ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2233

สรุปบท ตอนที่ 2233 อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้คน: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 2233 อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้คน จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2233 อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้คน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ก่อนหน้านั้น หวงฉวนเวยไม่ทันสังเกตเห็นหลี่ชิเย่ ไม่ว่ามองจากด้านใดก็ตาม หลี่ชิเย่ไม่ได้มีความโดดเด่นเลย ธรรมดาๆ เท่านั้น แค่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นศิษย์ธรรมดาทั่วไปจนไม่รู้จะธรรมดาทั่วไปของหุบเขาอมตะแล้ว

“ท่านผู้นี้คือศิษย์อันดับที่หนึ่งหุบเขาอมตะของพวกเรา แต่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา” ฟ่านเมี่ยวเจินได้แนะนำตัวหลี่ชิเย่ในทันที

“ศิษย์พี่ใหญ่?” หวงฉวนเวยถึงกับประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินว่าหุบเขาอมตะมีศิษย์พี่ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ในความทรงจำของเขานั้น ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อาวุโสมากที่สุดก็คือฟ่านเมี่ยวเจินที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่คนนี้แล้ว

“ที่แท้คือศิษย์พี่ใหญ่นะเนี่ย เลื่อมใส เลื่อมใส” ในใจของหวงฉวนเวยไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น จึงเพียงแค่พยักหน้าและทักทาย แม้แต่การแสดงคารวะแบบจีนก็ขึ้คร้านจะทำ

หุบเขาอมตะคือสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เป็นผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ตามหลักแล้ว ในฐานะที่เป็นศิษย์อันอับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะ เมื่อเป็นเช่นนั้น อนาคตก็ต้องเป็นผู้สืบทอดต่อจากนักพรตฉางเซิน กล่าวได้ว่าคือบุคคลที่มีอำนาจและฐานะสูงส่งคนหนึ่ง

แต่ว่าหวงฉวนเวยกลับไม่ได้ใส่ใจต่อหลี่ชิเย่ โดยหวงฉวนเวยมองว่า หลี่ชิเย่ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่กลับชื่อเสียงไม่ปรากฎ ไม่มีชื่อเสียงแม้แต่นิดเดียวในยุทธภพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเป็นเทียบเคียงกับสามอนงค์แห่งหุบเขาร้อยบุปผาแล้ว

กระทั่งศิษย์น้องของตนเองยังเทียบไม่ได้ ย่อมประเมินได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ช่างมีชื่อเสียงจอมปลอมเพียงใดแล้ว เกรงว่าศิษย์พี่ใหญ่เช่นนี้ฝีมือคงอย่างนั้นๆ ในทุกๆ ด้านเท่านั้นเอง เฉกเช่นหน้าตาของเขาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย

ศิษย์พี่ใหญ่ลักษณะเช่นนี้ก็แค่ได้เปรียบตรงที่เข้าเป็นศิษย์หุบเขาอมตะก่อนคนอื่นก้าวหนึ่งแล้วได้เป็นศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้นเอง

ด้วยเหตุนี้เอง ในใจของหวงฉวนเวยจึงมองข้ามไม่ให้เกียรติกับหลี่ชิเย่ โดยไม่ได้ใส่ใจในตัวหลี่ชิเย่เลยแม้แต่น้อย

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นกับการทักทายของหวงฉวนเวย

“พูดอย่างนี้ แสดงว่าศิษย์พี่ใหญ่ก็ต้องรู้จักวิชาด้านพิษน่ะสิ?” เดิมทีหวงฉวนเวยไม่ได้ใส่ใจต่อหลี่ชิเย่ แต่ท่าทางของหลี่ชิเย่ที่เพียงแค่ยิ้มๆ เท่านั้น กลับทำให้ภายในใจของหวงฉวนเวยรู้สึกว่าหลี่ชิเย่กำลังวางมาด จึงทำให้ไม่พอใจขึ้นมาทันที

ตัวเขาในฐานะราชาพิษมีชื่อเสียงโด่งดัง มีชื่อเป็นหนึ่งในสามอัจฉริยะ ชาติกำเนิดสูงส่ง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ให้ความเคารพต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงศิษย์พี่ใหญ่คนหนึ่งซึ่งธรรมดามากไม่มีความโดดเด่นใดๆ กลับถือว่าตนเองเข้าเป็นศิษย์ของหุบเขาอมตะก่อนคนอื่น ถึงกับวางมาดต่อหน้าของเขา ทำให้หวงฉวนเวยที่มีความหยิ่งยโสรู้สึกไม่สบอารมณ์ในใจยิ่งนัก

“ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเราเชี่ยวชาญทุกอย่างเช่นด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษ” หลี่ชิเย่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟ่านเมี่ยวเจินก็ได้กล่าวขึ้นทันที

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี้เอง เลื่อมใส เลื่อมใส เมื่อมีโอกาสจะต้องขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่ใหญ่บ้างแล้ว” หวงฉวนเวยหัวเราะทีหนึ่ง ท่าทีไม่ให้เกียรติอย่างยิ่ง เขาไม่เชื่อในคำพูดเช่นนี้อยู่แล้ว

ในสายตาของหวงฉวนเวยมองว่า ที่ฟ่านเมี่ยวเจินพูดมาว่าเชี่ยวชาญด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษทุกแขนง มันก็แค่ต้องการรักษาหน้าของหุบเขาอมตะเท่านั้นเอง ถ้าหากหลี่ชิเย่มีความเชี่ยวชาญด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร และด้านพิษจริงๆ ล่ะก็ อัจฉริยะบุคคลเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ชื่อไร้เสียง คงแซงล้ำหน้าสามอัจฉริยะอมตะไปนานแล้ว

จะอย่างไรเสีย เป็นถึงศิษย์อันอับที่หนึ่งแห่งหุบเขาอมตะ ย่อมไม่อาจปล่อยให้ใครมาบอกว่าไร้ความสามารถกระมัง? ดังนั้น หวงฉวนเวยจึงมองว่ามันก็แค่ฟ่านเมี่ยวเจินเยินยอหลี่ชิเย่เกินจริงเท่านั้นเอง

“อาการของผู้อาวุโสหนักมา ชักช้าไม่ได้ วิชาด้านพิษของพี่หวงปราศจากผู้เทียบเทียม รบกวนพี่หวงได้ลงมือเถอะ” มู่หย่าหลันขมวดคิ้วทีหนึ่งและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

มู่หย่าหลันเองก็มองออกว่า ศิษย์พี่ต้องการอาศัยมือของหลี่ชิเย่ไปโจมตีหวงฉวนเวย เรื่องนี้หาใช่มู่หย่าหลันมีใจปกป้องหวงฉวนเวย ในฐานะที่เป็นหมอ สิ่งที่นางกังวลเป็นเพียงอาการพิษที่กำเริบของผู้อาวุโสเท่านั้น เนื่องจากผู้อาวุโสผู้นี้บาดเจ็บด้วยอาการพิษมานานมากแล้ว จะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้อีก

มู่หย่าหลันเองก็รู้สึกแปลกใจสำหรับศิษย์อันอับที่หนึ่งเช่นหลี่ชิเย่คนนี้ เปรียบเทียบกับฟ่านเมี่ยวเจินที่พิจารณาสถานการณ์และประเมินถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์แล้ว มู่หย่าหลันดูจะมีความบริสุทธิ์ยิ่งกว่า นางใช้ความคิดและพลังส่วนใหญ่กับวิชาการแพทย์ สำหรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภายนอก การแย่งชิงอำนาจไม่ได้อยู่ในความสนใจของนาง

ดังนั้น แม้ว่ามู่หย่าหลันก็รู้สึกแปลกๆ กับความเป็นศิษย์อันอับที่หนึ่งที่โผล่ขึ้นมากะทันหันอย่างหลี่ชิเย่ แต่นางก็ไม่ได้ไปครุ่นคิดอะไรมากมาย ไม่เหมือนดั่งเช่นฟ่านเมี่ยวเจินมองได้ทะลุขนาดนั้น

เวลานี้ฟ่านเมี่ยวเจินกลับบอกว่าหลี่ชิเย่นั้นเชี่ยวชาญในด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษ เรื่องนี้ใช่ว่ามู่หย่าหลันไม่เชื่อในคำพูดของฟ่านเมี่ยวเจิน เพียงแต่นางไม่ต้องการเอาชีวิตของคนไข้ไปเสี่ยงเท่านั้นเอง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า การให้หวงฉวนเวยผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาพิษไปขับพิษให้กับผู้อาวุโสน่าจะมั่นใจได้มากกว่า จะอย่างได้เสียวิชาด้านพิษของหวงฉวนเวยนั้นเป็นที่ยอมรับของผู้คนทั่วหล้า ส่วนหลี่ชิเย่นั้นนางเพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรก นางไม่ได้มีความมั่นใจเป็นพิเศษ

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” หวงฉวนเวยยิ้มและกล่าวขึ้นทันทีว่า “ให้ข้าไปดูอาการรับพิษของผู้อาวุโสก่อน รอให้ข้ามีจุดที่ไม่เข้าใจก่อน ค่อยให้ศิษย์พี่ใหญ่ชีแนะให้บ้าง”

*หวงฉวนเวยแค่พูดไปอย่างนั้นเท่านั้นเอง ขณะที่เขาพูดคำๆ นี้ออกมาไม่ได้หันไปมองหน้าหลี่ชิเย่เสียด้วยซ้ำ ภายในใจของเขาคิดว่า ขอเพียงเป็นการรับพิษเข้าจริงๆ เขายังสามารถจัดการได้ง่ายดาย จำเป็นต้องให้นายหมูนายหมายื่นมือเข้ามาสอดอย่างนั้นรึ?

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว เป็นโอกาสเหมาะที่จะแสดงให้โฉมตรูได้เห็น เป็นการแสดงถึงสุดยอดวิชาด้านพิษที่ปราศจากผู้เทียบเทียมต่อหน้าหญิงงาม ไม่แน่นักอาจได้รับการโปรดปรานจากหญิงงามก็เป็นได้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยังจะรออะไรอยู่เล่า รีบไปดูอาการให้กับผู้อาวุโส” ฟ่านเมี่ยวเจินดึงตัวหลี่ชิเย่วิ่งเข้าไปด้านในทันที

“ศิษย์น้อง เชิญ” หวงฉวนเวยคำนับต่อมู่หย่าหลัน ด้วยบุคลิกที่ดูสง่างาม คล่องแคล่วว่องไว สุภาพเรียบร้อยและสูงส่ง

ขั้นตอนระหว่างนี้ ฟ่านเมี่ยวเจินได้สังเกตทุกๆ ความเคลื่อนไหวของหลี่ชิเย่ ถือจังหวะในช่วงนี้นางพูดขึ้นมาทันทีว่า “ผู้อาวุโสหยาง ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเราก็เชี่ยวชาญด้านวิชาพิษ”

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะทีหนึ่ง เมื่อจู่ๆ ฟ่านเมี่ยวเจินก็แนะนำตัวเขาขึ้นมา

“ศิษย์พี่ใหญ่?” ผู้อาวุโสหยางถูกคำพูดของฟ่านเมี่ยวเจินทำเอาประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าที่นางพูดหมายถึงใคร

“ผู้นี้ก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของหุบเขาอมตะพวกเรา และเป็นศิษย์อันอับที่หนึ่งของอาจารย์ของพวกเรา” ฟ่านเมี่ยวเจินได้พลักดันตัวของหลี่ชิเย่ให้มาอยู่ด้านหน้าของตน และเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางยิ้มแต้

“ท่านนักพรตได้รับศิษย์อันอับที่หนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ผู้อาวุโสหยางเองก็รู้สึกตกใจยิ่งนักและจ้องมองดูหลี่ชิเย่ เนื่องจากตำแหน่งศิษย์อันอับที่หนึ่งของนักพรตฉางเซินว่างเว้นมาโดยตลอด เวลานี้จู่ๆ ก็มีศิษย์อันอับที่หนึ่งโผล่ขึ้นมา ซึ่งผู้อาวุโสหยางไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วจะไม่ให้เขาต้องตกใจได้อย่างไรเล่า

“เรื่องนี้ก็ต้องถามอาจารย์ของข้าแล้วล่ะ” ฟ่านเมี่ยวเจินยิ้มแต้กล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเราไม่ว่าจะด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษเชี่ยวชาญทุกแขนง เรียกได้ว่าอยู่อันดับต้นของหุบเขาอมตะพวกเรา”

เวลานี้ ฟ่านเมี่ยวเจินแนะนำหลี่ชิเย่อย่างเต็มที่ ท่าทางเหมือนขายเองยกย่องของๆ ตัวเอง ขณะที่หลี่ชิเย่ซึ่งได้รับการเสนอตัวอย่างเต็มที่เพียงยิ้มเฉยเมยเท่านั้นเอง

“เชี่ยวชาญด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษทุกแขนง?” ผู้อาวุโสหยางถึงกับตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดของฟ่านเมี่ยวเจิน

แม้จะกล่าวว่าเขาเป็นเพียงผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักที่เป็นสายแยกของหุบเขาอมตะ ชั่วดีอย่างไรก็คือระดับผู้อาวุโส แต่ว่าผู้อาวุโสอย่างเขากลับไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับศิษย์อันอับที่หนึ่งที่เชี่ยวชาญทุกแขนงไม่ว่าจะเป็นด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษมาก่อน ซึ่งทำให้เขาเกิดความสงสัยถึงความจริงแท้ของศิษย์อันอับที่หนึ่งที่ชื่อหลี่ชิเย่ผู้นี้

“ถ้าหากผู้อาวุโสหยางไม่ถือสาล่ะก็ ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเราก็สามารถทดลองได้นะ” ฟ่านเมี่ยวเจินกล่าวยิ้มแต้ขึ้นมา

มู่หย่าหลันรู้สึกปวดหัวกับความแก่นและซนของศิษย์พี่ใหญ่ ระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกนางมีความสัมพันธ์ที่ดีมากเป็นพิเศษ แต่ทว่า ฟ่านเมี่ยวเจินในฐานะศิษย์พี่ใหญ่กลับมีความเจ้าเล่ห์และประหลาดตลอดมาร ร้อยเล่ห์เพทุบาย มักจะมาเหนือเมฆและสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ผู้คนเสมอๆ

“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมีผู้ที่ศึกษาค้นคว้าวิชาด้านพิษมากมาย แต่ ผู้ที่เชี่ยวชาญจริงๆ จะมีสักกี่คนเล่า” เวลานี้หวงฉวนเวยได้เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ กล่าวจบเขาได้ยืดอกขึ้นด้วยท่าทีที่อาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงผู้คน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล