ทุกคนต่างบุกเข้าไปภายในหลุมขนาดยักษ์แทบจะนาทีแรก ต่างต้องการจับโสมโลหิตต้นนั้นเอาไว้ให้ได้ แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับไม่ได้ให้ความสนใจใจโสมโลหิตนี้เลยแม้แต่น้อย
เขารั้งอยู่บนภูเขาลูกนั้น จดจ่ออยู่แต่ความเคลื่อนไหวที่อยู่ในดินใต้ฝ่าเท้านั่น ขณะที่เส้นด้ายสีทองส่งประกายแวบขึ้นมานั้น ดูไปแล้วเจ้าสิ่งนี้ออกจะระวังตัวยิ่ง และเจ้าเล่ห์มากทีเดียว อีกทั้งวิชาการหลบหนี้นั้นฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก
กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่า แม้แต่การปรากฏตัวของโสมโลหิตก็เป็นเพียงเบนความสนใจเท่านั้นเอง มีเพียงการปรากฏตัวของโสมโลหิตที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนทุกคน และจะไม่มีใครสังเกตถึงการปรากฎตัวของมัน
หลี่ชิเย่รอคอยอยู่เงียบๆ จ้องแต่พื้นดิน แม้จะกล่าวว่าเส้นด้ายทองจะปรากฎเป็นพักๆ แต่ทว่าหลี่ชิเย่มีความอดทนอยู่แล้ว เขารู้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะต้องออกมาอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าช้าหรือเร็วปัญหาอยู่ที่เวลาเท่านั้น
ขณะที่หลี่ชิเย่รั้งอยู่ที่บนยอดเขานั้น มีคนผู้หนึ่งเฝ้าสังเกตการณ์ทุกความเคลื่อนไหวของเขา คนผู้นี้ก็คือจิ้งจอกเงินของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์
จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยคอยเฝ้าสังเกตการณ์ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของหลี่ชิเย่ เวลานี้เขาไม่ไปให้ความสนใจกระทั่งเรื่องของโสมโลหิต เอาแต่เฝ้าสังเกตหลี่ชิเย่ตลอดเวลา เนื่องจากกล่าวสำหรับเขาแล้ว ค่าของโสมโลหิตต้นหนึ่งห่างชั้นกับตัวของหลี่ชิเย่มากมายนัก
ยิ่งไปกว่านั้น จะเป็นหอศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็ดี ตระกูลเฉินแห่งกองกำลังซั่งก็ช่าง พวกเขาต่างไม่ได้มาด้วยเรื่องของโสมโลหิต พวกเขามาด้วยมีเป้าหมายอื่น สำหรับเรื่องโสมโลหิตนั้น แค่ถือโอกาสเท่านั้น
เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือของหอศักดิ์สิทธิ์หรือของกองกำลังซั่ง พวกเขาต่างไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากที่เข้าไปตามล่าโสมโลหิตยังหลุมขนาดยักษ์แล้ว แต่ทว่าพวกเขากลับไม่มีการขยับตัวใดๆ
เนื่องจากระดับบรรพบุรุษของพวกเขาได้ออกคำสั่งแล้วว่าอย่าไปให้ความสนใจใจโสมโลหิต พวกเขายังมีงานที่สำคัญมากกว่านี้ต้องทำ
หลุมขนาดยักษ์ที่อยู่ภายในเขาฟันหลอนั้นมีขนาดใหญ่โตยิ่งนัก เนื่องจากมันเคยผ่านการขุดค้นมาจากผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน สภาพของหลุมยักษ์ลึกลงไปเป็นชั้นๆ ข้างล่างดุจดั่งเป็นเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นเหว ไม่มีใครรู้ว่าเหวนี้มีความลึกเท่าไรกันแน่
โสมโลหิตนั้นรวดเร็วเหลือเกิน เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น มันก็หนีเข้าไปในหลุมลึกนั่น อย่างไรก็ตาม หลุมขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนกรวยก็มีขนาดที่กว้างใหญ่ยิ่งนัก ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าโสมโลหิตหนีไปทางไหนกันแน่ เมื่อพวกเขาไล่ติดตามเข้าไปยังหลุมขนาดยักษ์ โสมโลหิตก็ได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
แต่ยังคงมีคนที่ไม่ยอมแพ้ ทำการขุดหาในหลุมขนาดใหญ่นั่นโดยตรง เวลานี้เสียงดังตูมตามดังไม่ขาดสาย ทั้งดินทั้งหินขุดกันกระจุยกระจาย เสียดาย โสมโลหิตได้หนีไปนานแล้ว ต่อให้พวกเขาขุดหาไปทั่วยังคงไม่พบร่องรอยใดๆ ของโสมโลหิต
“โชคไม่ดีเลย…” สุดท้ายแล้วทุกคนต่างก็ค้นไม่พบโสมโลหิต ทยอยกันออกมาจากหลุมยักษ์และกล่าวด้วยความจนด้วยเกล้า
ได้มีระดับผู้อาวุโสของสำนักกล่าวว่า “เจ้าโสมโลหิตต้นนี้เกรงว่าคงมีอายุเป็นสิบล้านปีแล้ว มันมีญาณวิเศษแล้ว คิดจะจับตัวมันเกรงว่าคงยากยิ่งนัก เกรงว่าต้องให้ระดับเทพแท้จริงเป็นผู้ลงมือ”
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่จับตัวโสมโลหิตไม่ได้และต้องออกมาจากหลุมยักษ์ และบ่นพึมพำด้วยความผิดหวัง แต่ก็จนด้วยเกล้า ผู้คนจำนวนเท่าไรมาที่เขาฟันหลอก็เพราะเรื่องของโสมโลหิต แม้ว่าจะได้พบเจอโสมโลหิตอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล ไม่มีใครสามารถจับตัวมันได้
หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของโสมโลหิตแม้แต่น้อย เขารวบรวมสมาธิมองดูดินที่อยู่บริเวณเท้าของเขา รอคอยการปรากฏตัวของสิ่งนั้นอยู่เงียบๆ
ครั้นทุกคนต่างไม่สามารถจับตัวโสมโลหิตได้ จึงทยอยกันเบนความสนใจกลับมาที่หลี่ชิเย่กับกองกำลังซั่งอีกครั้ง แต่ทว่า หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้ยึดพื้นที่บนเขาลูกหนึ่งเพียงลำพัง ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไร ขณะที่ตระกูลเฉินของกองกำลังซั่งก็ปิดค่ายและวางเวรยามอย่างเข้มงวดเหมือนกำลังพานพบกับศัตรูกล้าแข็ง พร้อมรบทุกขณะ!
