ขณะที่หวู่ปิงหนิงกำลังอยู่ในอาการตกตะลึงอยู่นั้น หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “ถ้าหากวันข้างหน้าข้าเข้าไปในจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าก็ต้องสามารถกุมอำนาจจูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้าได้”
“ขี้โม้…” หวู่ปิงหนิงไม่เชื่อในคำพูดนี้ทันที และกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าคือบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เคล็ดวิชาที่ฝึกก็คือเคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ฝึกคัมภีร์ของผู้เฒ่ากำแหง แล้วเป็นไปได้อย่างไรจะมากุมอำนาจของจูเซียงหวู่ถิง? ฮึ หรือว่าเจ้าคิดจะช่วงชิงอำนาจอย่างนั้นรึ? หรือคิดจะใช้อำนาจยึดครองจูเซียงหวู่ถิงอย่างนั้นรึ? ถ้าหากเจ้ากล้าใช้อำนาจยึดครองล่ะก็ ข้าเป็นคนแรกที่จะแลกชีวิตกับเจ้า!”
ครั้นหวู่ปิงหนิงเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้ มองด้วยสายตาที่เฉือดเฉือนดั่งมีดที่แหลมคมยิ่ง แฝงไว้ด้วยการแสแสร้งตำหนิอยู่สามส่วน และเคืองอยู่เจ็ดส่วน
เรื่องนี้จะไปโทษหวู่ปิงหนิงไม่เชื่อคำพูดของหลี่ชิเย่ก็ไม่ถูก หลี่ชิเย่ไม่ใช่ศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิง ไม่เคยได้ฝึกเคล็ดวิชาของจูเซียงหวู่ถิงมาก่อน ไหนเลยจะกุมอำนาจปกครองจูเซียงหวู่ถิงได้ ลำพังแค่เขามีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ก็ไม่น่ามีความเป็นไปได้ที่จะมากุมอำนาจจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาได้
“ใครบอกว่าข้าได้ฝึกเคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมา?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และถูมือหัวเราะเสียงดัง
“เจ้าไม่ใช่บรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงรึ?” หวู่ปิงหนิงถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความประหลาดใจ
หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “หรือว่าหากข้าคือบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วก็ต้องฝึกเคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงให้ได้อย่างนั้นรึ? นั่นมันเป็นเพียงแสดงฐานะเท่านั้นเอง”
“เจ้าคงไม่ใช่พวกสวมรอยกระมัง” ทำให้หวู่ปิงหนิงถึงกับสงสัยขึ้นมา พูดกันตามตรงเลย หากไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่สามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ล่ะก็ นางสงสัยว่าหลี่ชิเย่ต้องเป็นประเภทสวมรอยมาแน่นอน เพราะให้ความรู้สึกที่เข้ากันไม่ได้กับโลกนี้เลย เขาใช่แต่เพียงไม่ใช่บรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้น กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าไม่ใช่คนของโลกนี้ด้วยซ้ำ
“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “หวู่จู่ของจูเซียงหวู่ถิงพวกเจ้าได้รับการยกย่องว่าปราศจากผู้ต่อกรทั้งทักษะยุทธและบำเพ็ญเพียร แต่พวกเจ้าไหนเลยจะทราบว่า ต้นกำเนิดทักษะยุทธและบำเพ็ญเพียรเป็นมาอย่างไร? หรือจะบอกว่าต้นกำเนิดทักษะยุทธและบำเพ็ญเพียรของปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้า? เป็นต้นว่า ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ จูเซียงหวู่ถิงของพวกเจ้า”
‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่!’ หวู่ปิงหนิงถึงกับสะดุ้งในใจเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ แววตาทั้งสองพลันลุกวาวยิ่งนัก
‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ คือสุดยอดวิชาสูงสุดของจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขา ซึ่ง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ นี้กระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็นเคล็ดวิชาสูงสุดของหวู่จู่พวกเขา
สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ไม่เพียงเป็นแค่วิชาโจมตีเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นพลังภายใน เล่าลือกันว่ามันคือตัวแทนความสำเร็จสูงสุดของหวู่จู่พวกเขา
เล่าลือกันว่า ภายหลังหวู่จู่ได้นำ ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ถ่ายทอดให้กับศิษย์ทั้งสิบสองคนของเขา โดยได้กันไปคนละกระบวนท่า เนื่องเพราะเหตุนี้เอง ศิษย์ทั้งสิบสองคนถูกชนรุ่นหลังของจูเซียงหวู่ถิงยกย่องให้เป็น ‘สิบสองบรรพบุรุษ’
ภายหลัง เนื่องจากเหตุผลต่างๆ นานา ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ของจูเซียงหวู่ถิงพวกเขาได้สูญหายไปเป็นส่วนใหญ่ ท้ายที่สุดคงเหลือไว้เพียงห้ากระบวนท่าเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ในแดนลัทธิพรรษจึงมีผู้ที่มองว่า หากจูเซียงหวู่ถิงสามารถค้นหา ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ กลับมาได้ล่ะก็ ไม่แน่นัก ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ของพวกเขาอาจจะกลายเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิพรรษก็เป็นได้ กระทั่งสามารถสยบพรรคหยางหมิงลงไปได้
“เจ้าฝึกมาแล้วสามกระบวนท่า เสียดาย กลับสำแดงอานุภาพของมันออกมาไม่ได้ รอให้เจ้าได้กลายเป็นราชันแท้จริงเสียก่อน คงสามารถทำให้ทั้งสามกระบวนท่าผสานเข้าด้วยกัน” หลี่ชิเย่มองดูหวู่ปิงหนิงที่กำลังตื่นตระหนก และแสดงท่าทียิ้มๆ ออกมา
“เจ้า เจ้าไปรู้เรื่องนี้มาได้อย่างไรกัน?” คำพูดนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับหวู่ปิงหนิงขึ้นอีกครั้ง จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่อย่างไม่ลดละ
สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ จูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาคงเหลืออยู่เพียงห้ากระบวนท่าเท่านั้น ในจำนวนห้ากระบวนท่ามีเพียงสามกระบวนท่าที่เชื่อมประสานเข้าด้วยกัน ส่วนอีกสองกระบวนท่าไม่เชื่อมประสานกับใครเลย ดังนั้น ต่อให้มีสิทธิ์ฝึกทั้งห้ากระบวนท่านี้ ก็ทำได้เพียงเลือกฝึกกระบวนท่าใดท่าหนึ่งที่ไม่เชื่อมประสานกับกระบวนท่าใดเลย หรือฝึกกระบวนท่าทีเชื่อมประสานกันสามกระบวนท่านั่น
แม้จะกล่าวว่า อานุภาพของกระบวนท่าที่เชื่อมประสานกันสามกระบวนท่านั้นจะทรงพลังอย่างยิ่ง แต่เนื่องเพราะอานุภาพที่ทรงพลังมากเกินไปของมันนั่นเอง จำเป็นต้องอาศัยพลังวัตรที่กล้าแข็งอย่างยิ่งมาสนับสนุน
เนื่องจาก ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ที่ทางจูเซียงหวู่ถิงมีอยู่ในปัจจุบันคือห้ากระบวนท่าที่ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ ต่อให้พวกเขาได้ฝึก มันก็จะมีข้อบกพร่องต่างๆ นานา
ยกตัวอย่างหวู่ปิงหนิงที่ฝึกแค่สามกระบวนท่าที่เชื่อมประสานกันเท่านั้นในเวลานี้ นางอาศัยพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนคนอื่นกับตั้งปณิธานมุมานะที่เข้มแข็งจนฝึกได้เป็นผลสำเร็จ แต่ทว่า เมื่อมีการสำแดงออกมาจริงๆ อาศัยพลังวัตรที่นางมีอยู่ในขณะนี้ยังคงไม่สามารถสำแดงสามกระบวนท่าให้เชื่อมประสานกันได้ พลังวัตรของนางยังไม่สามารถสนับสนุนได้ ดังนั้น นางจึงทำได้แค่สำแดงกระบวนท่าใดท่าหนึ่งเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ครั้งนั้นขณะที่นางลอบจุ่โจมหลี่ชิเย่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง นางจึงไม่มีโอกาสกระทั่งสำแดงกระบวนท่าทั้งสาม ถูกหลี่ชิเย่สยบได้ในเสี้ยววินาทีนั่นเอง
“แค่เห็นก็รู้แล้วล่ะ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ หรือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้า ล้วนแล้วแต่สามารถเจียระไนได้อยู่แล้ว การที่เจ้าสามารถรองรับพลังกดดันที่หนักหนาเช่นนี้แล้วฝึกสามกระบวนท่าจนสำเร็จได้ การจะเริ่มต้นฝึกใหม่ไม่ใช่ปัญหา ในอนาคตยังคงมีโอกาสฝึก ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ได้สำเร็จ”
“เจ้า เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร?” ประกายตาของหวู่ปิงหนิงถึงกับเต้นระริกทีหนึ่ง ในชั่วพริบตาเดียวนี่เอง นางจับใจความที่สุดแสนจะลึกซึ้งของหลี่ชิเย่ได้
“อนาคตเต็มไปด้วยความเป็นไปได้” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา
หวู่ปิงหนิงพลันจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่อย่างไม่ลดละ และกล่าวว่า “เจ้ารู้จัก‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ? ไม่ใช่ หรือว่าเจ้ามี‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ จูเซียงหวู่ถิงของพวกเรารึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...