ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2231

สรุปบท ตอนที่ 2231 หมอเทวดาหญิงที่เย็นชา: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2231 หมอเทวดาหญิงที่เย็นชา – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 2231 หมอเทวดาหญิงที่เย็นชา ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“ว้าว ว้าว ว้าวข้ายังไม่ทันได้แนะนำให้พวกเจ้าทั้งสองได้รู้จักกันเลย พวกเจ้าสองคนก็มาจู๋จี๋กันที่นี่ซะแล้ว” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา พลันปรากฏเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น

ในเวลานี้ ไม่รู้ว่าฟ่านเมี่ยวเจินพลันโผล่มาจากที่ใด หัวเราะและพูดจาหยอกล้อต่อหลี่ชิเย่ กับฉินซาวเย่า ในขณะนี้สีหน้าของนางบ่งบอกถึงความเจ้าเล่ห์และความคลุมเครืออยู่เต็มใบหน้า เหมือนว่าระหว่างหลี่ชิเย่กับฉินซาวเย่าได้ทำเรื่องที่ไม่สามารเปิดเผยต่อผู้คนได้อย่างนั้น

เทียบกับฟ่านเมี่ยวเจินที่เจ้าเล่ห์และจอมแก่นแล้ว หน้าของฉินซาวเย่าดูจะบางกว่ากันมากทีเดียว นางพลันมีใบหน้าที่แดงก่ำและรู้สึกเขินอาย และกล่าวว่า “ศิษย์พี่ มาแกล้งคนอื่นอีกแล้ว”

ท่าทีของฟ่านเมี่ยวเจินดูจะสบายอกสบายใจ หัวเราะน่ารักและกล่าวแนะนำต่อหลี่ชิเย่ว่า “ซาวเย่าคือศิษย์น้องของหุบเขาร้อยบุปผาของพวกเรา ใครเห็นใครรัก บุปผาพานพบต้องเบ่งบาน ศิษย์พี่ใหญ่ห้ามรังแกนางเชียวนะ หาไม่แล้วพวกเราล้วนไม่ยอมนะจะบอกให้”

หลี่ชิเย่ได้แต่หัวเราะและส่ายหน้า สำหรับฟ่านเมี่ยวเจินที่แก่นแก้วเช่นนี้

“ทว่า คำพูดของน้องซาวเย่านั้นมีเหตุผล ฝีมือด้านวิชายาสมุนไพรของซาวเย่าในหุบเขาอมตะไม่มีใครเทียบได้ ศิษย์พี่ใหญ่จะต้องศึกษากับน้องซาวเย่าให้ดี” ฟ่านเมี่ยวเจินหัวเราะน่ารักทำท่ากะพริบตาให้กับหลี่ชิเย่และฉินซาวเย่าทั้งสองคน ท่าท่าแฝงไว้ซึ่งความคลุมเครืออยู่สามส่วน

ลำดับของฉินซาวเย่านั้นอยู่ท้ายสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหมด จึงอยู่ในฐานะของศิษย์น้องเล็ก แต่ในด้านของวิชายาสมุนไพร ฉินซาวเย่ากลับสามารถแสดงออกถึงพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศ ฝีมือในด้านนี้จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของกลุ่มคนรุ่นใหม่

กล่าวได้ว่า ในหุบเขาอมตะยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูกสมุนไพรหญ้าทิพย์ หรือการจัดสรรในเรื่องของโอสถล้วนแล้วแต่ให้ฉินซาวเย่าเป็นผู้ดำเนินการ

“ศิษย์พี่ มาล้อช้าอีกแล้ว พวกเราเติบโตที่หุบเขาอมตะมีใครบ้างล่ะไม่รู้ว่าศิษย์พี่ที่พรสวรรค์เป็นหนึ่ง วิชาปรุงกลั่นยาปราศจากผู้เทียบเทียม” ฉินซาวเย่าหน้าแดงกล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้นมา

ที่ฉินซาวเย่าพูดมานั้นเป็นความจริงใช่เป็นการเยินยอต่อฟ่านเมี่ยวเจิน เพียงแต่ฟ่านเมี่ยวเจินเป็นคนมีนิสัยแก่นแก้ว ผู้คนจำนวนมากเมื่ออยู่ร่วมกับนางแล้วก็จะลืมไปว่าฝีมือด้านการปรุงกลั่นยาของนางนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง

