ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2232

หลังจากที่มู่หย่าหลันเดินจากไปแล้ว ฟ่านเมี่ยวเจินได้ใช้ข้อศอกกระทุ้งหลี่ชิเย่ไปทีหนึ่ง หัวเราะน่ารักและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ได้เวลาที่ท่านต้องแสดงแล้วล่ะ”

“แสดงอะไร?” หลี่ชิเย่เหลือบมองฟ่านเมี่ยวเจินทีหนึ่ง

ฟ่านเมี่ยวเจินหัวเราะน่ารักและกล่าวว่า “แน่นอนก็ต้องจับตัวศิษย์น้องของพวกเราน่ะสิ ท่านไม่เห็นหรือไร? ราชาพิษหวงฉวนเวยมาแล้ว เขาคือผู้ที่รักใคร่ในตัวของศิษย์น้องรองมาเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าตามจีบศิษย์น้องรองของพวกเรานานแค่ไหนแล้ว เวลานี้ศิษย์น้องรองเชิญเขามาช่วยเหลือ มิเท่ากับเป็นการให้โอกาสอย่างงามแก่เขา”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า” หลี่ชิเย่หมดสนุกแล้ว และส่ายหน้า

ฟ่านเมี่ยวเจินทำตาโตใส่หลี่ชิเย่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ภาษิตว่าไว้ ‘เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน’ ศิษย์น้องรองข้าทั้งสวยทั้งมีพรสวรรค์ มีใจเมตตา ฝีมือแพทย์เข้าขั้นรักษาคนไข้ใกล้ตายให้หายเป็นปรกติได้ แม่นางที่ดีเช่นนี้หาได้ที่ไหน แม่นางที่ดีเช่นนี้ ไหนเลยให้ไอ้เวรจากแคว้นว่านโซ่วมาชิงเอาไปได้”

หลี่ชิเย่มองหน้านางทีหนึ่ง หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้ารักและหวงศิษย์น้องของเจ้า หรือว่าจงใจเป็นศัตรูกับแคว้นว่านโซ่วกันแน่?”

“ทั้งสองอย่างนั่นแหละ” ฟ่านเมี่ยวเจินไม่รุ้สึกหน้าแดงเมื่อถูกหลี่ชิเย่จับได้ทันที เหมือนมีเหตุผลพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า “ศิษย์น้องรองของพวกเราที่งดงามเยือกเย็น มีจิตเมตตาและฝีมือระดับเทพ แม่นางที่ดีเช่นนี้ย่อมสมควรแต่งกับอัจฉริยะบุคคลของหุบเขาอมตะน่ะสิ เป็นต้นว่าอัจฉริยะบุคคลอย่างศิษย์พี่ใหญ่ สำหรับแค้วนว่านโซ่วน่ะหรือ ฮึ ฮึ ฮึเจ้าพวกเนรคุณกลุ่มนี้ข้าเห็นแล้วรู้สึกขวางหูขวางตายิ่งนัก ข้าในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ย่อมมีหน้าที่ที่ต้องปราบพวกคนไม่รู้จักบุญคุณคนพวกนี้”

ฟ่านเมี่ยวเจินพูดออกมาเหมือนมีเหตุผลที่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำ และไม่มีอะไรจะต้องปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ ที่นางพูดออกมาเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัวอะไร

แคว้นว่านโซ่วได้ยกย่องว่าเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ พวกเขาแอบมองดูอย่างลับๆ และต้องการฮุบหุบเขาอมตะใช่เป็นเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาวันสองวันนี้เอง แคว้นว่านโซ่วมีความคิดต้องการก้าวขึ้นแทนมานานแล้ว เพียงแต่ยังหวั่นเกรงต่อหุบเขาอมตะที่มีความลึกล้ำยากจะหยั่งถึง จึงยังไม่กล้าลงมือเสมอมาเท่านั้น

ฟ่านเมี่ยวเจินในฐานะศิษย์พี่กลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่าไปมองว่าปรกติแล้วไม่ว่าใครมานางก็มักจะทำเสียมารยาทอยู่เสมอๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางมีสติปัญญาและมองการณ์ไกลที่ศิษย์จำนวนมากไม่มี นางเองก็เข้าใจได้ถึงการแอบส่องและต้องการอยากได้หุบเขาอมตะมาครอบครองของแคว้นว่านโซ่ว ดังนั้น นางจึงมีความรู้สึกที่ระแวดระวังและความเป็นศัตรูต่อแคว้นว่านโซ่วอยู่ในใจ

“สิ่งนี้ก็ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่ดี” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ

“ใครว่าไม่เกี่ยวกับท่าน” ฟ่านเมี่ยวเจินทำตาขวางและกล่าวด้วยความโมโหว่า “ท่านคือศิษย์อันดับที่หนึ่งหุบเขาอมตะของพวกเรา ในเมื่อเป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งก็ต้องมีหน้าที่ต้องปกป้องหุบเขาอมตะ ท่านว่าใช่หรือไม่?”

