จางเหยียน และหูชิงหนิวก้าวออกมาเดิมพันกับหลี่ชิเย่ ส่วนบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่คนอื่นๆ ในเวลานี้ต่างมองหน้ากันและกัน สุดท้ายบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่คนอื่นๆ ต่างไม่ได้ก้าวออกมาร่วมกับหูชิงหนิว และจางเหยียน
ทุกคนต่างมองออกว่า หลี่ชิเย่กับมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ใยพวกเขาจะต้องไปหาเรื่องกับหุบเขาอมตะเล่า จะอย่างไรเสียหุบเขาอมตะก็คือผู้ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ขณะเดียวกันก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปทำให้สาวงามไม่พอใจ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากับจางเหยียนและหูชิงหนิวล้วนแล้วแต่มีสถานภาพเป็นคู่แข่งทางความรัก เวลานี้อาศัยอะไรให้พวกเขาต้องไปร่วมเป็นร่วมตายกับหูชิงหนิวกับจางเหยียน ถ้าหากจางเหยียนและหูชิงหนิวต้องอับอายขายหน้าล่ะก็ จะส่งผลให้ฐานะของพวกเขาในใจของสาวงามลดลง และดีใจที่เห็นพวกเขาได้รับความเดือดร้อนด้วยซ้ำ อาศัยอะไรให้พวกเข้าต้องร่วมเป็นร่วมตายไปกับหูชิงหนิวกับจางเหยียน?
“พี่หู แค่พวกเราสองคนก็เหลือเฟือแล้ว” เมื่อจางเหยียนเห็นว่าคนอื่นต่างไม่ยอมยืนอยู่แนวเดียวกันกับพวกเขาจึงไม่ค่อยจะพอใจนัก ส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจอออกมา และเอ่ยขึ้นช้าๆ
“เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มพนันกันก็แล้วกัน” เวลานี้แววตาทั้งสองของหูชิงหนิวแหลมคมยิ่งนัก มีท่าทีที่ยกตนข่มท่านอยู่ในที และกล่าวว่า “หากพวกเราพ่ายแพ้ ทั้งหมดนี้เป็นของเจ้า แต่หากเจ้าแพ้ ก็แทะดินโคลนก็แล้วกัน!”
เวลานี้หูชิงหนิวต้องการเรียกเกียรติยศกลับคืน เขาต้องการเห็นหลี่ชิเย่ได้รับความอับอาย ถ้าหากหลี่ชิเย่ต้องแทะดินโคลนจริงๆ แล้วล่ะก็เป็นโอกาสที่เขาได้ลืมตาอ้าปากแล้ว และเป็นโอกาสที่เขาจะได้แสดงบารมีต่อหน้าหญิงงามแล้ว
หลี่ชิเย่มองดูของเดิมพันที่วางอยู่บนโต๊ะ หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “ของเดิมพันเพียงแค่นี้ก็คิดจะมาพนันกับข้า ล้วนแล้วแต่เป็นพวกของไร้ค่า ทั้งนั้น ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง”
“เจ้า…” สีหน้าของหูชิงหนิวดูไม่จืดยิ่งนัก แม้จะกล่าวว่ายาครีมของเขากับโสมหลีซานเซินจะไม่ใช่สุดยอดของวิเศษ แต่ก็เป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนัก เวลานี้กลับถูกหลี่ชิเย่ด้อยค่าถึงเพียงนี้ ดวงตาทั้งสองดูไม่เป็นมิตร ร้องกล่าวเสียงดังออกมาว่า “วาจาสามหาวยิ่งนัก โสมหลีซานเซินของข้าขึ้นอยู่ในที่ที่เป็นหุบเขาลึกและมืดที่เป็นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว โสมดังกล่าวได้รับแสงจันทร์สลัวปกคลุม ดูดซับพลังแก่นดวงจันทรา…”
“แค่โสมทั่วไปท่อนหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรคู่ควรต้องโอ้อวดกัน” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทหูชิงหนิว และกล่าวว่า “หย่าหลัน ข้ามีรากฝอยโสมเล็กๆ อยู่ ช่วยไปชงเป็นชาโสมให้ข้าสักหน่อย” กล่าวพลาง หลี่ชิเย่ได้โยนกล่องไม้กล่องหนึ่งบนโต๊ะไปตามอารมณ์
มู่หย่าหลันเปิดกฝากล่องออกมา พลันปรากฏกลิ่นอายเซียนที่ลอยขึ้นมาแผ่ปกคลุมหนาทึบ มองเห็นภายในกล่องไม้มีรากโสมที่มีขนาดเท่านิ้วมืออยู่ชิ้นหนึ่งวางอยู่ โดยโสมชิ้นนี้มีประกายดาราที่ไหลริน เสมือนดั่งเป็นโสมที่เก็บมาจากที่ที่ไกลออกไปในหมู่ดวงดาวอย่างนั้น
โสมวิเศษดาราจันทรา…ฉินซาวเย่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับตกใจยิ่งนักเมื่อได้เห็นรากโสมชิ้นนี้ และกล่าวว่า “ลือกันว่า โสมชนิดนี้มีอยู่ในแดนลัทธิเซียนเท่านั้น พบเห็นได้ยากยิ่ง”
หูชิงหนิวเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อเห็นรากโสมชิ้นนี้ที่อยู่ในกล่องไม้ ถึงกับร้องออกมาด้วยความตระหนกว่า ‘ดาราจันทรา!’