“เมื่อฟังคำจากศิษย์น้องแล้ว ข้าที่เป็นศิษย์พี่รู้สึกตัวเบาหวิวอยู่บ้างแล้วสิ พวกเราสามอนงค์หุบเขาอมตะคือสุดยอดสาวงามอัจฉริยะของแดนลัทธิพรรษ เมื่อเป็นดังนี้ยังคงเป็นอาจารย์ของพวกเราที่ถ่ายทอดวิชาได้ถูกต้อง” ฟ่านเมี่ยวเจินหัวเราะน่ารัก กะพริบตาทีหนึ่งพูดจาหยอกล้อซุกซน

หลี่ชิเย่มองดูท่าทางของฟ่านเมี่ยวเจินแล้วถึงกับหัวเราะขึ้นมา

“หุบเขาอมตะของพวกเรามีสามอนงค์ ซึ่งเป็นสุดยอดสาวงามแห่งยุค ข้ากับน้องซาวเย่าที่เป็นสาวงามทั้งสอง ศิษย์พี่ใหญ่ได้พบเจอแล้ว ถือโอกาสศิษย์พี่ใหญ่ขณะนี้มีเวลาข้าจะแนะนำให้ศิษย์พี่ใหญ่ได้รู้จักกับอีกหนึ่งสาวงามของหุบเขาอมตะ ศิษย์พี่ใหญ่สนใจไหมล่ะ” เวลานี้ฟ่านเมี่ยวเจินเย้าเล่นพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ออกมา

ที่แท้นักพรตฉางเซินมีศิษย์อยู่สามคน ในบรรดาศิษย์ทั้งสามนั้น ฟ่านเมี่ยวเจินอยู่ลำดับที่หนึ่ง ฉินซาวเย่าอยู่อันดับสุดท้าย ขณะที่ศิษย์อีกคนมู่หย่าหลันอยู่อันดับที่สอง

“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” หลี่ชิเย่หัวเราะ

“เช่นนั้นก็ไปเลย” ฟ่านเมี่ยวเจินหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าอยากให้ศิษย์พี่ใหญ่ช่วยตัดสินทีว่าพวกเราสามอนงค์หุบเขาอมตะใครสวยที่สุด”

“ข้าจะจัดการบุปผาเดือดเหมันต์อัคคีให้เรียบร้อยก่อน ศิษย์พี่ทั้งสองไปกันเถอะ” ฉินซาวเย่ากล่าวเสียงนุ่มนวลขึ้นมา นางรู้สึกหวั่นใจที่จะถูกศิษย์พี่แกล้งอยู่บ้าง ในหุบเขาร้อยบุปผาของพวกเขา หากถูกศิษย์พี่ปั่นหัวเล่นล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกปวดหัวแน่นอน

“เอาเถอะ คราวนี้ถือว่าเจ้าโชคดี ปล่อยให้เจ้าถอนตัวอย่างกะทันหัน” ฟ่านเมี่ยวเจินหัวเราะน่ารักโดยไม่ได้บังคับฉินซาวเย่า ดึงมือหลี่ชิเย่แล้วออกวิ่งไปข้างนอกทันที

ฟ่านเมี่ยวเจินไม่ได้ถือสาแม้แต่น้อย และไม่กลัวเรื่องของหญิงชายไม่ควรถูกเนื้อต้องตัว เหมือนเป็นลิงทโมนคนหนึ่ง ดึงมือของหลี่ชิเย่แล้วออกวิ่งไปด้านนอกหุบเขาร้อยบุปผา

ฟ่านเมี่ยวเจินนับว่าเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจคนหนึ่ง เมื่อไรที่นางทำตัวเรียบร้อยเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง นางก็จะเป็นสาวงามที่มีคุณสมบัติสูงส่ง ท่าทางดั่งเทพธิดามาดไม่เบาเลยทีเดียว แต่ว่าเมื่อไรที่บ้าขึ้นมา ก็จะเป็นลิงทโมนที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างยิ่งให้กับผู้คน

ด้านนอกของหุบเขาอมตะ มีบ้านที่ขึ้นลงสลับ มีห้องหับเป็นห้องๆ ยิ่งกว่านั้น ยังมีเต้นท์ที่มีการตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว

ที่นี่คือสำนักที่เป็นสาขาหนึ่งของหุบเขาอมตะซึ่งก็คือหอร้อยรักษ์ และเป็นสำนักสาขาของหุบเขาอมตะ ที่เปิดให้การต้อนรับบุคคลภายนอกตลอดเวลา โดยจะรับคนไข้จากทั่วทุกสารทิศของแดนลัทธิพรรษ

ดังนั้น ขณะที่ฟ่านเมี่ยวเจินดึงหลี่ชิเย่วิ่งเข้าไปภายในหอร้อยรักษ์นั้น กลิ่นยาได้โชยเข้ามาปะทะใบหน้า ทั่วทั้งหอร้อยรักษ์มีความคึกคักยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ศิษย์ของหุบเขาอมตะที่เดินทางเข้าออก ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้บำเพ็ญตน และมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่มาจากสถานที่ต่างๆ ในแดนลัทธิพรรษเพื่อขอให้ช่วยรักษา

นี่แหละคือข้อแตกต่างระหว่างหุบเขาอมตะกับระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนมา สำหรับบรรดาระบบถ่ายทอดตวามคิดทางด้านลัทธิจำนวนมากแล้ว ต่อให้เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาภายในระบบถ่ายทอดตวามคิดทางด้านลัทธิของตนก็มีฐานะไม่แตกต่างอะไรกับมดปลวกอย่างไม่ต้องสงสับ ความจริงแล้ว ในโลกของผู้บำเพ็ญตนแล้ว เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่จะไปให้ความสำคัญต่อมนุษย์ปุถุชน

แต่หอร้อยรักษ์ของหุบเขาอมตะกลับแตกต่าง หอร้อยรักษ์ของหุบเขาอมตะไม่เพียงเปิดกว้างให้กับผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าแล้ว ยังเปิดกว้างให้กับมนุษย์ปุถุชนธรรมดาทั่วหล้าอีกด้วย อีกทั้งการปฏิบัติต่อมนุษย์ปุถุชนธรรมดาของหุบเขาอมตะนั้นก็จะมีการเรียกเก็บค่ารักษาที่ยุติธรรม กระทั่งไม่คิดค่ารักษา

เพราะเหตุนี้เอง หุบเขาอมตะจึงได้รับการสรรเสริญที่สูงมากในโลกของมนุษย์ปุถุชน ทั้งยังมีมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจำนวนมากมาเรียนวิชาการแพทย์ที่หอร้อยรักษ์ พวกเขาเพียงแค่ศึกษาด้านวิชาการแพทย์กับหอร้อยรักษ์เท่านั้น โดยไม่ได้ฝึกบำเพ็ญเพียร

และด้วยเหตุนี้ จึงปรากฏหมอที่มีชาติกำเนิดมาจากหุบเขาอมตะกระจาอยู่ทั่วไปในโลกของมนุษย์ปุถุชน ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับหุบเขาอมตะเป็นอันมาก

แม้ว่าฟ่านเมี่ยวเจินเวลาออกอาการคลั่งทำเอาหลายคนต้องจนด้วยเกล้า แต่เมื่อนางแสดงท่าทีเรียบร้อยและหนักแน่นจริงจังแล้วนับว่ามีพลังที่สยบผู้คนได้โดยแท้ นางที่อยู่ในฐานะศิษย์พี่แห่งหุบเขาร้อยบุปผาก็ใช่จะมีชื่อเสียงจอมปลอม

เมื่อมู่หย่าหลันได้ฟังคำของฟ่านเมี่ยวเจินแล้วจึงได้เงยหน้าขึ้น พยักหน้าแสดงความปรารถนาดีต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวทักทายออกไปว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ ได้ยินชื่อและเลื่อมใสมานานแล้ว”

มู่หย่าหลันเพียงพูดออกไปด้วยความเกรงใจเท่านั้นเอง ความจริงแล้วก่อนหน้านี้นางไหนเลยจะรู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นใครกันแน่ หลังจากทักทายแล้ว มู่หย่าหลันได้ก้มหน้าอ่านประวัติคนไข้ในมือต่อไป

