ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2163

ฉู่ชิงหลินเริ่มต้นการฝึกด้วยเคล็ดพลังภายในที่แข็งแกร่งและลึกซึ้งพิสดารที่สุดของราชันแท้จริงฉู่ขวาง ขณะที่ฉู่ชิงหลินก็ไม่ทำให้บรรดาบรรพบุรุษของค่ายฉู่ต้องผิดหวัง พรสวรรค์ของนางนับว่าสูงเด่นและกล้าแข็งโดยแท้จริง ด้วยอายุยังเยาว์วัยมากทักษะของนางก็ก้าวล้ำแซงหน้าผู้ที่อยู่ในวัยเดียวกันแล้ว กลายเป็นอันดับหนึ่งของศิษย์ที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน

สิ่งนี้ไม่อาจกล่าวว่าเป็นการมองใกล้ของบรรดาเหล่าบรรพบุรุษของค่ายฉู่ ความจริงแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากก็ทำเช่นนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยินดีเริ่มต้นการฝึกด้วยเคล็ดวิชาขั้นพื้นฐานที่สุด จะอย่างไรเสียจะมีใครบ้างที่ยินดีถอดทองหรือหยกเอาไว้แล้วไปขนก้อนอิฐกันเล่า ผู้ที่สามารถทำเช่นนี้ได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเพียงใด และจะต้องได้รับการตัดสินใจจากผู้อาวุโสที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์มองการณ์ไกลที่สูงมาก

เสมือนดั่งภูเขาลูกหนึ่งที่เต็มไปด้วยสินแร่ เกรงว่าผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่รู้ว่าภูเขาลูกนี้มีความเป็นไปได้ที่จะขุดพบทองคำปริมาณมหาศาล แต่ว่า กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว การไปขุดหาสินแร่จากภูเขาลูกนี้มิสู้เก็บเอาก้อนอิฐทองคำที่อยู่บนพื้นน่าจะเป็นรูปธรรมมากกว่า

ซึ่งก็เหมือนดั่งฉู่ชิงหลินอย่างนั้น แรกเริ่มเดิมทีบรรดาเหล่าบรรพบุรุษของค่ายฉู่ก็ให้เก็บอิฐทองคำที่อยู่บนพื้นก่อน ให้ฉู่ชิงหลินเริ่มต้นการฝึกด้วยเคล็ดวิชาที่กล้าแข็งและลึกซึ้งพิสดารที่สุดของราชันแท้จริงฉู่ขวาง

แต่ทว่า หลังจากก้าวไปได้ระดับหนึ่งแล้ว เมื่อกำลังของฉู่ชิงหลินกล้าแข็งขึ้นแล้ว บรรดาเหล่าบรรพบุรุษของค่ายฉู่ก็ตั้งความหวังกับนางสุงขึ้นไปอีก คราวนี้จึงคิดที่จะไปขุดภูเขาที่มีสินแร่นั่น!

จะอย่างไรเสีย ที่สุดแล้วราชันแท้จริงฉู่ขวางก็แค่ราชันแท้จริงเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับปฐมบรรพบุรุษแล้วยังคงมีช่วงห่างอยู่ไม่น้อยทีเดียว!

ดังนั้น บรรดาบรรพบุรุษของค่ายฉู่ก็คาดหวังให้ฉู่ชิงหลินซึ่งก้าวเดินจากเส้นทางของราชันแท้จริงฉู่ขวางให้ข้ามไปยังเส้นทางของผู้เฒ่ากำแหง ซึ่งความจริงแล้ว อาศัยพรสวรรค์ และความสามารถในการบรรลุแต่ละด้านของฉู่ชิงหลินแล้ว ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

จะอย่างไรเสีย สัจธรรมของราชันแท้จริงฉู่ขวางก็วิวัฒนาการมาจากสัจธรรมของผู้เฒ่ากำแหง ซึ่งมันเป็นสัจธรรมที่สามารถเข้ากันได้อย่างสิ้นเชิง เปรียบประดุจน้ำในแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลอย่างนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สำเร็จได้เมื่อเงื่อนไขพร้อมสรรพอยู่แล้ว

แต่ปัญหาบังเกิดขึ้นตรงที่จังหวะฉู่ชิงหลินก้าวข้ามจากสัจธรรมของราชันแท้จริงฉู่ขวางไปยังสัจธรรมของผู้เฒ่ากำแหงนั้น ซึ่งรอยเชื่อมต่อระหว่างกันใช่จะราบลื่นยิ่งนัก จะอย่างไรเสียโลกนี้ย่อมไม่มีสิ่งใดที่สมบูรณ์แบบทุกประการ

ถ้าหากว่าฉู่ชิงหลินเพียงแค่ต้องการกลายเป็นระดับเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งสุดเปรียบเปรยล่ะก็ เรื่องนี้เกรงว่าคงไม่ใช่ปัญหา แต่หากต้องการกลายเป็นสุดยอดราชันแท้จริง หรือกระทั่งก้าวไปยังเส้นทางสูงสุดสู่ระดับปฐมบรรพบุรุษ เส้นทางนี้ดูจะยากเข็ญไม่น้อยทีเดียว บนเส้นทางสายนี้หากแม้เกิดปัญหาเพียงน้อยนิด ก็อาจทำให้ล้มทั้งกระดานได้

การทีฉู่ชิงหลินประสบกับปัญหาลักษณะเช่นนี้ น้อยคนเท่านั้นที่รับรู้ถึงเรื่องนี้ นอกจากตัวเขาเองแล้วก็มีเพียงระดับบรรพบุรุษที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ เวลานี้กลับถูกหลี่ชิเย่พูดได้ถูกต้องทันที แล้วจะไม่ให้ฉู่ชิงหลินต้องตกใจได้อย่างไร

“เจ้า เจ้าไปรู้เรื่องนี้มาได้อย่างไร!” เวลานี้ฉู่ชิงหลินถึงกับตกใจอย่างยิ่ง จ้องมองหลี่ชิเย่อย่างไม่น่าเชื่อ

หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ในสายตาของข้าไม่มีอะไรที่เป็นความลับ แค่มองก็รู้ได้ทันที การเชื่อมต่อของสัจธรรมไหนเลยจะสมบูรณ์แบบได้ ปัญหาของเจ้าไม่นับว่ามากแต่ก็ไม่น้อย จำเป็นต้องได้รับการบำรุง จำเป็นต้องมีการหล่อเลี้ยง! มีเพียงวิธีบำรุงและหล่อเลี้ยงจึงสามารถทำให้บาดแผลเล็กน้อยในสัจธรรมของเจ้าหายเป็นปรกติได้ ดังนั้น เจ้าจึงต้องการโสมโลหิต ยิ่งโสมโลหิตพันล้านปีด้วยยิ่งดี! นี่แหละคือเป้าหมายที่เจ้ามาที่เขาฟันหลอ!”

ฉู่ชิงหลินถึงกับผวาในใจเมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าตนเองไม่มีความลับอะไรเลยเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าของหลี่ชิเย่ ภายใต้สายตาของหลี่ชิเย่โดยทั่วไปแล้วนางไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ไปได้ ทำให้นางถึงกับขนลุกขนพองขึ้น และก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยจิตสำนึก

“ทุกคนที่มายังเขาฟันหลอมีใครบ้างไม่ได้มาเพื่อโสมโลหิต!” ฉู่ชิงหลินส่งเสียงฮึออกมาเบาๆ ขณะที่พูดคำๆ นี้ออกมานางเองก็รู้สึกไม่มั่นใจนัก เหมือนจะยิ่งปิดบังยิ่งเด่นชัดมากขึ้นอย่างนั้น

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา พยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง ที่เจ้าพูดมาก็ไม่ผิด ระดับผู้อาวุโสของสำนักต่างๆ และศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณจำนวนไม่น้อยที่มายังเขาฟันหลอด้วยเรื่องของโสมโลหิตที่ปรากฏนั้นเป็นความจริง เจ้าเองก็มาด้วยเรื่องของโสมโลหิต เพียงแต่ความต้องการของเจ้าที่มีต่อโสมโลหิตแตกต่างจากพวกเขา แต่ว่า ก็มีบางคนไม่ได้มาด้วยเรื่องของโสมโลหิต หาไม่แล้วเพราะอะไรกองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ ค่ายฉู่อะไรของพวกเจ้าถึงได้ยกกองทัพมาถึงเขาฟันหลอกัน เพื่อโสมโลหิตต้นหนึ่งแล้วจำเป็นต้องทำขนาดนี้ด้วยรึ?”

“ไม่ได้มาเพื่อโสมโลหิต?” หยางเซิ่นผิงที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังไม่กล้าพูดอะไรถึงกับตื่นตระหนกยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว

แม้จะกล่าวว่า ก่อนหน้านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยจะถูกต้องนัก จะอย่างไรเสียเพื่อโสมโลหิตต้นหนึ่งแล้วถึงกับต้องนำเอากองทัพมากันอย่างนี้เลยรึ? มันเหมือนต้องการเปิดศึกกันชัดๆ เหมือนว่าทุกคนต่างกำลังระมัดระวังตัวอะไรบางอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังซั่ง หรือว่าหอศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม เหมือนว่าพวกเขาต่างก็นำเอากำลังทหารเป็นจำนวนมากมาตั้งปักหลักอยู่ที่ตรงนี้ อีกทั้งล้วนแล้วแต่เป็นกองกำลังส่วนตัวของพวกเขาเอง ทหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากศิษย์ในสำนักของพวกเขาเอง เป็นผู้จงรักภักดีต่อสำนักหรือตระกูลขุนนางโบราณของพวกเขา และสามารถสั่งการได้อย่างสิ้นเชิง!

เรียกได้ว่า กองกำลังซั่งก็ดี หอศักดิ์สิทธิ์ก็ช่าง หากกองกำลังใดๆ ที่พวกเขาไม่มั่นใจ ก็จะไม่ถูกเกณฑ์มาตั้งค่ายอยู่ที่เขาฟันหลอ กองทัพที่สามารถยกมาตั้งค่ายที่เขาฟันหลอได้ล้วนแล้วแต่เป็นกองทัพที่ไว้ใจได้เต็มร้อยทั้งสิ้น!

พฤติกรรมเช่นนี้กล่าวได้ว่ามีกลิ่นของศึกสงครามแฝงอยู่อย่างแท้จริง กองทัพเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นกองกำลังที่กล้าแข็งของพวกเขา ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างแน่นอน! เหมือนว่าพวกจิ้งจอกเงินกำลังวางแผนเพื่อให้ได้มาซึ่งบางอย่างจากเขาฟันหลออย่างนั้น

“เจ้ามาด้วยเรื่องของโสมโลหิต แต่ทว่า กองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์พวกเขาไม่ได้มาด้วยเรื่องของโสมโลหิต” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ถ้าหากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ พวกเขามาเพื่ออาวุธของผู้เฒ่ากำแหงาชิ้นหนึ่ง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล