พลันที่ได้ยินชื่อของสามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะ ไม่รู้ว่าสามารถดึงดูดความสนใจผู้คนได้เท่าไร ไม่รู้ว่าผู้คนจำนวนเท่าไรที่หูผึ่งทันที ล้วนแล้วแต่ต้องการสืบข่าวลือเช่นนี้
ชื่อของสามอนงค์หุบเขาอมตะมีชื่อเสียงขจรไกล แม้ว่าพวกของฟ่านเมี่ยวเจินส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ภายในหุบเขาอมตะเสียมากกว่า น้อยครั้งนักที่ปรากฏโฉมออกมา โดยเฉพาะกับฉินซาวเย่าแล้ว ยิ่งปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะน้อยมาก แต่ยังคงปิดกั้นชื่อเสียงด้านความงามของพวกนางไม่ให้ขจรไกลไปได้
เดิมพวกของฟ่านเมี่ยวเจินก็คือผู้มีความงามล้ำเลิศในหล้าอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางต่างก็มีความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมากในขอบเขตของตน วิชาปรุงกลั่นยาเม็ดของฟ่านเมี่ยวเจิน วิชาการแพทย์ของมู่หย่าหลัน วิชาโอสถของฉินซาวเย่า ไม่รู้ว่าได้ทำให้ผู้บำเพ็ญตนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจำนวนเท่าไรพูดถึงกันไม่ขาดปาก
มีความงดงาม มีสติปัญญาสุขุมเยือกเย็น มีผลสำเร็จที่น่าทึ่ง บวกกับชาติกำเนิดหุบเขาอมตะ เรียกได้ว่ามีชาติกำเนิดที่สูงส่ง กิ่งทองใบหยก ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้จะไม่ให้ผู้บำเพ็ญตนชายที่รักใคร่และคิดเพ้อเจ้อได้อย่างไรเล่า
สามอัจฉริยะอมตะ สามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่กลุ่มคนรุ่นใหม่พูดถึงกันไม่ขาดปาก
เวลานี้ผู้คนจำนวนมากพลันได้ยินว่าสามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะล้วนมากันแล้ว ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกดีใจอย่างยิ่งในทันใด ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คันไม้คันมือเต็มกลืน และผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เคยฝันอยากได้สาวงามมาครอบครอง
“เมื่อไหร่จะได้ไปคารวะพวกศิษย์พี่ฟ่านสักครั้ง” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่พลันรู้สึกความคิดในใจแล่นขึ้นมาทันที และวางแผนการในใจเอาไว้อย่างดี
พวกของฟ่านเมี่ยวเจินคือศิษย์ของหุบเขาอมตะนะเนี่ย ในฐานะที่เป็นผู้กุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ การที่พวกเขาไปเยี่ยมคารวะพวกของฟ่านเมี่ยวเจินก็นับว่าสมควรแล้ว และเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
แน่นอน บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่ได้ต้องการเพียงแค่การไปมาหาสู่ตามธรรมเนียม สิ่งที่พวกเขาต้องการมากกว่านั้นก็คือหาโอกาสใกล้ชิดพวกของฟ่านเมี่ยวเจิน คาดหวังได้รับการโปรดปรานจากพวกของฟ่านเมี่ยวเจิน
“ครั้งก่อนหมอเทวดามู่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าจะต้องไปขอบคุณนางอย่างเต็มที่” มีหนุ่มน้อยที่ดวงตาทั้งสองเป็นประกาย กล่าวด้วยความดีใจอย่างยิ่ง
“นั่นสิ ปีที่แล้วหมอเทวดามู่ได้ช่วยอาจารย์อาของข้าเอาไว้ และข้าก็มีของขวัญแสดงความขอบคุณของอาจารย์อาอยู่ในมือพอดี จะได้ไปขอบคุณนางพอดีเลย” เมื่อเห็นว่าผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยก็ต้องการใกล้ชิดกับพวกของฟ่านเมี่ยวเจิน ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างทยอยกันมีความคิดอยู่ในใจแล้ว
ส่วนที่ว่าได้นำของขวัญแสดงความขอบคุณของอาจารย์อาของเขามาด้วยหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ต่อให้ไม่มีโอกาสก็ต้องสร้างโอกาสให้กับตัวเอง เวลานี้สามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะล้วนแล้วแต่อยู่ในเรือนโอสถ หากพวกเขาไม่หาโอกาสใกล้ชิดล่ะก็ ต่อไปเมื่อพวกนางกลับไปที่หุบเขาอมตะแล้วก็ยากจะมีโอกาสที่ดีกว่านี้อีก
แม้แต่สามอัจฉริยะอมตะที่หยิ่งยโสอย่างหูชิงหนิวและจางเหยียนเมื่อได้ยินว่าฉินซาวเย่ากับมู่หย่าหลัน มาแล้ว พลันรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาทันที ต่างคิดหาโอกาสไปใกลชิดพวกนาง
ครั้งหนึ่ง ในการออกเก็บสมุนไพรของหูชิงหนิวได้พบกับฉินซาวเย่าที่มาเก็บสมุนไพรเช่นกัน พลันถูกดึงดูดด้วยท่าทางที่อ่อนโยนของฉินซาวเย่าในทันใด เพียงแต่ฉินซาวเย่าสนใจแต่เรื่องของวิชาสมุนไพรเท่านั้น อย่างอื่นล้วนไม่สนใจทั้งสิ้น
สำหรับจางเหยียนนั้นเคยติดตามผู้อาวุโสไปหุบเขาอมตะ ได้พบกับมู่หย่าหลัน เรียกได้ว่ารักแรกพบเลยทีเดียว เสียดายที่มู่หย่าหลันมีท่าทีที่เย็นชาและห่างเหิน จางเหยียนเคยทดลองไปจีบมู่หย่าหลัน กลับถูกปิดประตูไม่รับแขก
ในช่วงหลายวันนี้ ไม่ทราบว่ามีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่ทยอยกันไปเข้าเยี่ยมคารวะต่อพวกของฟ่านเมี่ยวเจิน แน่นอนที่สุด บรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ปากก็บอกว่ามาคารวะนักพรตฉางเซินแทนผู้อาวุโสของตน เฉกเช่นประเภทนี้พวกเขาล้วนแล้วแต่มีจุดประสงค์อื่นทั้งสิ้น
พวกของฟ่านเมี่ยวเจินก็รู้สึกรำคาญ ดังนั้นถือโอกาสไม่พบใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของแคว้นเจ้าลัทธิหรือสำนัก และตระกูลขุนนางโบราณที่มาขอเยี่ยมคารวะ พวกนางก็จะไม่พบ
หลังจากที่พวกของฟ่านเมี่ยวเจินได้สติกลับมาไม่นานนัก พวกเขาพบเรื่องราวที่น่าตกใจเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลี่ชิเย่หายตัวไป
พวกของฟ่านเมี่ยวเจินต่างตกใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากได้ทราบเรื่องนี้แล้ว พวกนางสอบถามไปที่คนของสำนักสาขา ปรากฏว่าไม่มีใครทราบว่าหลี่ชิเย่ไปไหน อีกทั้งไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว
การหายตัวไปอย่างกะทันหันของหลี่ชิเย่ ทำเอาพวกเขาฟ่านเมี่ยวเจินตกใจไม่เบาเลยทีเดียว ฟ่านเมี่ยวเจินให้ฉินซาวเย่ากับมู่หย่าหลันพาคนออกติดตามร่อรอยของหลี่ชิเย่ในทันที
มู่หย่าหลันกับฉินซาวเย่าจึงได้ออกตามหาร่องรอยของหลี่ชิเย่ในเรือนโอสถทันที แต่ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างอ่อนไหว ทั้งฉินซาวเย่า และมู่หย่าหลันพวกนางสองคนต่างไม่กล้าตามหาหลี่ชิเย่อย่างเอิกเกริก ได้แต่ ตามหากันลับๆ
ที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าก็คือ ไม่ว่าพวกนางทั้งสองไปถึงที่ใดก็ตาม ก็จะต้องมีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมาติดตาม พวกนางพยายามสลัดให้หลุดจากการติดตามหลายครั้งก็ไม่เป็นผล
ระหว่างที่มู่หย่าหลันกับฉินซาวเย่ากำลังตามหาหลี่ชิเย่อยู่นั้น หลี่ชิเย่ที่อูยู่ภายในถ้ำหินในขณะนี้เพิ่งจะค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในเวลานี้ ช่องว่างเหมือนกระเพื่อมทีหนึ่ง เหมือนว่าหลี่ชิเย่ที่หลอมละลายไปนั้นเพิ่งจะค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมา
หลังจากที่ร่างกายของหลี่ชิเย่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว เวลานี้เขาจึงได้ลืมตาทั้งสองขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่เมินเฉย และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เซียนโอสถนับว่าเป็นคนที่น่าสนใจ คนอื่นล้วนแล้วแต่ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมเอาไว้ในต้นกำเนิดสัจธรรม เขากลับไม่เป็นเช่นนั้น นับว่ามาอีกแนวหนึ่งโดยแท้ และสิ่งนี้ก็เป็นการตัดสินใจแล้วว่าหุบเขาอมตะจะไม่สยบทั่วหล้า และเป็นการตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เป็นผู้ผลิตโอสถวิเศษหญ้าเซียน”
เซียนโอสถเป็นปฐมบรรพบุรุษที่มีชาติกำเนิดมาจากหมอโอสถ ปฐมบรรพบุรุษจำนวนมากล้วนแล้วแต่อาศัยการฝึกเป็นหลัก ส่วนใหญ่ทำศึกปราบปราม ทะลวงสัจธรรมมาชั่วชีวิต ขณะที่เซียนโอสถเวลาส่วนใหญ่จมปลักอยู่กับการปรุงกลั่นยาเม็ดและโอสถ ดังนั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เขาสร้างขึ้นจึงแตกต่างจากบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...