แม้จะกล่าวว่าหลี่ชิเย่คือศิษย์เอกของหุบเขาอมตะ แต่มู่หย่าหลันยังคงดูห่างเหินและเย็นชา เหมือนว่าใครก็ยากจะเข้าใกล้นางได้อย่างนั้น

“ศิษย์พี่ใหญ่นับว่าวิชาแพทย์และวิชาปรุงกลั่นยาหนึ่งไม่มีสอง ยิ่งกว่านั้นยังเชี่ยวชาญด้านยารักษา เรียกว่ารวมทุกอย่างในตัวคนๆ เดียว สืบทอดตำแหน่งของท่านอาจารย์” หลี่ชิเย่ไม่ทันได้เอ่ยปาก ฟ่านเมี่ยวเจินก็คุยโตโอ้อวดแทนเสียแล้ว และกล่าวว่า “ศิษย์น้องสมควรศึกษาแลกเปลี่ยนกับศิษย์พี่ใหญ่ เพื่อขอคำชี้แนะด้านความลึกล้ำและยอดเยี่ยมด้านการแพทย์สักหน่อย”

“มีเวลาจะต้องขอคำชี้แนะจากศิษย์พี่ใหญ่แน่นอน” มู่หย่าหลันยังคงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ยังคงนั่งก้มหน้าดูแต่ประวัติการรักษาของคนไข้ในมือ กล่าวเฉยเมยขึ้นมา

คำพูดที่พอเป็นพิธีนี้ก็แค่ให้เกียรติต่อฟ่านเมี่ยวเจิน จะอย่างไรเสียศิษย์พี่ใหญ่อย่างหลี่ชิเย่ที่โผล่ขึ้นมากะทันหันนั้น ไม่เคยสร้างผลงานใดๆ ให้กับหุบเขาอมตะมาก่อน ไม่เห็นจะสามารถทำให้ผู้อื่นต้องให้ความเคารพนับถือ

“เลือกวันมงคลมิสู้เลือกวันชง วันนี้เลยจะเป็นไร?” ฟ่านเมี่ยวเจินหัวเราะเบาๆ ใช้ข้อศอกกระทุ้งหน้าอกของหลี่ชิเย่ กะพริบตาทีหนึ่ง ท่าทีเหมือนต้องการจับคู่ระหว่างหลี่ชิเย่กับมู่หย่าหลันอย่างนั้น

หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็นขณะมองดูจอมแก่นอย่างฟ่านเมี่ยวเจิน กล่าวสำหรับเขาแล้ว มู่หย่าหลันที่มีทีท่าห่างเหินเย็นชาไม่เห็นจะทำให้เขารู้สึกน่าสนใจขึ้นมาได้ ตรงกันข้าม ฟ่านเมี่ยวเจินที่ดูคุ้มดีคุ้มร้ายกลับดูน่าสนใจมากกว่า

“ศิษย์พี่ ช่วงนี้คนไข้ของข้ามีเป็นจำนวนมาก วันหลังจะเป็นไร” มู่หย่าหลันยังคงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา เพียงโต้ตอบมาคำหนึ่ง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่านางได้ออกปากไล่แขกแล้ว และนางก็ไม่ได้มีความคิดที่ต้องการของคำชี้แนะจากหลี่ชิเย่

ในเวลานี้เอง มีศิษย์ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาและรายงานต่อมู่หย่าหลันว่า “หัวหน้าสาขา ราชาพิษมาถึงแล้ว”

ครั้นมู่หย่าหลันได้ยินข่าวนี้ได้ลุกขึ้นยืนทันที และกล่าวว่า “รีบเชิญ ข้าจะตามไปเดี๋ยวนี้”

กล่าวจบ นางได้กล่าวต่อฟ่านเมี่ยวเจินว่า “ศิษย์พี่ ข้ามีคนไข้อยู่รายหนึ่งต้องอาศัยราชาพิษลงมือช่วยเหลือ ข้าขอตัวไปพบกับเขาก่อน ไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้วล่ะ” จากนั้น พยักหน้ากับหลี่ชิเย่ถือเป็นการทักทาย หันหลังจากไปทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล