หนึ่งกระบี่สะเทือนถึงดวงดาว ไม่ว่าใครก็ตามได้เห็นภาพนี้แล้วก็ต้องหวาดผวา
‘พลังต้นกำเนิดสัจธรรม’ ไม่ว่าจะเป็นนักบวชหยินหมิงหรือว่าเทพหมื่นกรล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ร้องเสียงดังออกมาว่า “ป้องกัน”
เสียงปังดังสนั่น กองทัพพันธมิตรได้ตั้งเป็นแนวป้องกันที่ดั่งเป็นกำแพงเมืองจีนขึ้นในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง แนวป้องกันทั้งหมดยึดโยงด้วยกันทั้งหมด เสมือนดั่งเป็นป้อมปราการที่ไม่สามารถทำลายได้ แข็งแกร่งยากจะตีแตกได้
เสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่กลายเป็นเถ้าธุลี สลดอับแสงทุกยุคสมัย แม้แต่เหล่าเทพก็ยังตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ภายใต้หนึ่งกระบี่ลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าไร้ผู้ต่อกรทั่วหล้า
เสียงตูมดังสนั่นขึ้น แม้ว่าการป้องกันของกองทัพพันธมิตรจะประกอบด้วยอาวุธราชันแท้จริงและอาวุธระดับอมตะเป็นโครง แต่ยังคงต้านรับกับกระบี่เดียวที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า แนวป้องกันพลันแตกละเอียด แนวป้องกันทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกทำลายพินาศย่อยยับในทันที เลือดสดๆ สาดกระเซ็น เสมือนดั่งสาดน้ำหมึกอย่างนั้น
ภายใต้หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา เลือดสดๆ ที่ฉีดพ่นออกมาเหมือนดั่งท้องฟ้าเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักอย่างนั้น กองทัพพันธมิตรจำนวนหลายพันคนพลันถูกสังหารสิ้นในกระบี่เดียว แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นต้นก็ถูกสังหารภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ ต่อให้ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากก็กระเด็นกระดอนไปในพริบตาเดียว
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น กองทัพพันธมิตรหลายพันคนได้กลายเป็นฝนเลือด ผู้ที่สามารถเหลือรอดมาได้ก็แค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแต่ละลัทธิทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นเป็นระดับเทพแท้จริงทั้งสิ้น
สำหรับยอดฝีมือที่ต่ำกว่าระดับเทพแท้จริง ไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากหนึ่งกระบี่นี้ได้อยู่แล้ว แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นต้นก็ถูกสังหารกลายเป็นหมอกเลือดภายใต้หนึ่งกระบี่ ขณะที่ระดับบรรพบุรุษที่รอดตายอย่างหวุดหวิดมีจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หนึ่งกระบี่เข่นฆ่าสิ้นกองทัพพันธมิตร เหลือรอดหวุดหวิดเพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ภาพเช่นนี้สร้างความหวั่นไหวให้กับทุกๆ คน รวมทั้งทุกๆ คนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็ถูกทำใหหวั่นไหว
หนึ่งกระบี่นี้ช่างอันธพาล และน่าสยองขวัญเหลือเกิน ไม่ว่าใครก็ตามภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ก็มีเหตุผลที่ต้องสั่นเทา
“ท่านบรรพบุรุษ…” เวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจำนวนเท่าไรที่รู้สึกตื่นเต้นจนร้องเสียงดังขึ้นมา กระทั่งน้ำตานองหน้า มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมดังขึ้นมาว่า “ท่านบรรพบุรุษลงมือ พวกเรารอดแล้ว!”
หลี่เชียนเองก็รู้สึกหวั่นไหวอย่างยิ่ง เขารู้ว่าหลี่ชิเย่นั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง แต่ทว่า อาศัยเพียงกระบี่เดียวก็ทำลายล้างกองทัพพันธมิตรได้ตั้งมากมายเพียงนี้ มันออกจะพาลมากเกินไปแล้วกระมัง นี่มันเสมือนดั่งราชันแท้จริงมาด้วยตนเองอย่างนั้น! พูดให้ถูกต้องก็คือออกจะพาลมากไปกว่าราชันแท้จริงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
“อยู่ที่นั่น” ในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง พวกนักบวชหยางหมิง เทพหมื่นกรได้ล็อคพิกัดตำแหน่งไปที่ตำหนักแห่งหนึ่ง นำพาเทพแท้จริงหลายร้อยคนที่รอดตายอย่างหวุดหวิดบุกไปที่ตรงนั้นทันที
เสียงปังดังสนั่น เมื่อพวกนักบวชหยินหมิงและเทพหมื่นกรพร้อมกับเทพแท้จริงหลายร้อยคนบุกกระแทกเข้าไป ได้ทำให้ตำหนักทั้งหลังแตกละเอียด เมื่อตำหนักพังครืนลงมา มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ที่ตรงนั้น กำลังควบคุมเตากลั่นยาเม็ดอยู่พอดี
ด้านหลังของชายหนุ่มผู้นี้ยังมีผู้เฒ่าและหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่คอยเป็นผู้ช่วยให้กับชายหนุ่มผู้นี้
ชายหนุ่มที่กำลังกลั่นยาเม็ดอยู่ก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ขณะที่ผู้ช่วยสองคนก็คือหยางเซิ่นผิงกับจูซือจิ้ง
เวลานี้ เทพแท้จริงหลายร้อยคนได้ล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ทันที แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับไม่ได้มองดูพวกเขาสักครั้ง เพียงมองไปที่เตากลั่นยาเม็ดที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นเอง เวลานี้เตากลั่นยาเม็ดปรากฏเป็นมังกรตัวหนึ่งแหวกว่ายอยู่ มังกรตัวนี้ได้ว่ายวนไปรอบแล้วรอบเล่า อีกทั้งเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงมังกรคำรามดังไม่ขาดสาย
หลี่ชิเย่ควบคุมไฟที่อยู่ในเตา แม้ว่าจากการที่มังกรยิ่งว่ายยิ่งเร็ว กลิ่นอายมังกรก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งกลิ่นอายมังกรก็หมุนตาม เหมือนต้องการกลายเป็นพายุอย่างนั้น
ขณะที่มังกรยิ่งหมุนยิ่งเร็วนั้น เกล็ดทองบนตัวของมันส่งประกายแวบวับ ดุจดั่งแสงสีทองสาดส่องอย่างนั้น เป็นที่ระคายเคืองกับตาผู้คนยิ่งนัก โดยเฉพาะยามที่เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นมานั้น มีอานุภาพที่สยบจิตใจของผู้คนได้
ปัง ปัง ปังในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง พวกนักบวชหยินหมิงพวกเขาได้ตั้งโล่กำแพงขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นมาโล่หนึ่ง เตรียมพร้อมรับมือกับการลงมือของหลี่ชิเย่ทุกเวลา ในขณะเดียวกัน บรรดาเทพแท้จริงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่กำอาวุธราชันแท้จริง หรืออาวุธอมตะอยู่ในมือ ต่างจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ชนิดไม่ให้คลาดสายตา เตรียมพร้อมเข้าโจมตีหลี่ชิเย่แบบหวังผลถึงตายในการโจมตีครั้งเดียว
พวกเขาดูออกว่าหลี่ชิเย่นั้นควบคุมพลังต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเอาไว้ ดังนั้นจึงหาโอกาสตอนที่หลี่ชิเย่เผยให้เห็นช่องโหว่เพียงชั่วพริบตาเดียวแล้วลงมือโจมตีถึงตายในครั้งเดียว ไม่เปิดโอกาสได้ควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมใดๆ ได้
“ยาเม็ดอายุวัฒนะชนิดวิบากขั้นที่สี่ มังกรทองแหวกว่าย นี่มันฝีมือของระดับปรมาจารย์นะเนี่ย” จังหวะที่สถานการณ์ตึงเครียดมาก พร้อมระเบิดขึ้นในทันที พวกของนักบวชหยินหมิงต่างมีประสาทอยู่ในภาวะที่ตึงเครียดมาก
แต่ทว่า ท่ามกลางกลุ่มของพวกเขากลับมีระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งกระโดดออกมาและเดินเข้าหาทันที จ้องเขม็งไปที่เตากลั่นยาเม็ดของหลี่ชิเย่ ถึงกับทำเสียงจี๊ดจ๊ะออกมา และกล่าวว่า “ฝีมือการควบคุมไฟเช่นนี้มันปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเลยชัดๆ โอ้แม่จ๋า ฝีมือลักษณะเช่นนี้มีอยู่ในบันทึกเท่านั้น ข้าก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...