“ไม่ตีกันแล้วรึ?” ในเวลานี้ถึงกับมีคนพึมพำเบาๆ ขึ้นมา เมื่อมองเห็นทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีทีท่าที่จะเปิดศึกกัน
ซ่าาา…ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงที่เบามากเสียงหนึ่งดังขึ้น มันเบาจนยากจะได้ยิน ท่ามกลางเสียงซ่าาานี้ ดินที่อยู่ด้านหลังได้นูนขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนว่าใต้พื้นดินมีสิ่งใดเคลื่อนไหวอย่างนั้น
ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เพ่งไปข้างหน้าเมื่อมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้โดยไม่ได้ลงมือ ยังคงรอคอยอย่างเงียบๆ เพื่อรอจังหวะลงมือโดยไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้ก็กำลังโยนหินถามทางเท่านั้นเอง
ทันใดนั้นเอง ได้ยินเสียงฟ่าววดังขึ้น ปรากฏธนูดอกหนึ่งยิงเข้ามา หลี่ชิเย่มีสีหน้าที่บี้งตึงและเงยหน้าขึ้นมาทันที แต่ธนูดอกนี้ที่ยิงเข้ามาไม่ได้พุ่งเป้าที่ตัวของหลี่ชิเย่
ได้ยินเสียงดังปัง ธนูดอกนี้ถึงกับยิงเขาใส่ภูเขาลูกที่หลี่ชิเย่อยู่ เหมือนยิงทะลุภูเขาด้วยธนูเพียงดอกเดียว
ซ่าาา…เสียงหนึ่งดังขึ้น สิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินพลันระมัดระวังตัว จากการที่ดินส่วนนั้นมีการเคลื่อนไหวนิดหนึ่งแล้วหายตัวไปโดยพลัน
หลี่ชิเย่พลันมีสีหน้าที่เย็นชาขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นภาพนี้ ไม่ง่ายนักกว่าที่จะล่อให้เจ้าสิ่งนั้นออกมาจากรู เวลานี้พลันหลบกลับเข้าไปตามเดิมแล้ว
นัยน์ตาคู่นั้นของหลี่ชิเย่ดูที่จ้องมองยังค่ายของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขาม มองเห็นจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยยืนอยู่ตรงนั้นในมือกำคันธนูเอาไว้ ลูกธนูดอกนั้นยิงมาจากเขานั่นเอง
เวลานี้จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยยังไม่รู้ว่ายมทูตได้มาเยือนแล้ว เนื่องจากจังหวะที่เขามองเห็นท่าทีของหลี่ชิเย่ที่ดูหนักแน่นจริงจังมาก เขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่าภูเขาลูกนี้ต้องมีอะไรลึกลับแน่นอน ดังนั้น เขาจึงยิงธนูออกไปเพื่อต้องการหยั่งเชิงดู แต่ว่า กลับทำให้หลี่ชิเย่ต้องเสียเรื่อง
การที่จู่ๆ ซี๋วจื้อเจี๋ยยิงธนูไปยังทิศทางที่หลี่ชิเย่อยู่กะทันหันนั้น ทำให้ทุกคนต่างจ้องมองพวกเขาสองคน ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกว่าแม้ธนูดอกนี้ของซี๋วจื้อเจี๋ยจะไม่ได้ประสงค์ร้าย แต่ก็ถือเป็นการยั่วยุ
เวลานี้ หลี่ชิเย่ก้าวเดินออกมาทันที ฉับพลันก็ไปปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าค่ายของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ
ตึง ตึง ตึงทันทีที่หลี่ชิเย่ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณหน้าค่ายของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือทั้งหมดของแดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ต่างมีทีท่าเหมือนพบกับศัตรูผู้แข็งแกร่งชักดาบและกระบี่ออกจากฝักในทันที ตั้งโล่ดั่งกำแพง ขวางทางหลี่ชิเย่เอาไว้
นาทีนี้ แม้แต่แดนอุดรแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจล้นฟ้าก็หวั่นเกรงต่อคนโหดที่อยู่ตรงหน้าสามส่วน เนื่องจากคนโหดผู้นี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
“เจ้ารนหาที่ตายเอง!” หลี่ชิเย่จ้องมองอย่างเย็นชาไปที่ซี๋วจื้อเจี๋ย และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
“สหายหลี่ ข้าแค่ยิงธนูขึ้นฟ้าดอกเดียวเท่านั้น ไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อสหายสักหน่อย” จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยกล่าวอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำว่า “เขาฟันหลอกว้างใหญ่เพียงนี้ สหายอย่าบอกนะว่าสามารถห้ามไม่ให้ทุกคนทำโน่นนี่นั่นได้กระมัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...