“แม้จะพูดเช่นนี้ก็ตาม” หลี่ชิเย่เอามือลูบคางและหลี่ชิเย่ “แต่ว่า ในฐานะที่เป็นศิษย์อันดับที่หนึ่งมันไม่ได้เหมารวมถึงว่าให้ข้าต้องไปจีบสาวอะไรทำนองนั้น แน่นอนที่สุด หากเจ้าคิดจะปราบพวกแคว้นว่านโซ่วอะไรนั่นจริงๆ ล่ะก็ เจ้าก็ต้องเอาผลประโยชน์ออกมาให้ข้าบ้างสิ ภาษิตว่า มีเงินย่อมสามารถใช้ผีโม่แป้งให้ได้”

“ฮึ คิดอยากได้ผลประโยชน์ก็ไม่ยาก จัดการบั่นทอนความฮึกเหิมของราชาพิษให้ข้าเสียก่อน แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจีบศิษย์น้องรองของพวกเราให้ติด ศิษย์น้องรองของพวกเราคือหัวแก้วหัวแหวนของหุบเขาอมตะเชียวนะ จะปล่อยให้บุคคลภายนอกแย่งชิงเอาไปไม่ได้” ฟ่านเมี่ยวเจินจ้องเขม็งหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีแสร้งทำเป็นโกรธอย่างนั้น

“จีบศิษย์น้องรองให้ติด?” หลี่ชิเย่มองไปที่ฟ่านเมี่ยวเจิน ยิ้มแต้และกล่าวว่า “โดยปรกติแล้ว เรื่องแบบนี้ข้าไม่ทำอยู่แล้ว หรือว่าเจ้าจะซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง จีบติดศิษย์น้องรองของเจ้า เจ้าที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ใช่จะแต่งพร้อมกันเลยหรือไม่?”

“ฝันไปเถอะ!” ฟ่านเมี่ยวเจินพลันมีใบหน้าที่แดงก่ำ จะอย่างไรเสียนางก็เป็นสาวเป็นแส้คนหนึ่ง ต่อให้ใจกล้าเพียงใดก็ตาม เมื่อมีการพูดกันถึงหัวข้อเช่นนี้แล้วก็ต้องเหนียมอายเป็นธรรมดา

ฟ่านเมี่ยวเจินมองหลี่ชิเย่ด้วยสายตาที่เชือดเฉือนแล้วกล่าวว่า “ฮึ นับว่าท่านนี่โลภมากจริงๆ คิดจะเสพสุขเป็นพระยาเทครัว หน้าไม่อายมากเลย! ฮึ ฮึ คิดจะจีบพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองคน รอให้ท่านสร้างผลงานให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าหากท่านสามารถตีจนแคว้นว่านโซ่วแตกพ่าย อย่าว่าแต่ข้าที่แต่งกับท่านเลย ไม่แน่นักอาจสามารถแต่งกับสามอนงค์ของหุบเขาร้อยบุปผาพวกเรารวดเดียวเลยก็เป็นได้!”

คำพูดของฟ่านเมี่ยวเจินก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นางได้มองแคว้นว่านโซ่วเป็นหนามยอกอก มองว่าอันตรายมากที่สุดที่แฝงเร้นอยู่ของหุบเขาอมตะก็คือแคว้นว่านโซ่ว ดังนั้น นางที่อยู่ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในอันที่จะยับยั้ง และตีแคว้นว่านโซ่วให้แตกพ่าย

“คำพูดของเจ้าทำข้าหัวใจเต้นตูมตามขึ้นมา ทำเอาข้าใจละลายแล้วล่ะ กอดอนงค์นางทั้งสามช่างเป็นเรื่องที่เย้ายวนใจเหลือเกิน” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา

“ฮึ รอให้เจ้าตีแคว้นว่านโซ่วจนแตกพ่ายก่อนแล้วค่อยฝันกลางวันก็ยังไม่สาย ฮึ คิดจะสวมกอดสามอนงค์เวลานี้เลย ไปฝันกลางวันของเจ้าเองเลยไป” ใบหน้าของฟ่านเมี่ยวเจินรู้สึกร้อนผ่าว มองตาขวางดุดันหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง

“พูดเช่นนี้แสดงว่าเจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าน่ะสิ มั่นใจในตัวข้าเต็มเปี่ยม คิดว่าข้าสามารถตีแคว้นว่านโซ่วให้แตกพ่ายได้อย่างแน่นอนแล้วสิ” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ถูกให้ความสำคัญถึงเพียงนี้จากสาวงามคนหนึ่ง นับว่าทำให้ข้ารู้สึกตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาที่ไม่คาดคิด ข้ายังไม่รู้ตัวเลยว่ามีฝีมือมากถึงเพียงนี้”

แน่นอน หลี่ชิเย่ไม่ได้มีท่าทีของการตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาที่ไม่คาดคิดแม้แต่น้อย

“ไม่ต้องทำปากจัดกับข้า” ฟ่านเมี่ยวเจินมองหลี่ชิเย่ตาขวาง และกล่าวว่า “ศิษย์อันดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะใช่ว่าใครที่ไหนก็สามารถเป็นได้ สติปัญญาของอาจารย์ข้าไหนเลยที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่วไปสามารถศึกษาให้ละเอียดได้อยู่แล้ว!”

คำพูดนี้ของฟ่านเมี่ยวเจินพูดได้เรียบเฉยมาก ย่อมไม่ต้องสงสัยว่านางมีความมั่นใจใจตัวของนักพรตฉางเซินผู้เป้นอาจารย์อย่างยิ่ง

“พูดจนข้ารู้สึกตัวเบาหวิวบ้างแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่เอามือลูบคางและหัวเราะกล่าวว่า “แต่ทว่า ในเมื่อข้าไม่ธรรมดาขนาดนี้แล้ว ใช่ว่าใครก็สามารถแต่งงานกับข้าได้ เกรงว่าต่อให้เป็นธิดาราชันหรือเทพธิดา ก็เป็นได้แค่นังหนูที่คอยล้างเท้าให้กับข้าเท่านั้นเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล