อ่านสรุป ตอนที่ 2200 ภัยมาถึง จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 2200 ภัยมาถึง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวช่วยเหลือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงผ่านพ้นวิกฤตอย่างเต็มกำลังนั้นมีเหตุผลอยู่ เบื้องหลังของเรื่องนี้ต้องไล่ย้อนกลับไปถึงราชันแท้จริงเต้าเจี่ยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิว
ความจริงแล้ว ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เก่าแก่โบราณยิ่ง เพียงแต่ภายหลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวได้ก้าวสู่การล่มสลาย สุดท้ายหลังจากที่ต้นกำเนิดสัจธรรมอ่อนแรงแล้ว ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวเหลือไว้เพียงชื่อเท่านั้น สำนักและตระกลูขุนนางโบราณทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวไม่ก็ก้าวสู่การล่มสลาย หรือไม่ก็ต้องย้ายออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิว
สุดท้าย แม้ว่าพื้นที่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวนับพันลี้ยังคงอยู่ แต่ก็ได้กลับกลายเป็นพื้นที่รกร้าง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวที่ใหญ่โตยิ่งไม่หลงเหลือผู้คนอีกต่อไป ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวโดยรวมไม่เหมาะที่จะเป็นที่ที่ฝึกอีกต่อไป
กระทั่งท้ายสุด การปรากฏตัวของราชันแท้จริงเต้าเจี่ย ซึ่งราชันแท้จริงเต้าเจี่ยเดิมเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาคนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้น ภายหลัง ด้วยความมหัศจรรย์โดยแท้ราชันแท้จริงเต้าเจี่ยได้ครอบครอง ‘คัมภีร์ฟู่หนิว’ ซึ่งเป็นคัมภีร์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิว
ด้วยเหตุนี้เอง ศิษย์ธรรมดาผู้นี้ได้ไปจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ก้าวสู่เส้นทางฝึก ‘คัมภีร์ฟู่หนิว’ ด้วยตนเอง สุดท้ายได้กลายเป็นราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค และทำการปลุกต้นกำเนิดสัจธรรมที่อ่อนกำลังแล้วของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวขึ้นมา และสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวขึ้นใหม่
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง กลายเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มีชื่อเสียงโด่งดังของแดนลัทธิพรรษ
แม้ว่าราชันแท้จริงเต้าเจี่ยได้ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวแล้ว แต่ยังคงนึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนอย่างยิ่ง ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวและระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงร่วมเป็นพันธมิตรกัน และทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวมีความสนิทสนมดั่งพี่น้อง
ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากกระแสดูดเลือดทื่รุนแรงได้สิ้นสุดลงแล้ว ซิวหลอจ้านเทียนได้จัดการศิษย์ทรยศ และบรรลุข้อตกลงกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเป็นจำนวนมาก ซึ่งเบื้องหลังของเรื่องนี้เป็นผลจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิฟู่หนิวที่คอยประสานไกล่เกลี่ยให้
ด้วยสาเหตุนี้เอง เมื่อหลี่เชียนเห็นฟู่หนิวหมิงจู่จึงมีท่าทีดูเคารพนอบน้อมยิ่งนัก
หลี่เชียนถึงกับขมวดคิ้วทีหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของฟู่หนิวหมิงจู่ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ขออภัยที่หลี่เชียนโง่เขลา ไม่เข้าใจว่าคำพูดของหมิงจู่หมายความว่าอย่างไร”
ฟู่หนิวหมิงจู่จ้องมองดูหลี่เชียน แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สามเทพเลือดกำแหง ทำร้ายศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ที่อยู่ในแดนลัทธิพรรษเป็นหมื่น พวกเราตามล่าพวกเขามาถึงที่นี่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ข้าไปบรรยายให้มากความกระมัง”
