“องค์หญิง…” กองทัพอาชาทัพนี้วิ่งห้อตรงไปกระทั่งด้านหน้าของหวู่ปิงหนิง คุกเข่าลงกับพื้นและส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน
หวู่ปิงหนิงถึงกับขมวดคิ้วเมื่อมองเห็นกองทัพอาชานี้แล้ว และกล่าวว่า “แม่ทัพหวู่ เหตุใดพวกเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”
“ทูลองค์หญิง พวกกระหม่อมมารับเสด็จองค์หญิงกลับราชสำนัก” แม่ทัพที่เป็นหัวหน้ารีบกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อมต่อหวู่ปิงหนิง
หวู่ปิงหนิงถึงกับมีสีหน้าที่บึ้งตึงขึ้นมา เป็นความจริงที่ว่าหลังจากนางติดตามหลี่ชิเย่มาถึงดินแดนต้นกำเนิดไฟแล้วได้มีการส่งข่าวให้กับจูเซียงหวู่ถิง นางเพียงแจ้งต่อบรรพบุรุษของตนเองว่าได้ออกจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอย่างปลอดภัยแล้ว นางไม่นึกเลยว่ากองทัพของจูเซียงหวู่ถิงจะรุดมาถึงได้รวดเร็วปานนี้
หวู่ปิงหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เพื่อสงบจิตใจของตนเองเอาไว้ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “แม่ทัพหวู่ ถึงเวลาอันสมควรที่จะกลับไปแล้ว ข้าก็จะกลับไปเอง ไม่จำเป็นต้องให้แม่ทัพหวู่ต้องลำบาก”
แม่ทัพที่คุกเข่าอยู่คิดจะปริปากพูดอะไรออกไป แต่ก็หยุดลงเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
“ปิงเอ๋อร์ ข้างนอกอันตราย กลับไปพักผ่อนที่ราชสำนักก่อนเถอะ” ในเวลานี้เสียงที่แก่หง่อมเสียงหนึ่งดังขึ้น เห็นศิษย์ที่หามที่นั่งที่นุ่มนิ่มเข้ามา โดยมีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้น ผู้เฒ่าผู้นี้อยู่ในระดับชั้นบรรพบุรุษ สีหน้าของเขาขาวซีด ดูหน้าตาแย่มาก แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงส่งประกายออกมาทุกทิศทุกทาง
“ท่านบรรพบุรุษ…” หวู่ปิงหนิงถึงกับตระหนกเมื่อมองเห็นบรรพบุรุษผู้นี้ บรรพบุรุษที่อยู่ตรงหน้าก็คือบรรพบุรุษที่เคยเข้าร่วมโจมตีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาก่อนหน้านั่นเอง
“ได้ยินว่าเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจึงมารับเจ้าเป็นการเฉพาะ” เมื่อบรรพบุรุษผู้นี้เห็นว่าหวู่ปิงหนิงปลอดภัยดีถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก
ครั้งนั้น แม้ว่าจะรอดชีวิตกลับมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาได้ แต่ได้รับบาดเจ็บที่สาหัสมาก ความจริงแล้วไม่เพียงแต่ตัวเขาที่ได้รับบาดเจ็บ ระดับบรรพบุรุษคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเงื้อมมือของหลี่ชิเย่ หลังจากบรรดาเหล่าบรรพบุรุษกลับไปแล้วต่างรีบเร่งกักตนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันการอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่จะเกิดขึ้น
แต่เมื่อบรรพบุรุษผู้นี้ได้ยินว่าหวู่ปิงหนิงกลับมาแล้ว เขายังคงออกจากการกักตนมาต้อนรับการกลับมาของหวู่ปิงหนิง จะอย่างไรเสียการที่เหล่าบรรพบุรุษเช่นพวกเขาสามารถมีชีวิตกลับออกมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้นั้น นับว่าหวู่ปิงหนิงมีผลงานยิ่งใหญ่ ดังนั้น บรรพบุรุษผู้นี้ยังคงต้องการมาต้อนรับหวู่ปิงหนิงด้วยตนเองแม้ว่ายังบาดเจ็บอยู่ก็ตาม
สีหน้าของหวู่ปิงหนิงเปลี่ยนไป ที่สมควรจะเกิดยังคงต้องเกิด นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “รบกวนท่านบรรพบุรุษ ให้บรรพบุรุษต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะข้า ปิงหนิงละอายใจยิ่งนัก เพียงแต่ข้ามีธุระอยู่ วันหน้าค่อยกลับไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ”
“เกรงว่าจะไม่เหมาะสม” เมื่อบรรพบุรุษได้ฟังความจากหวู่ปิงหนิงแล้วจึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า “ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจะขาดเจ้าแม้เพียงวันหนึ่งก็ไม่ได้ เจ้ายังคงติดตามข้ารีบเร่งกลับไปเถอะ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น”
คำพูดของบรรพบุรุษทำให้หวู่ปิงหนิงต้องนิ่งเงียบทันที ในใจของนางไม่คิดจะกลับไปที่จูเซียงหวู่ถิงอยู่แล้ว กลับไปเมื่อไรก็จะมีแต่ความกลัดกลุ้มที่ไม่สามามรถขจัดทิ้งไปได้
“ทำไม คิดจะมาชิงตัวรึ?” จังหวะที่หวู่ปิงหนิงอยู่ระหว่างนิ่งเงียบนั้น หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ด้านหลังได้ก้าวเดินออกมา กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ถ้าหากคิดจะแย่งคนล่ะก็ ต้องถามข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย”
ศิษย์คนอื่นๆ ของจูเซียงหวู่ถิงย่อมไม่รู้จักหลี่ชิเย่ แต่ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ของจูเซียงหวู่ถิงรู้จักหลี่ชิเย่อยู่แล้ว วันนั้นเกือบจะตายด้วยเงื้อมมือของหลี่ชิเย่
“เป็นเจ้า…” ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ถึงกับตื่นตระหนกยิ่งเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ สีหน้าที่เดิมขาวซีดอยู่แล้วพลันกลายเป็นซีดเผือด เมื่อพบกับศัตรูตัวฉกรรจ์สะบัดมือออกไป
ตึง ตึง ตึงฉับพลันนั้นเอง ศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิงทั้งหมดต่างชักอาวุธออกจากฝัก เข้าสู่สถานการณ์พร้อมรบ และทำการล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ ไม่อาจไม่ยอมรับว่าศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิงได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี มีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว ไม่เสียทีที่เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลำดับต้นๆ
“ต้องการสู้กันสักรอบหนึ่งรึ?” หลี่ชิเย่มองดูยอดฝีมือจูเซียงหวู่ถิงที่ล้อมตนเองเอาไว้ ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ข้าพร้อมน้อมรับทุกเวลา”
ในเวลานี้ ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงถึงกับมีสีหน้าที่ขาวซีด เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งและอันธพาลของหลี่ชิเย่มาแล้ว และเห็นวิธีการที่โหดเหี้ยมของหลี่ชิเย่มาก่อน ขอเพียงหลี่ชิเย่โหดขึ้นมา เวลาที่เขาฆ่าคนนั้นเรียกว่าไม่มีการกะพริบตาอย่างเด็ดขาด
สุดท้าย ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สะบัดมือทีหนึ่งให้ศิษย์ในสำนักถอยออกไป เขารู้ดีว่าศิษย์ธรรมดา และยอดฝีมือทั่วๆ ไปนั้นหาใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว ต่อให้มีจำนวนมากกว่านี้ก็เป็นการรนหาที่ตายอยู่ดี
“ท่าน ข้าไม่ได้มีความหมายอื่นใด จูเซียงหวู่ถิงของพวกเราเพียงต้องการรับศิษย์ของพวกเรากลับไปเท่านั้น ข้าเชื่อว่าท่านเองก็เป็นผู้ที่รักษาคำมั่นสัญญา” สุดท้าย ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ในเวลานี้ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ก็เข้าใจ หากจะใช้กำลังกับหลี่ชิเย่ในขณะนี้เกรงว่าจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ และหากลงมือกันจริงๆ แล้ว พวกเขาไม่มีวิธีการใดที่จะเอาชนะได้
“เรื่องแบบนี้ข้าไม่ขัดขวาง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “ถ้าหากนางคิดจะกลับไป สามารถกลับไปได้ทุกเมื่อ แต่หากนางไม่ต้องการจะกลับไป ใครคิดจะฝืนบังคับนาง ก็ต้องถามข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ระดับบรรพบุรุษผู้นี้พูดไม่ออก เขารู้สึกเหมือนขี่หลังเสือในทันที ได้แต่จ้องมองไปที่หวู่ปิงหนิง
เวลานี้หากพวกเขาจะใช้ไม้แข็งเพื่อแย่งชิงตัวจากหลี่ชิเย่ล่ะก็ เกรงว่าการต่อสู้อย่างดุเดือดคงยากจะหลีกเลี่ยงได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...