ไม่ง่ายนัก กว่าฉู่ชิงหลินจะได้สติกลับมาภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก ชั่วดีอย่างไรนางก็เป็นถึงระดับปราชญ์แท้จริง กลับต้องให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆ เช่นนี้ แล้วจะให้นางรู้สึกสบายใจได้รึ?
ฮึ…ฉู่ชิงหลินวางกาสุราไว้บนโต๊ะ จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีเย็นชาแวบหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อเจ้าแล้วพระนางต้องถูกบรรดาผู้อาวุโสกล่าวโทษ กระทั่งเสี่ยงต่อการถูกปลดออกจากตำแหน่ง เจ้านี่ดีนะ ถึงกับแจ้นมาที่นี่แล้วยังต้องให้พระนางทรงกังวลให้กับเจ้าอีก!”
หากไม่เป็นเพราะได้รับการไหว้วานจากหวังหาน นางขี้คร้านจะสนใจกับผู้ที่อวดดีเช่นนี้ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เพราะอะไรหวังหานถึงได้ปกป้องเจ้าคนอวดดีผู้นี้อย่างแข็งขัน เจ้าคนอวดดีผู้นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่นะ
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ กับท่าทีไม่พอใจและบ่นอุบของฉู่ชิงหลิน และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “คิดอยากได้รับสิ่งตอบแทนมันต้องมีการลงทุน บนโลกนี้ไหนเลยมีสิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องเหนื่อย ต่อให้เป็นการประจบสอพรอต่อนายก็ต้องพยักหน้าและก้มโค้ง ซึ่งต้องมีการลงทุนเช่นกัน”
ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้จิบสุราคำหนึ่ง และกล่าวว่า “คิดจะกุมอำนาจเอาไว้ก็ต้องใช้ความพยายาม และยิ่งต้องลงทุนมากยิ่งขึ้น ถ้าหากหวังหานไม่สามารถจัดการกระทั่งจวนหวังของตนเองให้ราบคาบได้ แล้วจะไปกุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้รึ แล้วจะไปควบคุมปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดได้อย่างไรกัน…”
“…ถ้าหากแม้นคนรอบข้างของตนเองนางยังกำราบไม่ได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วต่อให้ข้าทุ่มกำลังกายใจกับตัวของนางมากกว่านี้ก็เสียแรงเปล่า ดังนั้น เรื่องบางเรื่องนางจะต้องอาศัยตนเองไปช่วงชิงมา” ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองฉู่ชิงหลินที่รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมแวบหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าคิดไปเองว่าหวังหานวานให้เจ้ามาคอยดูแลข้า เกรงว่าเจ้าเองอ่านใจของหวังหานไม่ออก นางต้องการให้เจ้าคอยปรนนิบัติข้าให้ดี!”
“เจ้า…” ฉู่ชิงหลินถูกยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมากับคำพูดของหลี่ชิเย่ ตัวนางไหนเลยมีความจำเป็นต้องไปปรนนิบัติผู้ใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง? ใครบ้างที่หาญกล้าให้นางไปคอยปรนนิบัติ?
หลี่ชิเย่ไม่สนใจต่ออารมณ์ของฉู่ชิงหลิน กล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “เจ้าสมควรขอบคุณหวังหาน การที่นางให้เจ้ามาปรนนิบัติข้าย่อมเป็นการบ่งชี้ว่านางมั่นใจในตัวของเจ้า หาไม่แล้ว โอกาสฟ้าประทานเช่นนี้ไหนเลยนางจะประเคนให้ใครง่ายๆ ! นางเองก็คาดหวังว่า ในอนาคตเจ้าจะสามารถช่วยเหลือนางได้อีกแรงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง”
“เพียงแต่น่าเสียดาย หวังหานยังต้องอาศัยช่วงระยะเวลาหนึ่งในการเปลี่ยนบทบาทของนาง นางเคยชินกับการอยู่เบื้องหลัง มาวันนี้ต้องก้าวออกมาอยู่เบื้องหน้า การตัดสินใจของนางจึงไม่รวดเร็วเฉียบขาดเพียงพอ เมื่อไรที่นางสามารถเปลี่ยนบทบาทตัวเองได้แล้ว ก็ต้องควบคุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้อย่างแน่นอน และเหมาะสมกับตำแหน่งของกษัตริย์!” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้วางจอกสุราลง เคาะโต๊ะเบาๆ แล้วสั่งการออกมาว่า “รินให้เต็มสิ!”
“เจ้า…” ฉู่ชิงหลินถูกยั่วโมโหจนต้องจ้องตาเขม็งต่อหลี่ชิเย่ เจ้าคนอวดดีมันทำเกินไปแล้วจริงๆ
แต่ทว่า เรื่องโมโหส่วนโมโห ฉู่ชิงหลินเหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ถูกบรรยากาศของความสมเหตุสมผลครอบงำ แม้ว่าในใจของนางไม่ยินยอมอย่างยิ่ง แต่ ท้ายที่สุดแล้วยังคงยกเอากาสุราขึ้นมาและรินจนเต็มจอกด้วยตนเอง
จูซือจิ้งที่มองเห็นท่าทีที่โกรธเคืองของฉู่ชิงหลิน และไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วยังคงรินสุราจนเต็มจอกให้กับหลี่ชิเย่แล้ว นางถึงกับต้องป้องปากเอาไว้ไม่กล้าส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ในเมื่อมาปรนนิบัติทั้งทีก็ต้องปรนนิบัติข้าให้ดี” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ไม่เช่นนั้นล่ะก็หวังหานจะมอบโอกาสนี้ให้เจ้าอย่างนั้นรึ? นางมาด้วยตนเองก็พอแล้ว การที่นางสามารถมอบโอกาสนี้ให้กับเจ้า ในอนาคตขณะนางได้กุมอำนาจปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วนั้น จะมีใครสักคนที่แข็งแกร่งมากมาช่วยเหลือนางสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็แค่นั้น”
“ฟังคำของเจ้าแล้วเหมือนว่าเจ้าสามารถช่วยให้พระนางก้าวขึ้นสู่บัลลังก์กษัตริย์ได้อย่างนั้น” ฉู่ชิงหลินส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา และกล่าวว่า “ในขณะนี้คลื่นใต้น้ำของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสาดซัดเข้ามาอย่างรุนแรง แต่ละฝ่ายต่างจ้องมองอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงตาเป็นมัน ผู้มีสิทธิ์รับการคัดเลือกเป็นกษัตริย์มีอยู่ไม่น้อย อีกทั้งล้วนแล้วแต่มีศักยภาพ มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นต้นว่าพวกของซี๋วจื้อเจี๋ย ไม่ว่าจะด้านคุณสมบัติหรือผู้ให้การสนับสนุน ไม่เห็นว่าจ้ะด้อยไปกว่าพระนาง! การที่พระนางจะก้าวจากราชินีขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ใช่เป็นเรื่องง่ายดาย!”
คำพูดของฉู่ชิงหลินนับว่าเป็นความจริง เรื่องสภาพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนางเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี การที่หวังหานต้องการก้าวจากตำแหน่งราชินีขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์นั้น ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก แม้จะกล่าวว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเองก็เคยมีผู้หญิงเป็นกษัตริย์มาก่อน แต่ว่า หวังหานเริ่มต้นจากการเป็นราชินี ต่อให้นางมีชาติกำเนิดมาจากจวนหวังก็ตาม การที่จะก้าวจากราชินีกลายเป็นกษัตริย์นั้น ขั้นตอนนี้มีความยากเย็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว
หวังหานคิดจะกุมอำนาจใหญ่ต้องถูกหลายๆ ฝ่ายคัดค้านแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหอศักดิ์สิทธิ์ หรือกองกำลังซั่งล้วนแล้วแต่ไม่ให้การสนับสนุนนางได้เป็นกษัตริย์อยู่แล้ว แม้แต่ภายในจวนหวังเองก็ไม่แน่ว่าจะให้การสนับสนุนต่อนาง ดังนั้น สถานการณ์ของหวังหานนั้นมีความยากเข็ญยิ่งนัก ลำพังแค่นางจะช่วงชิงให้ได้รับการสนับสนุนจากจวนหวังก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว
“แค่ตำแหน่งกษัตริย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้นเอง ไม่ได้บอกว่าจะบ่มฟักราชันแท้จริงสักคน หรือบ่มฟักปฐมบรรพบุรุษสักคน มันจะไปยากเย็นอะไร แค่พลิกฝ่ามือเท่านั้นเอง ข้าอยากจะดันให้ใครขึ้นไปก็ดันใครขึ้นไป แน่นอน ต้องดูว่านางเองมีความสามารถเหมาะกับตำแหน่งนี้หรือไม่” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไร และพูดไปตามอารมณ์อย่างยิ่งสำหรับข้อสงสัยของฉู่ชิงหลิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...