไม่สับสน กำแหงแต่ไม่โกรธ กำแหงที่แท้จริงคือกำแหงแฝงไว้ซึ่งความพาล สยบด้วยกำลังและสยบด้วยคุณธรรม นี่แหละคือแก่นแท้ของเคล็ดกระบี่เทพกำแหง วิชากระบี่ของเจ้าแม้จะมีความบ้าคลั่ง แต่กลิ่นอายความบ้าคลั่งนั้นได้ปรากฏความสับสน เคล็ดกระบี่เทพกำแหงเช่นนี้เท่ากับเรียนรู้เพียงผิวเผินเท่านั้นเอง ยังห่างไกลจากแก่นแท้ เจ้ายังจะต้องก้าวเดินอีกไกลมากบนเส้นทางสายนี้”

หลี่ชิเย่พูดเจื้อยแจ้วออกมาเหมือนดังพูดถึงสมบัติภายในบ้านของตน ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือทุกๆ ตัวอักษรดั่งบทกวีที่งดงาม

ผู้เฒ่าถึงกับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อได้ฟังคำจากหลี่ชิเย่แล้ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมากและรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง จ้องมองหลี่ชิเย่คล้ายดั่งเห็นผีอย่างนั้น

เนื่องจากไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งมากไปกว่าเขาอีกแล้วในด้าน ‘เคล็ดกระบี่เทพกำแหง’ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไม่มีผู้ใดบรรลุถึงแก่นแท้ของเคล็ดกระบี่เทพกำแหงมากไปกว่าเขาอีกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล