ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2162

สรุปบท ตอนที่ 2162 ข้าก็คือข้า: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอนที่ 2162 ข้าก็คือข้า – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอนนี้ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2162 ข้าก็คือข้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ไม่ง่ายนัก กว่าฉู่ชิงหลินจะได้สติกลับมาภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก ชั่วดีอย่างไรนางก็เป็นถึงระดับปราชญ์แท้จริง กลับต้องให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆ เช่นนี้ แล้วจะให้นางรู้สึกสบายใจได้รึ?

ฮึ…ฉู่ชิงหลินวางกาสุราไว้บนโต๊ะ จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชาแวบหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อเจ้าแล้วพระนางต้องถูกบรรดาผู้อาวุโสกล่าวโทษ กระทั่งเสี่ยงต่อการถูกปลดออกจากตำแหน่ง เจ้านี่ดีนะ ถึงกับแจ้นมาที่นี่แล้วยังต้องให้พระนางทรงกังวลให้กับเจ้าอีก!”

หากไม่เป็นเพราะได้รับการไหว้วานจากหวังหาน นางขี้คร้านจะสนใจกับผู้ที่อวดดีเช่นนี้ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เพราะอะไรหวังหานถึงได้ปกป้องเจ้าคนอวดดีผู้นี้อย่างแข็งขัน เจ้าคนอวดดีผู้นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่นะ

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ กับท่าทีไม่พอใจและบ่นอุบของฉู่ชิงหลิน และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “คิดอยากได้รับสิ่งตอบแทนมันต้องมีการลงทุน บนโลกนี้ไหนเลยมีสิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องเหนื่อย ต่อให้เป็นการประจบสอพรอต่อนายก็ต้องพยักหน้าและก้มโค้ง ซึ่งต้องมีการลงทุนเช่นกัน”

ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้จิบสุราคำหนึ่ง และกล่าวว่า “คิดจะกุมอำนาจเอาไว้ก็ต้องใช้ความพยายาม และยิ่งต้องลงทุนมากยิ่งขึ้น ถ้าหากหวังหานไม่สามารถจัดการกระทั่งจวนหวังของตนเองให้ราบคาบได้ แล้วจะไปกุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้รึ แล้วจะไปควบคุมปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดได้อย่างไรกัน…”

“…ถ้าหากแม้นคนรอบข้างของตนเองนางยังกำราบไม่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วต่อให้ข้าทุ่มกำลังกายใจกับตัวของนางมากกว่านี้ก็เสียแรงเปล่า ดังนั้น เรื่องบางเรื่องนางจะต้องอาศัยตนเองไปช่วงชิงมา” ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองฉู่ชิงหลินที่รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมแวบหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าคิดไปเองว่าหวังหานวานให้เจ้ามาคอยดูแลข้า เกรงว่าเจ้าเองอ่านใจของหวังหานไม่ออก นางต้องการให้เจ้าคอยปรนนิบัติข้าให้ดี!”

“เจ้า…” ฉู่ชิงหลินถูกยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมากับคำพูดของหลี่ชิเย่ ตัวนางไหนเลยมีความจำเป็นต้องไปปรนนิบัติผู้ใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง? ใครบ้างที่หาญกล้าให้นางไปคอยปรนนิบัติ?

หลี่ชิเย่ไม่สนใจต่ออารมณ์ของฉู่ชิงหลิน กล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “เจ้าสมควรขอบคุณหวังหาน การที่นางให้เจ้ามาปรนนิบัติข้าย่อมเป็นการบ่งชี้ว่านางมั่นใจในตัวของเจ้า หาไม่แล้ว โอกาสฟ้าประทานเช่นนี้ไหนเลยนางจะประเคนให้ใครง่ายๆ ! นางเองก็คาดหวังว่า ในอนาคตเจ้าจะสามารถช่วยเหลือนางได้อีกแรงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง”

“เพียงแต่น่าเสียดาย หวังหานยังต้องอาศัยช่วงระยะเวลาหนึ่งในการเปลี่ยนบทบาทของนาง นางเคยชินกับการอยู่เบื้องหลัง มาวันนี้ต้องก้าวออกมาอยู่เบื้องหน้า การตัดสินใจของนางจึงไม่รวดเร็วเฉียบขาดเพียงพอ เมื่อไรที่นางสามารถเปลี่ยนบทบาทตัวเองได้แล้ว ก็ต้องควบคุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้อย่างแน่นอน และเหมาะสมกับตำแหน่งของกษัตริย์!” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้วางจอกสุราลง เคาะโต๊ะเบาๆ แล้วสั่งการออกมาว่า “รินให้เต็มสิ!”

“เจ้า…” ฉู่ชิงหลินถูกยั่วโมโหจนต้องจ้องตาเขม็งต่อหลี่ชิเย่ เจ้าคนอวดดีมันทำเกินไปแล้วจริงๆ

แต่ทว่า เรื่องโมโหส่วนโมโห ฉู่ชิงหลินเหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ถูกบรรยากาศของความสมเหตุสมผลครอบงำ แม้ว่าในใจของนางไม่ยินยอมอย่างยิ่ง แต่ ท้ายที่สุดแล้วยังคงยกเอากาสุราขึ้นมาและรินจนเต็มจอกด้วยตนเอง

จูซือจิ้งที่มองเห็นท่าทีที่โกรธเคืองของฉู่ชิงหลิน และไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วยังคงรินสุราจนเต็มจอกให้กับหลี่ชิเย่แล้ว นางถึงกับต้องป้องปากเอาไว้ไม่กล้าส่งเสียงหัวเราะออกมา

“ในเมื่อมาปรนนิบัติทั้งทีก็ต้องปรนนิบัติข้าให้ดี” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ไม่เช่นนั้นล่ะก็หวังหานจะมอบโอกาสนี้ให้เจ้าอย่างนั้นรึ? นางมาด้วยตนเองก็พอแล้ว การที่นางสามารถมอบโอกาสนี้ให้กับเจ้า ในอนาคตขณะนางได้กุมอำนาจปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วนั้น จะมีใครสักคนที่แข็งแกร่งมากมาช่วยเหลือนางสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็แค่นั้น”

“ฟังคำของเจ้าแล้วเหมือนว่าเจ้าสามารถช่วยให้พระนางก้าวขึ้นสู่บัลลังก์กษัตริย์ได้อย่างนั้น” ฉู่ชิงหลินส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา และกล่าวว่า “ในขณะนี้คลื่นใต้น้ำของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสาดซัดเข้ามาอย่างรุนแรง แต่ละฝ่ายต่างจ้องมองอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตาเป็นมัน ผู้มีสิทธิ์รับการคัดเลือกเป็นกษัตริย์มีอยู่ไม่น้อย อีกทั้งล้วนแล้วแต่มีศักยภาพ มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นต้นว่าพวกของซี๋วจื้อเจี๋ย ไม่ว่าจะด้านคุณสมบัติหรือผู้ให้การสนับสนุน ไม่เห็นว่าจ้ะด้อยไปกว่าพระนาง! การที่พระนางจะก้าวจากราชินีขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย!”

คำพูดของฉู่ชิงหลินนับว่าเป็นความจริง เรื่องสภาพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนางเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี การที่หวังหานต้องการก้าวจากตำแหน่งราชินีขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์นั้น ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก แม้จะกล่าวว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเองก็เคยมีผู้หญิงเป็นกษัตริย์มาก่อน แต่ว่า หวังหานเริ่มต้นจากการเป็นราชินี ต่อให้นางมีชาติกำเนิดมาจากจวนหวังก็ตาม การที่จะก้าวจากราชินีกลายเป็นกษัตริย์นั้น ขั้นตอนนี้มีความยากเย็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว

หวังหานคิดจะกุมอำนาจใหญ่ต้องถูกหลายๆ ฝ่ายคัดค้านแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหอศักดิ์สิทธิ์ หรือกองกำลังซั่งล้วนแล้วแต่ไม่ให้การสนับสนุนนางได้เป็นกษัตริย์อยู่แล้ว แม้แต่ภายในจวนหวังเองก็ไม่แน่ว่าจะให้การสนับสนุนต่อนาง ดังนั้น สถานการณ์ของหวังหานนั้นมีความยากเข็ญยิ่งนัก ลำพังแค่นางจะช่วงชิงให้ได้รับการสนับสนุนจากจวนหวังก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว

“แค่ตำแหน่งกษัตริย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้นเอง ไม่ได้บอกว่าจะบ่มฟักราชันแท้จริงสักคน หรือบ่มฟักปฐมบรรพบุรุษสักคน มันจะไปยากเย็นอะไร แค่พลิกฝ่ามือเท่านั้นเอง ข้าอยากจะดันให้ใครขึ้นไปก็ดันใครขึ้นไป แน่นอน ต้องดูว่านางเองมีความสามารถเหมาะกับตำแหน่งนี้หรือไม่” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไร และพูดไปตามอารมณ์อย่างยิ่งสำหรับข้อสงสัยของฉู่ชิงหลิน

“ฮึ อวดดี” เมื่อฉู่ชิงหลินได้สติกลับมา นางถึงกับรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้านผ่าวเมื่อพบว่าตนเองนั้นได้รินสุราให้กับหลี่ชิเย่อย่างว่าง่าย ถึงกับส่งเสียงฮึอและเอ่ยขึ้น

“จะอวดดีหรือไม่ข้าไม่รู้หรอกนะ ที่ข้ารู้ก็คือหากเจ้ายังคงไม่ยอมร่วมมือกับข้าอีก เจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้เป็นราชันแท้จริง ต่อให้พรสวรรค์เจ้าสูงส่งยิ่งก็ตาม ความสามารถในการบรรลุเข้าถึงดีกว่านี้ เกรงว่าก็คงไม่สามารถก้าวข้ามวิบากเต๋านี้ไปได้ เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะได้แต่ความว่างเปล่าเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ เอ่ยขึ้นช้าๆ

“คำพูดที่หลอกให้กลัว!” ฉู่ชิงหลินเพียงส่งเสียงฮึขึ้นมาสำหรับคำพูดของหลี่ชิเย่ พูดน้ำเสียงเย็นชาไปว่า “เรื่องของข้าเอง มีรึข้าจะไม่เข้าใจ? ฮึ เจ้าที่เป็นเพียงบุคคลภายนอกจะไปรู้เรื่องอะไร”

“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะที่หนึ่งและกล่าวว่า “ข้ารู้แต่เพียงเจ้าอาศัยสัจธรรมของราชันแท้จริงฉู่ขวางที่เชื่อมไปยังสัจธรรมของผู้เฒ่ากำแหงนั้น การเชื่อมต่อไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก ต่อให้เคล็ดวิชาของราชันแท้จริงฉู่ขวางกล้าแข็งเพียงใดก็ตาม แต่จะอย่างไรเสียมันก็วิวัฒนาการขึ้นมาจากสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษ หากคิดจะก้าวไปบนเส้นทางสายนี้ให้ได้ไกลยิ่งกว่านี้อย่างแท้จิรงล่ะก็ ทางที่ดียังคงเริ่มต้นการฝึกจากพลังภายในขั้นพื้นฐานของปฐมบรรพบุรุษจะเหมาะสมกว่า การฝึกด้วยวิธีนี้พื้นฐานจะแน่นว่าการฝึกโดยทางลัดใดๆ ทั้งสิ้น…”

“…น่าเสียดาย บนโลกนี้คนโง่เขลามีมากเหลือเกิน ต้องการเห็นผลรวดเร็วทันใจ ละทิ้งไม่ฝึกพลังภายในขั้นพื้นฐาน กลับไปฝึกเคล็ดราชันที่ได้ชื่อว่ามีความแข็งแกร่งและชั้นสูงมากกว่า ถ้าหากพลังภายในขั้นพื้นฐานใช้การไม่ได้ ผู้เฒ่ากำแหงก็คงไม่อาศัยพลังภายในขั้นพื้นฐานที่สุดของ ‘คัมภีร์กำแหง’ ไปหลอมกลั่นแผ่นดินเต๋า ก่อสร้างรากฐานเต๋าสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด!” หลี่ชิเย่มองหน้าฉู่ชิงหลินทีหนึ่งด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในใจของฉู่ชิงหลินถึงกับตระหนกเมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว เนื่องจากสภาพที่นางเป็นอยู่ขณะนี้หลี่ชิเย่สามารถพูดออกมาได้ถูกต้อง

ความจริงแล้ว บรรดาบรรพบุรุษบางส่วนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็รู้ดีว่า เป็นความจริงที่เคล็ดวิชาของราชันแท้จริงฉู่ขวางนั้นเป็นการวิวัฒนาการมาจากสัจธรรมของผู้เฒ่ากำแหง และยังคงไม่สามารถก้าวล้ำผู้เฒ่ากำแหงไปได้

เพียงแต่ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่า พรสวรรค์ของฉู่ชิงหลินสูงกว่านั้น จึงไม่ควรเริ่มต้นการฝึกด้วยเคล็ดวิชาพลังภายในขั้นพื้นฐาน การกระทำเช่นนี้เป็นการสิ้นเปลืองเกินไป

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล