“ไม่มีไม้เย่ามู่ ไม่มีอะไรเลย” จางเหยียนรู้สึกโล่งอกอย่างสิ้นเชิงและกลับไปอยู่บนเรือ เมื่อมองเห็นบริเวณดินโคลนที่ถูกระเบิดออกมานั้นไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
หูชิงหนิวเองก็อาศัยจมูกของเขาสูดดมอากาศ ตัวเขาในฐานะหมอเทวดามีประสบการณ์มากมาย ขอเพียงมีไม้เย่ามู่อยู่เขาแค่สูดดมอากาศบริเวณนี้ก็สามารถได้กลิ่นหอมของไม้ได้แล้ว แต่เขาได้สูดดมอย่างละเอียดแล้ว นอกจากกลิ่นเน่าเปื่อยของดินโคลนแล้ว ไม่พบกลิ่นหอมของไม้ใดๆ แต่อย่างใด
“ที่ตรงนี้ไม่มีไม้เย่ามู่” สุดท้ายหูชิงหนิวลงความเห็นอย่างหนักแน่น
เมื่อได้ยินข้อสรุปของหูชิงหนิวแล้ว ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ หาดดินโคลนที่ระเบิดออกมาแล้วไม่มีสิ่งใดอยู่เลย เป็นสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกๆ คน
“ไม่มีไม้เย่ามู่จริงๆ นะเนี่ย” เวลานี้ ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยต่างมองตากันและกัน และวิจารณ์กันเสียงแผ่วเบา มีบางคนที่รู้สึกเสียใจ หากรู้แต่แรกว่าไม่มีไม้เย่ามู่พวกเขาก็ลงเดิมพันด้วย เมื่อเป็นฝ่ายชนะแล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ได้หน้าได้ตา
“ดูท่าสถานที่ตรงนี้เคยมีไม้เย่ามู่อยู่นะเนี่ย เสียดายที่เหามอดไม้สร้างรังอยู่ที่ตรงนี้ เกรงว่าไม้เย่ามู่ที่จมทับถมอยู่ที่ตรงนี้คงถูกพวกมันแทะกินจนหมดไปนานแล้ว เป็นการคำนวณที่ผิดพลาดนะเนี่ย” มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่กล่าวคาดการณ์ขึ้นมา
“เจ้าแพ้แล้ว” เวลานี้หูชิงหนิวกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ต่อให้ที่ตรงนี้เคยมีไม้เย่ามู่มาก่อน แต่เวลานี้ไม่มีอยู่แล้ว คาดผิดก้าวเดียวแพ้ทั้งกระดาน”
“พวกเราชนะแล้ว” เวลานี้จางเหยียนถึงกับดีใจอย่างยิ่ง ตัวเขาที่ยังคงลังเลก่อนหน้าถึงกับระงับอารมณ์ความดีใจภายที่อยู่ภายในใจไม่อยู่ จ้องไปที่หลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “เวลานี้ควรเป็นเวลาที่เจ้าจะได้แสดงการแทะกินดินโคลนได้แล้ว”
“ยังคงเป็นหมอเทวดาที่ยอดเยี่ยมมาก สายตาคมกริบ แค่มองดูก็สามารถมองทะลุ เยี่ยมมาก” มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ถือโอกาสในเวลานี้ประจบสอพรอหูชิงหนิว จะอย่างไรเสียชีวิตของผู้บำเพ็ญตนอยู่กับคมดาบ บอกไม่ได้ว่าเมื่อไรได้รับบาดเจ็บต้องขอความช่วยเหลือจากหูชิงหนิวก็ได้
แหะ…หมอเทวดาหูและตันหวังน้อยนับว่ายอดเยี่ยมมาก เอาชนะได้อย่างง่ายดาย มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ถือโอกาสซ้ำเติมและพูดฉีกหน้าว่า “ดินโคลนคงไม่อร่อย ถ้าหากรู้สึกติดคอล่ะก็ สามารถผสมกับน้ำบึงมาดื่มก็ได้ น้ำในบึงโอสถของพวกเรามาจากบนสวรรค์ และมีรสชาติของไม้เย่ามู่เหมือนกัน”
ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองดูหลี่ชิเย่ ส่วนใหญ่แล้วท่าทางบ่งบอกว่าดีใจที่เห็นคนอื่นได้รับความเดือดร้อน การที่หลี่ชิเย่ได้รับการปรนนิบัติจากสองสาวงามอย่างมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่า ช่างเป็นโชคทางความรักขนาดไหน แล้วจะไม่ให้บรรดาผู้รักใคร่ชื่นชมเหล่านี้เกิดความริษยาได้อย่างไร พวกเขาต้องการให้หลี่ชิเย่ได้รับความอับอายเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป อยากจะให้หูชิงหนิว และจางเหยียนได้ทำให้หลี่ชิเย่ให้ได้อายอย่างเต็มที่ พวกเขาเองก็จะได้รู้สึกสบายใจไปด้วย
“ท้องฟ้าโปร่งแบบนี้ แทะกินดินโคลนและดื่มน้ำบึงไปด้วยยิ่งเข้ากันได้ดีเลยนะ” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่อดที่จะพูดหยอกล้อเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมย ดื่มชาโสมที่อยู่ในมือ ท่าทางไม่ได้ร้อนรนอะไรแม้แต่น้อย ยังคงไม่สะทกสะท้าน ยังคงสบายอกสบายใจ
“ต่อให้เจ้าคิดจะประวิงเวลาก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อแพ้แล้วก็ควรทำตามสัญญา รีบๆ มากินดินโคลนเสีย” เมื่อจางเหยียนเห็นหลี่ชิเย่ยังคงโอ้เอ้นั่งดื่มชาโสมอย่างเชื่องช้า
ในที่สุดก็ชนะมาได้ตาหนึ่ง ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ มีความรู้สึกเหมือนได้ลืมตาอ้าปาก โดยเฉพาะสามารถทำให้หลี่ชิเย่ต้องเสียหน้าต่อหน้ามู่หย่าหลัน กับฉินซาวเย่า มันช่างเป็นเรื่องที่สะใจเช่นใด
“พูดได้แต่เพียงว่าพวกเจ้าอ่อนเยาว์เหลือเกิน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ประสบการณ์ตื้นเขินก็แล้วกันไป แม้แต่ความอดทนขั้นพื้นฐานที่สุดสักนิดก็ยังไม่มี มาตรฐานเช่นนี้ก็กล้าออกมาท่อง”
จางเหยียนส่งเสียงฮึไม่พอใจ และกล่าวดูแคลนว่า “ไม่ใช่เวลาที่พวกเรามาฟังเจ้าสั่งสอน เวลานี้เป็นเวลาที่ดูเจ้าแทะดินโคลน…”
จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่จางเหยียนพูดยังไม่ทันจบ บริเวณหาดดินโคลนพลันเห็นเป็นน้ำถูกฉีดพ่นขึ้นมาสายหนึ่งกะทันหัน ได้ยินเสียงดังช่าาาเสียงหนึ่ง ภายใต้ดินโคลนมีสิ่งหนึ่งอ้าออก พลิกเอาดินโคลนขึ้นมาทั้งหมด เมื่อน้ำสายนั้นตกลงมาก็ได้ชะล้างดินโคลนรอบๆ ออกไปหมด
ช่าาา…ในที่สุดภายในดินโคลนมีสิ่งหนึ่งที่อ้าปากกว้างขนาดใหญ่ออกมา
“นั่นมันหอยอะไร…” เวลานี้ทุกคนต่างทยอยมองตามไป ปรากฏหอยขนาดยักษ์ขึ้นที่หาดดินโคลนตัวหนึ่ง หอยยักษ์ตัวนี้มีขนาดเท่ากับหน้าโต๊ะตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ยามที่หอยขนาดยักษ์ตัวนี้อ้าฝาหอยของมันออกมานั้น พลันปรากฏหมอกควันที่ลอยขึ้นมาเหมือนควันที่ถูกพ่นออกมา
“หอมมาก…” ยามที่หมอกควันสายนี้ลอยขึ้นมานั้น บรรดาผู้คนทั้งหมดล้วนแล้วแต่ได้กลิ่นหอมของไม้อยู่สายหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเองทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าตัวเองนั้นอยู่ท่ามกลางป่าไม้ กลิ่นหอมของไม้สายนี้ช่างเข้มขนเหลือเกิน ทำให้ผู้คนเหมือนอาบเอิบอยู่ท่ามกลางกลิ่นหอมของไม้นี้จนควบคุมตนเองไม่ได้ เหมือนเป็นเหล้าเก่าที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลง
“ไม้เย่ามู่ ไม้เย่ามู่ชั้นเลิศ!…” หูชิงหนิวในฐานะหมอเทวดาถึงกับกล่าวด้วยความตกใจเมื่อได้กลิ่นหอมสายนี้แล้ว
ปุ…บังเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น เมื่อหอยยักษ์ตัวนี้ได้อ้าฝาออกมาอย่างเต็มที่ ภายในตัวหอยปรากฎแสงที่จางๆ แผ่ออกมา ขณะที่แสงสีเขียวอ่อนตลบอบอวลขึ้นมา เสมือนดั่งนำมาซึ่งความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามไม่สิ้นสุดมาด้วย เหมือนเป็นโลกแห่งทุ่งกว้างอันเป็นที่ลาบที่เปี่ยมด้วยชีวิตถูกเปิดออกอย่างนั้น
ทุกคนทอดสายตามองออกไป มองเห็นแสงสีเขียวอ่อนจางๆ นั้นแผ่ออกมาจากสิ่งของสิ่งหนึ่ง สิ่งของสิ่งนี้ถูกหอยยักษ์อมอยู่ภายใน ไม่ทราบว่าได้บ่มฟักมาแล้วกี่ปี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...