ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2239

หุบเขาอมตะวิเวกวังเวง ทั่วทั้งหุบเขาอมตะอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน ศิษย์หุบเขาอมตะทุกคนตั้งมั่นอยู่ในตำแหน่งของตน กระทั่งกระบี่และดาบออกจากฝักเตรียมพร้อมทุกวินาที

เมื่อเปรียบเทียบกับสถานภาพของศิษย์หุบเขาอมตะที่พร้อมรบ หลี่ชิเย่นั้นดูช่างว่างและสงบเงียบไม่รู้เท่าไร ไม่มีใครมารบกวนเขาเลย และเขาก็ไม่ออกจากที่พักบำเพ็ญเพียงอย่างสบายใจ

หลี่ชิเย่ทิ้งตัวนั่งลงภายในห้อง เข้าฌานสำรวจตน เสมือนหนึ่งจิตใจล่องลอยไป และมีลักษณะเหมือนร่างนั้นแกะสลักจากท่อนไม้อย่างนั้น

ซ่าาา ซ่าาา ซ่าาา…ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ปรากฏเสียงแผ่วเบาดังขึ้นเป็นระลอก ในเวลานี้เองใต้พื้นดินปรากฏใบไม้สีเขียวโผล่ขึ้นมา มองเป็นต้นไม้แก่ที่มุดออกมาจากใต้พื้นดิน

ต้นไม้แก่ต้นนี้ก็คือต้นไม้แก่ที่หลี่ชิเย่ได้มาจากเขาฟันหลอต้นนั้น หลังจากที่มันติดตามหลี่ชิเย่แล้ว หลี่ชิเย่ได้ตั้งชื่อให้กับมันว่าฉางเซิน

ต้นไม้แก่ฉางเซินหลังจากมุดออกมาจากใต้พื้นดินแล้ว ใบไม้เขียวที่มีอยู่จำนวนไม่มากนั้นส่ายไปมา ดูจะดีใจมากเป็นพิเศษ

“ข้ารู้แล้วล่ะ” หลี่ชิเย่มองดูท่าทางที่สุดดีใจกับใบเขียวที่ส่ายไปมาของต้นไม้แก่ฉางเซินแล้ว ถึงกับยิ้มเฉยเมยและเอื้อมมือลูบคลำต้นไม้แก่เบาๆ ด้วยแววตาที่ลึกล้ำและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “หุบเขาอมตะนับว่าน่าสนใจ ธาตุแท้ภายในที่ลึกล้ำนับว่าคนบางคนยากจะจินตนาการได้”

เวลานี้แววตาที่ลึกล้ำส่งประกายวูบวาบของหลี่ชิเย่มองออกไปด้านนอก การมาหุบเขาอมตะของเขาย่อมไม่ได้ต้องการเป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่งอะไร ศิษย์ลำดับที่หนึ่งอะไรนั่นเป็นเพียงทำไปตามอารมณ์สนุกเท่านั้น

สุดท้ายหลี่ชิเย่เรียกคืนต้นแก่ฉางเซิน จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง เสมือนหนึ่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น

หลี่ชิเย่ที่พักอาศัยอยู่ในหุบเขาร้อยบุปผาว่างและปราศจากสิ่งรบกวน แต่ว่า วันเวลาลักษณะนี้เพียงไม่กี่วันก็ถูกทำลายลง วันนี้ฟ่านเมี่ยวเจินได้มาหาเขาถึงที่

ฟ่านเมี่ยวเจินในเวลานี้สวมชุดทะมัดทะแมง ลักษณะของนางในวันนี้แตกต่างจากปรกติ คล่องแคล่วปราดเปรียวตรงไปตรงมา ปรากฏพลังที่ดุดันสายหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากตัวของนาง เมื่อมองดูให้ละเอียดก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ยามที่ฟ่านเมี่ยวเจินจริงจังขึ้นมาก็มีความงดงามน่าประทับใจ ยังคงทำให้ผู้คนต้องตาลุกวาว

“ชิงหวังองค์หนึ่งของแคว้นว่านโซ่วได้มาที่นี่” ฟ่านเมี่ยวเจินเมื่อพบกับหลี่ชิเย่แล้วก็พูดออกมาตรงๆ โดยคราวนี้นางไม่ได้อ้อมค้อม

นับตั้งแต่นักพรตฉางเซินได้รับบาดเจ็บสาหัส บรรดาบรรพบุรุษต้องรักษาอาการบาดเจ็บให้กับนักพรตฉางเซิน และบรรดาระดับผู้อาวุโสก็ต้องอยู่ทำหน้าที่คอยอารักขาที่หุบเขาลึกลับ ดังนั้น เรื่องราวต่างๆ ภายใจหุบเขาอมตะจำนวนมากล้วนแล้วแต่ตกอยู่บนตัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในขณะนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ของหุบเขาอมตะได้เผชิญกับบททดสอบเข้าให้แล้ว

โดยเฉพาะฟ่านเมี่ยวเจินในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ยิ่งรับภาระหนักอึ้งบนบ่า กิจการงานภายในหุบเขาอมตะส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีนางเป็นผู้ดำเนินการด้วยตนเอง ระบบป้องกันของหุบเขาอมตะก็มาจากฝีมือของนาง

แม้จะรับหน้าที่เป็นการชั่วคราว แต่ฟ่านเมี่ยวเจินได้แสดงออกให้เห็นถึงความมากประสบการณ์ที่ไม่เข้ากับอายุของนาง ความเป็นผู้นำก็ได้สำแดงออกมาในเวลานี้อย่างเต็มที่

ย่อมไม่ต้องสงสัย ในฐานะศิษย์เอกของนักพรตฉางเซิน ฟ่านเมี่ยวเจินได้ตระเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว และสิ่งที่นางได้เรียนรู้มาก็สามารถนำมาใช้แล้ว

“จากนั้นล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ

นัยน์ตาของฟ่านเมี่ยวเจินเพ่งมองไปข้างหน้า กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “ชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วนำของขวัญใหญ่มาเพื่อสู่ขอมาให้กับแคว้นว่านโซ่วของพวกเขา”

“เป็นใครรึ?” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา และกล่าวว่า “ให้ข้าทาย เป็นราชาพิษหวงฉวนเวยรึ? ต้องการขอหมอเทวดาหญิงของพวกเรา”

“ถูกต้อง” ฟ่านเมี่ยวเจินพยักหน้าท่าทีจริงจัง และกล่าวว่า “ชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วต้องการพบเจ้าหุบเขา เพื่อพูดคุยเรื่องการเกี่ยวดองสมรสของสองตระกูล”

หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ นักพรตฉางเซินได้รับบาดเจ็บสาหัส และในเวลานี้เอง แคว้นว่านโซ่วถึงกับส่งระดับชิงหวังมาสู่ขอ เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างราชาพิษหวงฉวนเวย กับมู่หย่าหลัน การกระทำของแคว้นว่านโซ่วออกจะทันการเกินไปแล้วกระมัง

ไม่ช้าและก็ไม่เร็ว ชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วมาสู่ขอช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ดูจะบังเอิญมากเกินไปแล้ว

“เจ้ารายงานต่อระดับบรรพบุรุษก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวท่าทีเฉยเมย

“บรรดาเหล่าบรรพบุรุษหากไม่กักตนไม่ออกมา ก็ต้องควบคุมเตาบรรพบุรุษเพื่อช่วยรักษาให้กับอาจารย์ และผู้อาวุโสส่วนใหญ่ก็เฝ้าอารักขาหุบเขาลึกลับ”

คำพูดของฟ่านเมี่ยวเจินที่พูดออกมาชัดเจนที่สุดแล้ว เรื่องนี้ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขาโดยตรงแล้ว

“เจ้าเป็นศิษย์เอก เจ้าไปถามหย่าหลันที แล้วพวกเจ้าตัดสินใจไปเลยก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้น

“หย่าหลันปฏิเสธ” ฟ่านเมี่ยวเจินกล่าวว่า “อีกอย่าง ข้าเป็นเพียงศิษย์พี่สาว ท่านคือศิษย์พี่ใหญ่! ในฐานะศิษย์อันดับหนึ่งของอาจารย์ เรื่องแบบนี้ควรเป็นท่านต้องดำเนินการ”

ขณะที่หุบเขาอมตะกำลังอยู่ในอันตราย แคว้นว่านโซ่วกลับจะมาสู่ขอเอาช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่เป็นการบังเอิญ ไหนเลยพวกฟ่านเมี่ยวเจินจะยอมตกลง อีกอย่างมู่หย่าหลันเองก็ไม่ได้สนใจในตัวหวงฉวนเวยเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น การดองสมรสในลักษณะเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล