ก่อนหน้านั้น หวงฉวนเวยไม่ทันสังเกตเห็นหลี่ชิเย่ ไม่ว่ามองจากด้านใดก็ตาม หลี่ชิเย่ไม่ได้มีความโดดเด่นเลย ธรรมดาๆ เท่านั้น แค่มองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นศิษย์ธรรมดาทั่วไปจนไม่รู้จะธรรมดาทั่วไปของหุบเขาอมตะแล้ว
“ท่านผู้นี้คือศิษย์อันดับที่หนึ่งหุบเขาอมตะของพวกเรา แต่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา” ฟ่านเมี่ยวเจินได้แนะนำตัวหลี่ชิเย่ในทันที
“ศิษย์พี่ใหญ่?” หวงฉวนเวยถึงกับประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินว่าหุบเขาอมตะมีศิษย์พี่ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ในความทรงจำของเขานั้น ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อาวุโสมากที่สุดก็คือฟ่านเมี่ยวเจินที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่คนนี้แล้ว
“ที่แท้คือศิษย์พี่ใหญ่นะเนี่ย เลื่อมใส เลื่อมใส” ในใจของหวงฉวนเวยไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น จึงเพียงแค่พยักหน้าและทักทาย แม้แต่การแสดงคารวะแบบจีนก็ขึ้คร้านจะทำ
หุบเขาอมตะคือสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เป็นผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ตามหลักแล้ว ในฐานะที่เป็นศิษย์อันอับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะ เมื่อเป็นเช่นนั้น อนาคตก็ต้องเป็นผู้สืบทอดต่อจากนักพรตฉางเซิน กล่าวได้ว่าคือบุคคลที่มีอำนาจและฐานะสูงส่งคนหนึ่ง
แต่ว่าหวงฉวนเวยกลับไม่ได้ใส่ใจต่อหลี่ชิเย่ โดยหวงฉวนเวยมองว่า หลี่ชิเย่ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่กลับชื่อเสียงไม่ปรากฎ ไม่มีชื่อเสียงแม้แต่นิดเดียวในยุทธภพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเป็นเทียบเคียงกับสามอนงค์แห่งหุบเขาร้อยบุปผาแล้ว
กระทั่งศิษย์น้องของตนเองยังเทียบไม่ได้ ย่อมประเมินได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ช่างมีชื่อเสียงจอมปลอมเพียงใดแล้ว เกรงว่าศิษย์พี่ใหญ่เช่นนี้ฝีมือคงอย่างนั้นๆ ในทุกๆ ด้านเท่านั้นเอง เฉกเช่นหน้าตาของเขาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลย
ศิษย์พี่ใหญ่ลักษณะเช่นนี้ก็แค่ได้เปรียบตรงที่เข้าเป็นศิษย์หุบเขาอมตะก่อนคนอื่นก้าวหนึ่งแล้วได้เป็นศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง ในใจของหวงฉวนเวยจึงมองข้ามไม่ให้เกียรติกับหลี่ชิเย่ โดยไม่ได้ใส่ใจในตัวหลี่ชิเย่เลยแม้แต่น้อย
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นกับการทักทายของหวงฉวนเวย
“พูดอย่างนี้ แสดงว่าศิษย์พี่ใหญ่ก็ต้องรู้จักวิชาด้านพิษน่ะสิ?” เดิมทีหวงฉวนเวยไม่ได้ใส่ใจต่อหลี่ชิเย่ แต่ท่าทางของหลี่ชิเย่ที่เพียงแค่ยิ้มๆ เท่านั้น กลับทำให้ภายในใจของหวงฉวนเวยรู้สึกว่าหลี่ชิเย่กำลังวางมาด จึงทำให้ไม่พอใจขึ้นมาทันที
ตัวเขาในฐานะราชาพิษมีชื่อเสียงโด่งดัง มีชื่อเป็นหนึ่งในสามอัจฉริยะ ชาติกำเนิดสูงส่ง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ให้ความเคารพต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงศิษย์พี่ใหญ่คนหนึ่งซึ่งธรรมดามากไม่มีความโดดเด่นใดๆ กลับถือว่าตนเองเข้าเป็นศิษย์ของหุบเขาอมตะก่อนคนอื่น ถึงกับวางมาดต่อหน้าของเขา ทำให้หวงฉวนเวยที่มีความหยิ่งยโสรู้สึกไม่สบอารมณ์ในใจยิ่งนัก
“ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเราเชี่ยวชาญทุกอย่างเช่นด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษ” หลี่ชิเย่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟ่านเมี่ยวเจินก็ได้กล่าวขึ้นทันที
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี้เอง เลื่อมใส เลื่อมใส เมื่อมีโอกาสจะต้องขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่ใหญ่บ้างแล้ว” หวงฉวนเวยหัวเราะทีหนึ่ง ท่าทีไม่ให้เกียรติอย่างยิ่ง เขาไม่เชื่อในคำพูดเช่นนี้อยู่แล้ว
ในสายตาของหวงฉวนเวยมองว่า ที่ฟ่านเมี่ยวเจินพูดมาว่าเชี่ยวชาญด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษทุกแขนง มันก็แค่ต้องการรักษาหน้าของหุบเขาอมตะเท่านั้นเอง ถ้าหากหลี่ชิเย่มีความเชี่ยวชาญด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร และด้านพิษจริงๆ ล่ะก็ อัจฉริยะบุคคลเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ชื่อไร้เสียง คงแซงล้ำหน้าสามอัจฉริยะอมตะไปนานแล้ว
จะอย่างไรเสีย เป็นถึงศิษย์อันอับที่หนึ่งแห่งหุบเขาอมตะ ย่อมไม่อาจปล่อยให้ใครมาบอกว่าไร้ความสามารถกระมัง? ดังนั้น หวงฉวนเวยจึงมองว่ามันก็แค่ฟ่านเมี่ยวเจินเยินยอหลี่ชิเย่เกินจริงเท่านั้นเอง
“อาการของผู้อาวุโสหนักมา ชักช้าไม่ได้ วิชาด้านพิษของพี่หวงปราศจากผู้เทียบเทียม รบกวนพี่หวงได้ลงมือเถอะ” มู่หย่าหลันขมวดคิ้วทีหนึ่งและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
มู่หย่าหลันเองก็มองออกว่า ศิษย์พี่ต้องการอาศัยมือของหลี่ชิเย่ไปโจมตีหวงฉวนเวย เรื่องนี้หาใช่มู่หย่าหลันมีใจปกป้องหวงฉวนเวย ในฐานะที่เป็นหมอ สิ่งที่นางกังวลเป็นเพียงอาการพิษที่กำเริบของผู้อาวุโสเท่านั้น เนื่องจากผู้อาวุโสผู้นี้บาดเจ็บด้วยอาการพิษมานานมากแล้ว จะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้อีก
มู่หย่าหลันเองก็รู้สึกแปลกใจสำหรับศิษย์อันอับที่หนึ่งเช่นหลี่ชิเย่คนนี้ เปรียบเทียบกับฟ่านเมี่ยวเจินที่พิจารณาสถานการณ์และประเมินถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์แล้ว มู่หย่าหลันดูจะมีความบริสุทธิ์ยิ่งกว่า นางใช้ความคิดและพลังส่วนใหญ่กับวิชาการแพทย์ สำหรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภายนอก การแย่งชิงอำนาจไม่ได้อยู่ในความสนใจของนาง
ดังนั้น แม้ว่ามู่หย่าหลันก็รู้สึกแปลกๆ กับความเป็นศิษย์อันอับที่หนึ่งที่โผล่ขึ้นมากะทันหันอย่างหลี่ชิเย่ แต่นางก็ไม่ได้ไปครุ่นคิดอะไรมากมาย ไม่เหมือนดั่งเช่นฟ่านเมี่ยวเจินมองได้ทะลุขนาดนั้น
เวลานี้ฟ่านเมี่ยวเจินกลับบอกว่าหลี่ชิเย่นั้นเชี่ยวชาญในด้านปรุงกลั่นยา การแพทย์ ยาสมุนไพร ด้านพิษ เรื่องนี้ใช่ว่ามู่หย่าหลันไม่เชื่อในคำพูดของฟ่านเมี่ยวเจิน เพียงแต่นางไม่ต้องการเอาชีวิตของคนไข้ไปเสี่ยงเท่านั้นเอง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า การให้หวงฉวนเวยผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาพิษไปขับพิษให้กับผู้อาวุโสน่าจะมั่นใจได้มากกว่า จะอย่างได้เสียวิชาด้านพิษของหวงฉวนเวยนั้นเป็นที่ยอมรับของผู้คนทั่วหล้า ส่วนหลี่ชิเย่นั้นนางเพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรก นางไม่ได้มีความมั่นใจเป็นพิเศษ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” หวงฉวนเวยยิ้มและกล่าวขึ้นทันทีว่า “ให้ข้าไปดูอาการรับพิษของผู้อาวุโสก่อน รอให้ข้ามีจุดที่ไม่เข้าใจก่อน ค่อยให้ศิษย์พี่ใหญ่ชีแนะให้บ้าง”
*หวงฉวนเวยแค่พูดไปอย่างนั้นเท่านั้นเอง ขณะที่เขาพูดคำๆ นี้ออกมาไม่ได้หันไปมองหน้าหลี่ชิเย่เสียด้วยซ้ำ ภายในใจของเขาคิดว่า ขอเพียงเป็นการรับพิษเข้าจริงๆ เขายังสามารถจัดการได้ง่ายดาย จำเป็นต้องให้นายหมูนายหมายื่นมือเข้ามาสอดอย่างนั้นรึ?
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว เป็นโอกาสเหมาะที่จะแสดงให้โฉมตรูได้เห็น เป็นการแสดงถึงสุดยอดวิชาด้านพิษที่ปราศจากผู้เทียบเทียมต่อหน้าหญิงงาม ไม่แน่นักอาจได้รับการโปรดปรานจากหญิงงามก็เป็นได้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยังจะรออะไรอยู่เล่า รีบไปดูอาการให้กับผู้อาวุโส” ฟ่านเมี่ยวเจินดึงตัวหลี่ชิเย่วิ่งเข้าไปด้านในทันที
“ศิษย์น้อง เชิญ” หวงฉวนเวยคำนับต่อมู่หย่าหลัน ด้วยบุคลิกที่ดูสง่างาม คล่องแคล่วว่องไว สุภาพเรียบร้อยและสูงส่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...