ตัวเขาในฐานะหมอเทวดาย่อมรู้ถึงค่าของโสมวิเศษดาราจันทรา เมื่อนำเอาโสมหลีซานเซินเทียบกับโสมวิเศษดาราจันทรา โสมหลีซานเซินของเขาเป็นได้แค่หญ้าธรรมดา ไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึงจริงๆ
‘โสมหลีซานเซิน’ บรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว พวกเขาต่างรู้สึกตกใจยิ่งนัก
เวลานี้ มู่หย่าหลันได้ยกน้ำชาโสมมาเสิร์ฟให้แล้ว หลี่ชิเย่เป่านิดหนึ่งแล้วจิบเบาๆ คำหนึ่ง กล่าวเฉยเมยว่า “อายุอ่อนไปนิดหนึ่ง หากแก่กว่านี้สักนิดก็จะกลมกล่อมมากขึ้น”
เวลานี้ บรรดาผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างอึ้งไปตามๆ กัน นำรากโสมวิเศษดาราจันทราชิ้นหนึ่งมาชงเป็นชาดื่มกิน ความฟุ่มเฟือยเช่นนี้ไม่สามารถบรรยายด้วยตัวอักษรอีกแล้ว ความฟุ่มเฟือยเช่นนี้นับว่าทำให้ผู้อื่นต้องอิจฉาตาร้อนเลยทีเดียว ต่อให้ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิของพวกเขาก็ไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขารู้สึกริษยาอย่างยิ่ง
แน่นอน รากโสมเส้นหนึ่งของโสมวิเศษเช่นนี้ กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วไม่นับเป็นอะไรได้อยู่แล้ว ครั้งนั้นที่เขาสังหารบรรพบุรุษหลุนหุย ความยิ่งใหญ่ของคลังสมบัติของเขานั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้อื่นหัวใจวายได้ ลำพังแค่โสมวิเศษดาราจันทราชิ้นหนึ่ง เรียกได้ว่าไม่เข้าตา
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องมองดูหลี่ชิเย่ดื่มชาด้วยความงุนงง แม้แต่หูชิงหนิว กับจางเหยียนก็พูดอะไรไม่ออก
“ยังต้องการเพิ่มของเดิมพันอะไรบ้างสักหน่อยหรือไม่?” หลี่ชิเย่ที่นั่งจิบชาโสมอยู่ มองไปที่พวกของหูชิงหนิว
เวลานี้ทั้งหูชิงหนิวและจางเหยียนสองคนมีสีหน้าที่แดงก่ำ เวลานี้สิ่งที่นำมาเป็นของเดิมพันนั้นดูจะไม่คู่ควรจะกล่าวถึง เนื่องจากโสมหลีซานเซินที่นับว่าค่อนข้างล้ำค่าของพวกเขายังเทียบไม่ได้กับชาโสมถ้วยหนึ่งที่หลี่ชิเย่ดื่มกินเลย กระทั่งพวกเขาทุ่มทุกสิ่งที่มีอยู่บนตัว ก็ไม่เห็นว่าจะดีไปกว่าน้ำชาโสมถ้วยหนึ่งของหลี่ชิเย่
ในขณะนี้ หูชิงหนิวและจางเหยียนสองคนที่ใบหน้าแดงก่ำยืนอยู่ตรงนั้น จะจากไปก็ใช่ที่ จะอยู่ก็ไม่ใช่ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
ก็เหมือนคนๆ หนึ่งหยิบเอาอัญมณีออกมาโอ้อวดผู้อื่นว่าตนเองร่ำรวยอะไรอย่างนั้น ขณะที่ผู้อื่นกลับใช้อัญมณีที่ล้ำค่ามากกว่าที่เขามีสิบเท่ามาเลี่ยมประดับไว้บนรองเท้า รสชาติที่เหมือนถูกเขาตบหน้าอย่างแรงไปฉาดใหญ่ยากที่จะทานทนยิ่งนัก
“ในเมื่อบอกว่าจะพนันกันแล้ว ข้าก็จะไม่โลภกับหยูกยาเพียงเล็กน้อยแค่นี้ของพวกเจ้า และไม่รังแกพวกเจ้า จะได้ไม่ถูกพวกเจ้าครหาว่าข้าอาศัยสมบัติที่มากกว่ามารังแกพวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าหากข้าแพ้ ข้าก็จะจัดการแทะกินดินโคลนบริเวณนี้ให้สะอาด แต่หากพวกเจ้าแพ้ ข้าก็ไม่ทำให้พวกเจ้าต้องลำบาก ลงไปคลุกโคลนก็แล้วกัน”
ทุกคนต่างมองหน้ากันและกันเมื่อได้ยินวิธีการเดิมพันพนันของหลี่ชิเย่ เวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกว่าเกมพนันในครั้งนี้ไม่ได้เกินเลย เหมือนที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้รังแกพวกเขาจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...