ตอนที่ 2240 เป็นรางวัลให้พวกเจ้า แล้วไสหัวไป – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
ตอนนี้ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 2240 เป็นรางวัลให้พวกเจ้า แล้วไสหัวไป จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ชิงหวังของแคว้นว่านโซ่ว นั่งอยู่ที่ตรงนั้นด้วยท่าทีเย็นชา ศิษย์ของเขายืนเอามือทิ้งอยู่ข้างลำตัวยืนอยู่ด้านข้างซ้ายขวาสองข้าง อีกทั้งศิษย์แต่ละคนของเขาล้วนแล้วแต่มือกุมด้ามดาบ แววตาดูเข้มและน่าเกรงขาม ท่าทีเหมือนพร้อมที่จะต่อสู้อย่างนั้น ท่าทางไม่ได้มาดี
สมควรทราบว่า ที่ตรงนี้คือหุบเขาอมตะ หุบเขาอมตะคือสำนักที่เป็นสายตรงปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ท่ามกลางระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแห่งใดแห่งหนึ่ง เกรงว่าเมื่อยอดฝีมือหรือศิษย์สำนักอื่นๆ ต้องเข้ามาอยู่ในสำนักที่เป็นสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิแล้ว ก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวเมื่ออยู่ในถิ่นของสายตรง กระทั่งตัวสั่นงันงก
แต่ว่า ชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วกระทั่งศิษย์ที่อยู่ข้างกายของเขานั้น ล้วนแล้วแต่ไม่มีสำนึกลักษณะเช่นนี้ กระทั่งมองที่นี่เสมือนดั่งเป็นสวนหลังบ้านของพวกเขาอย่างนั้น โดยเฉพาะการที่บรรดาศิษย์ของชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วมือข้างหนึ่งกุมด้ามกระบี่เอาไว้ ท่าทางเหมือนว่าหากพูดคุยกันไม่เข้าหูก็จะมีการลงมือทันทีอย่างนั้น นี่เท่ากับไม่ได้มาดี และไม่ได้เห็นหุบเขาอมตะอยู่ในสายตา
จากเวลาที่เคลื่อนผ่านไปทุกนาที ในหุบเขาอมตะยังคงไม่ได้มีระดับผู้ยิ่งใหญ่มาให้การต้อนรับชิงหวังของแคว้นว่านโซ่ว เหมือนจงใจปล่อยให้ชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วได้รับการต้อนรับอย่างเย็นชาอย่างนั้น
แววตาทั้งสองของชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วเผยให้เห็นถึงการเยาะเย้ย อีกไม่นานนักก็จะได้เห็นหุบเขาอมตะที่ร้องโหยหวนเมื่อต้องตกอยู่ท่ามกลางไฟแห่งสงครามกับตาในวันนั้น เขาจะมีวันนั้นวันที่ได้สำแดงบารมี ณ ที่ตรงนี้!
“ศิษย์พี่ใหญ่มาถึงแล้ว…” ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น หลี่ชิเย่ได้เดินเข้ามาขนาบข้างด้วยฟ่านเมี่ยวเจิน นอกจากฟ่านเมี่ยวเจินแล้วด้านหลังยังมีศิษย์อีกจำนวนหนึ่งติดตามมาด้วย เพื่อทำให้ดูเอิกเกริกมากขึ้นให้กับหลี่ชิเย่
หลังจากหลี่ชิเย่ได้เข้ามายังห้องโถงแล้ว มองหน้าชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วแวบหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้ที่มานั้นมาด้วยเรื่องอันใด”
ท่าทางของหลี่ชิเย่ที่วางตัวสูงเด่นพลันสร้างความโกรธแค้นให้กับศิษย์ที่อยู่ข้างกายของชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่ว สมควรทราบว่า อาจารย์ของพวกเขาเคยเกรียงไกรไปทั่วหล้า ในมือกุมอำนาจทางทหาร ถือเป็นบุคคลที่เยี่ยมยอดคนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ อยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นต้น
แววตาของชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วพลันดูไม่เป็นมิตรทันที แต่เขาไม่ได้แสดงความโกรธขึ้นมา เพียงกล่าวเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเป็นใคร!”
