นาทีนี้หวงฉวนเวยจ้องมองตรงไปยังหลี่ชิเย่ แววตาดูดุเดือดรุนแรง กระทั่งเรียกได้ว่ามีท่าทียกตนข่มท่าน ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าหวงฉวนเวยจงใจยั่วยุหลี่ชิเย่
กล่าวสำหรับหวงฉวนเวยแล้ว ไม่ง่ายนักกว่าจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือต่อหน้าคนที่ตนรัก แล้วเขาจะยอมพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไร เขาจะต้องแสดงออกให้เต็มที่ ให้มู่หย่าหลันได้รู้จักวิชาพิษที่เป็นหนึ่งไม่มีสองของตน ซึ่งต้องได้รับความโปรดปรานจากโฉมตรูอย่างแน่นอน
กล่าวได้ว่าหวงฉวนเวยมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในวิชาด้านพิษ ฉายา ‘ราชาพิษ’ ของเขาใช่เป็นชื่อเสียงจอมปลอม เขาเข้าใจว่าในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ วิชาด้านพิษไม่มีใครสามารถแซงล้ำหน้าเขาไปได้ ถ้าหากพิษที่เขาแก้ไม่ได้ล่ะก็ คนอื่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้พิษชนิดนี้ได้
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุให้หวงฉวนเวยมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมไปท้าทายศิษย์พี่ใหญ่อย่างหลี่ชิเย่ที่เป็นศิษย์อันดับที่หนึ่ง เขาไม่เคยนำมาใส่ใจเลยสำหรับศิษย์พี่ใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งผู้นี้ แค่ผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเท่านั้น ก็เป็นเพียงได้กลายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของนักพรตฉางเซินเท่านั้น และกลายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งดังว่าเท่านั้นเอง
“เรื่องนี้…” พลันทำให้ผู้อาวุโสหยางลังเลขึ้นมาทันที แม้ว่าฟ่านเมี่ยวเจินพยายามแนะนำหลี่ชิเย่ บอกว่าด้านปรุงกลั่นยา ด้านยาสมุนไพร ด้านการแพทย์ และด้านวิชาพิษหลี่ชิเย่เชี่ยวชาญทุกแขนง แต่ว่าเขาไม่เคยได้ยินว่ามีบุคคลที่ชื่อหลี่ชิเย่มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงได้พบเห็นได้รู้จักฝีมือของหลี่ชิเย่แล้ว
สำหรับหวงฉวนเวยนั้นแตกต่างกัน ชื่อ ‘ราชาพิษ’ ของเขาขจรไกลในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ วิชาด้านพิษของเขาได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วหล้า อย่างน้อยที่สุดข้อนี้ก็เหนือกว่าหลี่ชิเย่ที่ปราศจากชื่อเสียงมากทีเดียว
“พี่หวงอยู่ในเส้นทางของพิษมาหลายสิบปี มีทักษะที่ทรงพลังมาก มาคราวนี้พี่หวงสู้อุส่าห์เดินทางไกลนับหมื่นลี้ เชื่อว่าพี่หวงต้องสามารถแก้พิษของผู้อาวุโสได้” สุดท้ายมู่หย่าหลันได้พูดขึ้น เป็นการยืนยันให้หวงฉวนเวยเป็นผู้รักษาให้ผู้อาวุโสหยาง
เรื่องนี้ใช่ว่ามู่หย่าหลันมีอคติต่อหลี่ชิเย่ เพียงแต่นางมองที่ความน่าเชื่อถือ แม้ว่าศิษย์พี่จะแนะนำหลี่ชิเย่ตลอด แต่ว่านางไม่เคยได้เห็นความสามารถของหลี่ชิเย่ ไม่มีความมั่นใจเพียงพอ ขณะที่หวงฉวนเวยต่างกัน เป็นความจริงที่เขาคือปรมาจารย์ด้านนี้ ดังนั้น มู่หย่าหลันจึงไม่กล้านำเอาชีวิตของผู้อาวุโสหยางมาเสี่ยงง่ายๆ จึงให้หวงฉวนเวยเป็นผู้ลงมือโดยตรง
“ศิษย์น้องโปรดวางใจ ข้าจะต้องรักษาพิษร้ายที่อยู่บนตัวของผู้อาวุโสหยางให้หายขาดแน่นอน อีกไม่นานต้องให้ผู้อาวุโสหยางสามารถกระโดดโลดเต้นได้แน่นอน” เมื่อเห็นว่ามู่หย่าหลันเชื่อมั่นตนเอง พลันทำให้เลือดอุ่นในกายของหวงฉวนเวยเดือดพล่าน มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมขึ้นมาโดยพลัน
กล่าวสำหรับหวงฉวนเวยแล้ว คำพูดคำหนึ่งที่ให้การยอมรับในวิชาพิษของเขา ไม่เพียงแค่เป็นการฉีดยาบำรุงหัวใจให้กับเขาเท่านั้น ยังทำให้เขารู้สึกดีใจยิ่งโดยพลัน ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเวลานี้มู่หย่าหลันได้โปรดปรานในตัวเขาเพิ่มขึ้นแล้ว เวลานี้ทำให้หวงฉวนเวยถึงกับคิดเพ้อเจ้อ จินตนาการถึงวันที่ได้ครอบครองสาวงามในวันนั้น
“เช่นนี้ย่อมเป็นการดีที่สุด ดีที่สุด” เมื่อมู่หย่าหลันพูดเช่นนี้ ผู้อาวุโสหยารีบกล่าวตาม เขาไม่คิดจะเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่น สำหรับความสามารถของหลี่ชิเย่นั้นเป็นสิ่งที่เต็มไปด้วยความสงสัยสำหรับเขา เพียงแต่ติดที่ฟ่านเมี่ยวเจินซึ่งเขาไม่อยากพูดออกไปเท่านั้น
เวลานี้มู่หย่าหลันได้ชี้ขาดลงไปแล้วว่าให้หวงฉวนเวยเป็นผู้รักษาให้กับตน สิ่งนี้กล่าวสำหรับผู้อาวุโสหยางแล้วมันคือเรื่องที่ปรารถนาให้ได้มาอยู่แล้ว
เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา เพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวอะไรกับตนเองอย่างนั้น ทำให้นางจ้องตาเขม็งทีหนึ่ง อดที่จะใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าให้อย่างแรงไปทีหนึ่ง ท่าทางดูโกรธเคืองอย่างยิ่ง
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยเท่านั้นกับภาพเช่นนี้ เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงไม่นำมาใส่ใจ
“ผู้อาวุโส ให้ข้าได้เห็นบาดแผลของท่านก่อน” เวลานี้หวงฉวนเวยแทบอยากจะแสดงฝีมือเดี๋ยวนี้เลยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ผู้อาวุโสหยางเปิดเสื้อของตนออกมาให้เห็นบาดแผลบริเวณหน้าอก มองเห็นบาดแผลบริเวณหน้าอกของเขาสาหัสมาก บาดแผลมีขนาดเท่าฝ่ามือ รอบๆ บาดแผลมีร่องรอยไหม้เกรียม และบาดแผลส่งกลิ่นของกำมะถันออกมาสายหนึ่ง
แม้จะกล่าวว่าบาดแผลของเขามีการใส่ยาแล้ว แต่มองเห็นได้ชัดว่าไม่มีผลแต่อย่างใด รอบๆ ของบาดแผลมองเห็นรอยจางๆ สีม่วงดำที่แผ่กระจายออกไป เหมือนว่าพิษร้ายนี้ต้องการขยายไปทั่วร่างกายของเขาอย่างนั้น
โชคดีตรงที่รอยจางๆ สีม่วงดำนี้ถูกควบคุมให้อยู่รอบๆ บริเวณหน้าอก ซึ่งสิ่งนี้แหละที่มู่หย่าหลันอาศัยฝีมือทางการแพทย์ที่สูงส่งทำการสะกดสถานการณ์ของพิษ ควบคุมพิษร้ายเอาไว้ ไม่ให้มันแผ่ขยายไปทั่วร่าง
“เป็นพิษที่ร้ายแรงมาก” หวงฉวนเวยก็ต้องกล่าวขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นอาการบาดเจ็บเช่นนี้
“นี่คือ…” หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกเหนือความคาดคิดเมื่อได้เห็นบาดแผลของผู้อาวุโสหยาง ถึงกับมองดูด้วยความสนใจ
สายตาของหวงฉวนเวยมองผ่านแวบหนึ่ง เห็นท่าทางที่รู้สึกสนใจของหลี่ชิเย่จึงกล่าวว่า “ศิษย์พี่มองเห็นความนัยอะไรแล้วรึ?” ท่าทางหยิ่งยโส ไม่ได้มองศิษย์พี่ใหญ่อันดับหนึ่งผู้นี้อยู่ในสายตา
“เกรงว่านี่คงไม่ใช่แค่ถูกพิษธรรมดาๆ เท่านั้น” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยกับการยั่วยุของหวงฉวนเวยเท่านั้น
“พูดแบบนี้แสดงว่าศิษย์พี่ใหญ่มีวิธีที่จะขจัดพิษได้แล้ว” ฟ่านเมี่ยวเจินรีบกล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา
หวงฉวนเวยส่งเสียงฮึดูแคลนออกมา กล่าวเสียงเย็นชาว่า “เกรงว่าศิษย์พี่ใหญ่คงมองพลาดไป ผู้อาวุโสได้รับพิษร้ายแรงจริงๆ อีกทั้งพิษชนิดนี้มีความรุนแรงมาก สามารถขยายลามไปทั่วร่างในพริบตา”
“ถูกต้อง เป็นเช่นนี้จริงๆ” ผู้อาวุโสหยางรีบกล่าวขึ้นมาว่า “วันนั้นข้าไปเก็บสมุนไพร ถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน มีสิ่งมีพิษพลันทิ่มแทงเข้าหน้าอกของข้า ร่างของข้ากลายเป็นสีดำทันที ข้ารีบปิดกั้นชีพจรทั้งร่างจึงค่อยยังหายใจได้ ต่อมา โชคดีที่แม่นางมู่ช่วยขับพิษร้ายให้กลับไปยังบริเวณหน้าอก มิฉะนั้นล่ะก็ เกรงว่าคงตายเพราะพิษไปแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...