สีหน้าของหลี่เชียนเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อได้ยินคำพูดของฟู่หนิวหมิงจู่ การที่สามเทพเลือดกำแหงทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นมา เท่ากับจับเอาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงไปปิ้งบนเตาไฟ อีกทั้งมาคราวนี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องเป็นแพะรับบาปแน่นอนแล้ว
“คืนชีวิตศิษย์พรรคหยางหมิงแปดพันชีวิตของข้ามา” ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษของพรรคหยางหมิง นักบวชหยางหมิงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง และตวาดเสียงดังขึ้นมา
เทพหมื่นกรก็ตวาดเสียงดังว่า “ศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงพวกเราสามหมื่นชีวิต พวกเจ้าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะต้องชดใช้หนี้เลือด”
“ชีวิตของศิษย์จูเซียงหวู่ถิงหกพันชีวิตไม่อาจสูญเสียไปฟรีๆ เช่นนี้” บรรพบุรุษจูเซียงหวู่ถิงอีกคนก็ร้องตวาดขึ้นมา
……
เวลานี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแต่ละแห่งต่างเข้ามาทวงหนี้ ทั้งยังเป็นหนี้เลือด เป็นหนี้ชีวิต หลี่เชียนถึงกับต้องปวดหัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ เหล่านี้ที่ตวาดใส่
ที่แท้การที่สามเทพเลือดกำแหงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนั้น พวกเขาได้ดูดกินอย่างอิ่มหนำสำราญอยู่ข้างนอกมาครั้งหนึ่ง ด้วยการดูดกลืนเลือดสดๆ ไปเป็นปริมาณมาก เพื่อฟื้นคืนพลังลมปราณของพวกเขา ทำให้พวกเขากลับคืนสู่ลักษณะสูงสุดยอดอีกครั้ง
เดิมการปรากฏตัวของสามเทพเลือดกำแหงอีกครั้งคือต้องการทำการใหญ่อีกครั้ง ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาได้ดื่มเลือดจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็คือมุ่งหน้ากลับมาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
ขณะที่พรรคหยางหมิงต้องสูญเสียศิษย์เป็นจำนวนมากเช่นนี้ ด้วยความโกรธแค้น เมื่อสามเทพเลือดกำแหงหลบหนีกลับไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ดังนั้น พวกเขาจึงได้จัดตั้งกองทัพพันธมิตรไล่ติดตามเข้ามา พวกเขาอาศัยร่องรอยที่สามเทพเลือดกำแหงทิ้งเอาไว้กำหนดตำแหน่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง สุดท้ายหักหาญโจมตีเข้ามาด้วยการทำลายท้องฟ้า และมาถึงเหนือท้องฟ้าของราชสำนัก
มาคราวนี้ บรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากของแดนลัทธิพรรษก็ต้องการทำการใหญ่เช่นกัน ดังนั้นจึงได้มุ่งหน้าตรงเข้ามาโจมตีถึงราชสำนักโดยตรง เป้าหมายของพวกเขาต้องการยับยั้งต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง จากนั้นค่อยไปคิดบัญชีกับสามเทพเลือดกำแหง
หลี่เชียนถึงกับปวดหัว เมื่อมองเห็นเจ้าหนี้แต่ละรายที่มาทวงหนี้เลือดถึงที่ เขามองสบตากับผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ทีหนึ่ง
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม เวลานี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงของพวกเขาก็เป็นฝ่ายผิด อีกทั้งพวกเขาหนีไม่พ้นฐานะแพะรับบาปของสามเทพเลือดกำแหงได้อยู่แล้ว ถ้าหากวันนี้พวกเขาไม่สามารถให้คำตอบที่พอใจกับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนมากที่เป็นกองทัพพันธมิตรล่ะก็ ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ยอมเลิกราแต่โดยดีอย่างเด็ดขาด และพวกเขาก็จะไม่ถอนทหารเช่นนี้อยู่แล้ว
หลี่เชียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แสดงคารวะแบบจีนต่อพวกของฟู่หนิวหมิงจู่และกล่าวว่า “ไม่ขอปิดบังทุกท่าน สามเทพเลือดกำแหงได้ถูกบรรพบุรุษพวกเราสังหารไปแล้ว”
วันนั้น หลังจากหลี่ชิเย่อาศัยเพียงกระบี่เดียวสังหารเทพแท้จริงเทียนเต๋อแล้ว ก็ได้อาศัยหนึ่งกระบี่นั้นโจมตีจนสามเทพเลือดกำแหงกลายเป็นหมอกเลือดไป ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะขัดขืน
“พูดไปเรื่อยเปื่อย ใครจะไปรู้ว่าคำพูดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเจ้าจริงหรือเท็จ” เทพหมื่นกรกล่าวเย็นชาขึ้นมา
“เปิด…” ในเวลานี้ หลี่เชียนคำรามเสียงยาวขึ้น ได้ร่วมกับผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ปลุกต้นกำเนิดสัจธรรมให้ตื่นโดยพลัน พริบตาเดียวนั่นเอง พลังสัจธรรมตลบอบอวล ปรากฏเกณฑ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง พลังที่น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่ไพศาลพลันถูกปลุกเสกให้ไปอยู่ในร่างของหลี่เชียนและผู้พิทักษ์ทุกคน
เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมา แต่ทว่า ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ฝ่ายศัตรูก็ทยอยกันเสกเอาอาวุธล้างผลาญที่รุนแรงออกมา ทั้งอาวุธเทพแท้จริง อาวุธอมตะ อาวุธเป็นร้อยเป็นพันที่ปราศจากผู้ต่อกรพลันโจมตีลงมา
เสียงปัง ปัง ปังแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันขึ้นกลางอากาศ สะเก็ดไฟแตกกระจาย เสมือนดั่งเป็นการระเบิดของดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้าอย่างนั้น ด้วยแรงระเบิดที่มีอานุภาพเช่นนี้ แม้แต่ดวงตะวันบนท้องฟ้าก็ดูจะสลดและอับแสง ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเกิดโคลงเคลงสั่นไหวขึ้นมา เสมือนดั่งเป็นเรือน้อยที่ลอยอยู่ท่ามกลางพายุรุนแรงที่โหมกระหน่ำ ยามที่คลื่นยักษ์ซัดเข้ามาล่ะก็ พร้อมจะจมลงได้ทุกเมื่อ
เสียงตูมดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง พริบตาเดียวนั้นเอง หลี่เชียนได้นำพาผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักบวชหยางหมิง เทพหมื่นกรที่เป็นระดับบรรพบุรุษเหล่านี้ ภายใต้การร่วมมือของระดับบรรพบุรุษจำนวนมากที่สยบลงมา หลี่เชียนเองก็ถูกโจมตีจนถอยหลังไปเรื่อยๆ และกระอักเลือดออกมา
“ฆ่าพวกเขาให้หมด ไถระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงให้ราบ” ในเวลานี้เอง มีผู้ที่ร้องคำรามเสียงดังขึ้นมา และเข้าโจมตีสังหารพวกของหลี่เชียนอย่างบ้าคลั่ง ศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องเสียชีวิตไปเป็นหมื่นภายในระยะเวลาอันสั้น
“อาศัยพวกเจ้าน่ะหรือ?” ทันใดนั้นเอง เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
เสียงตูมดังสนั่นขึ้น ทันใดนั้นเอง ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพลันพวยพุ่งประกายเซียนที่ไม่สิ้นสุดขึ้นมา ประกายเซียนทั้งหมดพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เสมือนดั่งเป็นแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่เป็นจังหวะพุ่งขึ้นไปบนจักรวาล ส่องสว่างไสวไปทั่วอวกาศ
ตึง ตึง ตึงในเวลาเดียวกันนี้ บนพื้นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงปรากฎเป็นกฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษจำนวนนับไม่ถ้วนที่พวยพุ่งออกมา กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษทุกข้อมีขนาดใหญ่เท่าเทือกเขา
กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษทั้งหมดได้ติดตามแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่เป็นจังหวะที่พวยพุ่งขึ้นมาจากต้นกำเนิดสัจธรรมขึ้นไปยังจักรวาล หมุนเคลื่อนไปและถักทอเข้าด้วยกัน
แช้งค์…เสียงคำรามของกระบี่ดังก้องไปทุกแดน ในเสี้ยววินาทีนี้เอง กฎเกณฑ์ปฐมบรรพบุรุษทั้งหมดที่ถักทอเข้าด้วยกันได้หลอมรวมเข้าด้วยกันกับแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่เป็นจังหวะและกลายเป็นกระบี่ปฐมบรรพบุรุษที่โบราณและเป็นนิรันดร์เล่มหนึ่ง
ยามที่กระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้ปรากฏ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนแล้วแต่ดูเล็กจิ๋วขนาดนั้น เหมือนหนึ่งเป็นเพียงฝุ่นผงบนโลกเท่านั้น
แว้งค์เสียงหนึ่งที่ดังขึ้น มองเห็นเพียงกระบี่ปฐมบรรพบุรุษเล่มนี้สั่นสะเทือนเบาๆ เท่านั้น ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนจักรวาลพลันแตกละเอียด เหมือนหนึ่งเป็นฝุ่นผงจากการถูกทำลายอย่างนั้น ช่างเป็นภาพที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน
……………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...