“ชิงหวัง เขาผู้นี้คือศิษย์ลำดับที่หนึ่งของหุบเขาอมตะพวกเรา และเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา” ฟ่านเมี่ยวเจินเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“แม่นางฟ่าน ข้ามาที่นี่เพื่อต้องการพบนักพรตฉางเซิน” ชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วกล่าวเสียงเย็นชา
“นักพรตฉางเซินใช่ว่าเจ้าอยากจะพบก็ได้พบเลย” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “มีเรื่องอะไรก็ว่ามาเลย อย่าทำให้ข้าต้องเสียเวลา”
“เจ้า…” ดวงตาทั้งสองของชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วพลันดูเข้ม แววตาที่เข้มและน่าเกรงขาม กล่าวเย็นชาขึ้นว่า “สิ่งที่ข้าจะสนทนานั้นหาใช่เจ้าที่เป็นเพียงผู้เยาว์ไร้ชื่อไร้เสียงสามารถตัดสินใจได้!”
“ชิงหวัง เวลานี้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด เรื่องราวที่เกี่ยวกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่ให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ” ฟ่านเมี่ยวเจินกล่าวขึ้น
ในสายตาของผู้อื่นมองว่าหลี่ชิเย่เป็นเพียงผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียง แต่ฟ่านเมี่ยวเจินนั้นแตกต่าง นางคือศิษย์เอกของนักพรตฉางเซิน ศิษย์พี่ใหญ่ของหุบเขาร้อยบุปผา คำพูดของนางมีน้ำหนักไม่น้อยในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
“มีเรื่องอะไรรีบพูดออกมา มีลมรีบผาย” หลี่ชิเย่โบกมือเหมือนหงุดหงิดรำคาญ และกล่าวว่า “เจียดเวลามาพบกับเจ้ากฌนับเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว รีบว่ามา!”
“โอหัง…” ศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างกายชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วร้องเสียงดังออกมาทันที มือกุมอยู่ที่ด้ามกระบี่
“ตบปาก…” หลี่ชิเย่สั่งออกไป และขี้คร้านจะมองหน้าด้วยซ้ำ
เพียะ เพียะในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ฟ่านเมี่ยวเจินลงมือด้วยตนเอง ตบเข้าที่หน้าของศิษย์ผู้นั้นอย่างแรงไปสองที จนเลือดไหลออกจากมุมปาก
แม้ว่าฝีมือศิษย์ของชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วไม่ธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับศิษย์พี่ใหญ่อย่างฟ่านเมี่ยวเจินแล้วดูจะห่างชั้นกันมากทีเดียว
“เจ้า…” ศิษย์ผู้นี้โกรธจัด แต่ถูกชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วขวางเอาไว้
“หุบเขาอมตะเป็นสถานที่ใด กุมสุดยอดอำนาจสูงสุด ต่อให้เป็นกษัตริย์พวกเจ้ามาอยู่ ณ ที่นี้ก็อย่าได้ทำกำแหงนัก” แววตาของฟ่านเมี่ยวเจินเย็นยะเยือก เปี่ยมด้วยปณิธานการฆ่า
ศิษย์พี่ใหญ่อย่างฟ่านเมี่ยวเจินไม่ได้เหมือนเช่นมู่หย่าหลัน หรือฉินซาวเย่าที่อารมณ์ดีคุยกันง่าย เมื่อไรที่เป็นเรื่องใหญ่ล่ะก็ นางรับรองได้ว่ามีความเด็ดขาดในเรื่องฆ่าฟัน
“ดี ถือเสียว่าข้าอบรมสั่งสอนไม่ดี” หลังจากที่ชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วได้ขวางศิษย์ของตนเอาไว้แล้ว จ้องเขม็งเย็นชาไปที่หลี่ชิเย่
ระหว่างที่ยังไม่ชัดเจนในตื้นลึกหนาบางของหุบเขาอมตะ พวกเขาก็ยังไม่รีบร้อน สุดท้าย เขาได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่สามารถตัดสินใจได้ย่อมเป็นการดีที่สุด ที่ข้ามาวันนี้คือนำเอาข่าวดีมาบอก เดิมหุบเขาอมตะกับแคว้นว่านโซ่วก็สนิทสนมดั่งครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว ใยจะต้องมาสู้รบกันเล่า”
เมื่อชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วพูดจบได้ปรบมือของเขา พลันสิ้นเสียงปรบมือศิษย์ที่อยู่นอกประตูได้ช่วยกันขนเอาหีบเข้ามาใบแล้วใบเล่า จากนั้นตามติดด้วยการเปิดฝาหีบแต่ละหีบออกมา
‘ตาไฟเนตรหยก หนึ่งหีบ’ ‘มุกวิเศษไป่หลิง หนึ่งคู่’ ‘แร่เถี่ยตัน ห้าสิบกิโลกรัม’ ‘น้ำแร่หลิงซี หนึ่งขวด’ ‘ปิ่นปักผมต้นวิญญาณ หนึ่งชิ้น’ ‘ดอกสือหูศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งกล่อง’…
บรรดาศิษย์เหล่านี้ได้พูดถึงชื่อของวิเศษในแต่ละหีบออกมา สุดท้ายได้กล่าวพร้อมกันว่า “รวมของวิเศษล้ำค่าสิบแปดหีบ!”
แม้แต่ชิงหวังของแคว้นว่านโซ่วก็ยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะไม่ทำตามกฎเกณฑ์ ต่อให้หุบเขาอมตะจะปฏิเสธการสมรสในครั้งนี้ก็ไม่น่าเป็นเช่นนี้ ท่าทางของหลี่ชิเย่ก็คือเมื่อคุยไม่รู้เรื่องก็อาศัยเงินทุ่มพวกเขาให้ตายอย่างนั้น
“แค่พวกยากจนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ยากจนสุดๆ ยังคิดจะแต่งศิษย์น้องของข้า คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า” หลี่ชิเย่ทำท่าสะบัดมือและกล่าวว่า “เหรียญกษาปณ์ราชันเหรียญนี้ถือว่าประทานเป็นรางวัลให้พวกเจ้า กลับไปซื้อเนื้อกินกันสักหน่อยก็แล้วกัน”
ฟ่านเมี่ยวเจินถึงกับยิ้มเจื่อนๆ นางก็พูดอะไรไม่ออกแล้วเวลานี้ เอาเหรียญกษาปณ์ราชันเหรียญหนึ่งไปซื้อเนื้อกิน มันคือภูเขาเนื้อที่กินกันไม่หมดเลยนะ!
การที่หลี่ชิเย่โยนเหรียญกษาปณ์ราชันออกมาตามใจเป็นการไล่พวกเขาไป เวลานี้ตัวชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วเองก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นาทีนี้ตัวเขาเองก็รู้สึกสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าใช่ยากจนสุดๆ หรือไม่
จะอย่างไรเสีย เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเจ้าถิ่นที่ไม่ทันใดก็โยนเหรียญกษาปณ์ราชันออกมาไล่พวกเขาแล้ว นับว่าพวกเขายากจนจนน่าเกลียดอัปลักษณ์จริงๆ
ชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเรานั้นของขวัญมูลค่าน้อยแต่มากด้วยไมตรีจิต ที่สำคัญที่สุดคือทั้งชายและหญิงเหมือนดั่งกิ่งทองใบหยก และสมกับฐานะ…”
“แค่คนยากจนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น พูดออกมาได้ว่าสมฐานะ” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วว่า “มาจากไหนก็กลับไปทางนั้น ศิษย์น้องของข้าไหนเลยที่พวกเจ้าจะเอื้อมถึงได้!”
ท่ามกลางผู้ยอดเยี่ยมผู้นี้ ฟ่านเมี่ยวเจินนอกจากยิ้มเจื่อนๆ แล้วยังคงเป็นยิ้มเจื่อนๆ หุบเขาอมตะของพวกเขาย่อมไม่เล่นด้วยกับการเกี่ยวดองสมรสของแคว้นว่านโซ่ว และมู่หย่าหลันก็จะไม่แต่งไปที่แคว้นว่านโซ่วอย่างเด็ดขาด พวกเขาปฏิเสธการแต่งงานลักษณะเช่นนี้อย่างเด็ดขาด
แต่ว่า วิธีการปฏิเสธเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นับว่าง่ายดายและหยาบคายเกินไป มันเหมือนเป็นการยกเท้าเหยียบลงบนใบหน้าของผู้อื่นชัดๆ และตบหน้าดังเพียะเพียะเพียะโดยไม่มีการไว้หน้าให้กับฝ่ายตรงข้ามเลย
ฟ่านเมี่ยวเจินรู้สึกว่าการทำงานของตนก็ดุเดือนรุนแรงและพาลมากพออยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลี่ชิเย่แล้วมันคือความดุเดือนรุนแรงและพาลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
“เจ้าจะต้องพึงระวังถ้อยคำของเจ้า” ในเวลานี้ ชิงหวังจากแคว้นว่านโซ่วพลันมีสีหน้าที่บึ้งตึง กล่าวน่าเกรงขามว่า “แคว้นว่านโซ่วของพวกเราไหนเลยให้เจ้าออกปากเหยียดหยามได้!”
ไม่ว่างานแต่งคราวนี้จะสำเร็จหรือไม่ ท่าทีของหลี่ชิเย่พลันถูกแคว้นว่านโซ่วของพวกเขานำเอาไปข้ออ้างในทันที นี่เป็นการเสียมารยาทก่อนของหุบเขาอมตะ อย่าได้โทษแคว้นว่านโซ่วของพวกเขาที่เสียมารยาท!
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...