เวลานี้ ทุกคนจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทางงุนงง ในมือของหลี่ชิเย่ข้างหนึ่งคือไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ชิงเฮ่า อีกข้างหนึ่งคือไม้เย่ามู่ขั้นเทพ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของชิ้นไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ ทำให้ผู้คนต้องการได้มันมาครอบครองอย่างยิ่ง
ด้วยของวิเศษที่ล้ำค่ายิ่งเช่นนี้ กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนเท่าไรแล้ว เป็นสิ่งที่ชั่วชีวิตก็ยากจะได้มันมาครอบครอง แต่แล้วหลี่ชิเย่กลับได้มันมาครอบครองอย่างง่ายดาย กล่าวสำหรับเขาแล้วของวิเศษเช่นนี้เหมือนว่าก้มลงหาเก็บได้ทุกที่ ซึ่งสร้างความริษยาให้กับผู้คนยิ่งนัก
“นังหนู เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตคนใกล้ตาย และดูแลรักษาผู้บาดเจ็บ หากมีไข่มุกเม็ดนี้อยู่ในมือ ต้องสามารถลงแรงน้อยแต่ได้ผลมากมาย” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งแล้วก็มอบไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ชิงเฮ่าให้กับมู่หย่าหลัน
มู่หย่าหลันถือไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ชิงเฮ่าในมือ เวลานี้ไม่อาจเรียกสติคืนกลับมา
“เจ้าชำนาญเรื่องวิชาโอสถ ปลูกสมุนไพร สิ่งนี้สัมพันธ์ใกล้ชิดผืนแผ่นดิน เกื้อหนุนต่อต้นไม้ใบหญ้า เจ้าพกติดตัวเอาไว้เหมาะสมที่สุด” หลี่ชิเย่ถือโอกาสมอบไม้เย่ามู่ขั้นเทพให้กับฉินซาวเย่าไปตามอารมณ์
เวลานี้ ทั้งมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าต่างยืนงงงันอยู่ตรงนั้น แม้ว่าพวกนางมีชาติกำเนิดมาจากหุบเขาอมตะ แต่ของวิเศษชิ้นนี้กล่าวสำหรับพวกนางแล้วก็ล้ำค่ายิ่งนัก แต่ว่าหลี่ชิเย่กลับถือโอกาสมอบให้กับพวกนางตามอามรณ์เช่นนี้
ในเวลานี้ ทำให้ผู้คนต่างมองตาค้างพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นหลี่ชิเย่จัดการมอบไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ชิงเฮ่า และไม้เย่ามู่ขั้นเทพให้กับมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าตามอารมณ์ เวลานี้ทั้งอิจฉาริษยา และไม่สามารถบรรยายถึงความรู้สึกร้อยพันที่อยู่ในใจได้
อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่คนอื่นๆ เลย กล่าวสำหรับพวกหูชิงหนิวและจางเหยียนแล้ว ของวิเศษทั้งสองชิ้นเป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่เห็นพวกเขาจะมีโอกาสได้ครอบครองตลอดชั่วชีวิต หากพวกเขาสามารถได้ของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้ชิ้นนี้มา ต้องเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี จะไม่มีทางนำมามอบให้กับใครอย่างเด็ดขาด
ต่อให้หูชิงหนิว และจางเหยียนต้องการลุ้นให้สาวงามเผยรอยยิ้มออกมา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะนำเอาของวิเศษระดับนี้มามอบให้ผู้อื่น และของวิเศษเช่นนี้พวกเขาก็ไม่อาจมอบให้ใครได้ ของวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้เรียกได้ว่าล้ำค่ายิ่งกว่าชีวิตของพวกเขาเสียอีก
ทว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับถือโอกาสมอบให้กับสาวงามทั้งยังเป็นไปตามอารมณ์ยิ่ง เหมือนเป็นการมอบของขวัญเล็กน้อยที่ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงสองชิ้นอย่างนั้น ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
มือเติบเช่นนี้ ของขวัญที่หรูหราเช่นนี้ ผู้ชายคนนี้คิดจะไม่มีเสน่ห์ก็คงยาก ผู้ชายเช่นนี้คิดจะไม่เป็นที่ดึงดูดใจก็คงยาก
ในขณะนี้ พวกของหูชิงหนิวทั้งอิจฉาทั้งริษยา พวกเขาต่างริษยาจนตาร้อนผ่าว
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่” หลังจากที่ฉินซาวเย่า และมู่หย่าหลันได้สติกลับมาแล้ว ได้โค้งคำนับให้กับหลี่ชิเย่อย่างลึกซึ้ง พวกนางต่างซาบซึ้งใจกับสิ่งนี้ กล่าวสำหรับพวกนางแล้ว ของขวัญชิ้นนี้ช่างล้ำค่ามากเหลือเกิน
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเบื่อหน่าย จิบชาโสมไปเบาๆ ทั้งมู่หย่าหลัน และฉินซาวเย่าล้วนแล้วแต่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ การเสพสุขในลักษณะเช่นนี้นับว่าเป็นที่อิจฉายิ่งนักกับผู้คนที่อยู่รอบข้าง
“ดูท่าข้าไม่ต้องเทะกินดินโคลนแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและจ้องมองพวกหูชิงหนิวและจางเหยียนด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่ดูเบื่อหน่าย จิบชาโสมเบาๆ โดยมีมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่าคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ การเสพสุขในลักษณะเช่นนี้ นับว่าเป็นที่อิจฉาของผู้คนอย่างยิ่ง
“ดูท่าข้าคงไม่ต้องเทะกินดินโคลนแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่จ้องยิ้มกล่าว ขณะมองดูพวกของหูชิงหนิวและจางเหยียนด้วยท่าทีที่ดูเบื่อหน่าย
สีหน้าของหูชิงหนิวและจางเหยียนพลันแดงก่ำขึ้นมาทันที ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาทั้งสองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว อีกทั้งเป็นการพ่ายแพ้อย่างหมดรูป พวกเขาไม่เพียงพ่ายต่อเกมการพนันในเกมนี้เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ได้พ่ายแพ้ความได้เปรียบของพวกเขาทั้งหมด โดยเฉพาะต่อหน้าสาวงาม สิ่งที่พวกเขาพ่ายแพ้ใช่เพียงแค่เกมเดิมพันเกมนี้ แต่พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือก็ได้สยบพวกเขาไว้อย่างสิ้นเชิง ทำให้พวกเขายากจะพลิกตัวขึ้นมาได้อีกในมุมมองและความคิดของมู่หย่าหลันและฉินซาวเย่า
“พวกเจ้าควรคลุกดินโคลนแล้วกระมัง” หลี่ชิเย่กล่าวยิ้มแต้ขณะจ้องมองไปที่หูชิงหนิวและจางเหยียน
สีหน้าของหูชิงหนิวและจางเหยียนสองคนแดงก่ำ พวกเขาต่างก็เป็นบุคคลระดับมีหน้ามีตาทั้งสิ้น อยู่ในสามยอดอัจฉริยะบุคคลอมตะ สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ วันนี้จะต้องลงไปคลุกดินโคลนต่อหน้าผู้คนมากมาย เป็นการเหยียดหยามพวกเขาชัดๆ
แต่ทว่า พวกเขาได้ลั่นวาจาเอาไว้ก่อนหน้า ถ้าหากปฏิเสธล่ะก็จะยิ่งทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาไม่หลงเหลืออีกเลย
“ข้าคลุกก็ได้” หูชิงหนิวกัดฟัน แม้ว่าเขาจะเป็นคนหยิ่งยโสเต็มเปี่ยม กระทั่งเรียกได้ว่าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่ทว่าเขากลับเป็นคนที่แข็งกร้าว และยอมรับกับความพ่ายแพ้ได้
เวลานี้หูชิงหนิวไม่พูดพล่ามทำเพลง ได้ยินเสียงดังตูมกระโดดทิ้งตัวลงไปในดินโคลน ตามติดมาด้วยเสียงช่าาา ช่าาาเสียงของน้ำที่ดังขึ้น หูชิงหนิวตีลังกาคลุกอยู่ท่ามกลางดินโคลน เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็กลายเป็นมนุษย์โคลนไปแล้ว
ปรกติแล้ว หูชิงหนิวเป็นผู้ที่มีท่าทีอยู่เหนือผู้คนเพียงใด เขามีฉายาว่ามือเทพ มีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกเขาเชิดใส่ยามที่อยู่ต่อหน้าของเขา ระดับผู้ยิ่งใหญ่จำนวนเท่าไรที่มาขอให้เขาช่วยเหลือ แต่เขานั้นเปี่ยมด้วยความยโส มาวันนี้กลับต้องมาถูกหลี่ชิเย่บีบคั้นจนต้องคลุกดินโคลนต่อหน้าสาธารณชน ท่าทางกระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง ด้วยฐานะของเขาแล้ว นับเป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง แต่ทว่า หูชิงหนิวกลับยังคงสามารถทำได้ตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ ต่อให้เป็นความอัปยศก็ยังคงคลุกดินโคลนจนถึงที่สุด
“เหอะ เหอะ เหอะ…” จางเหยียนที่มองเห็นหูชิงหนิวตีลังกาคลุกดินโคลนต่อหน้าสาธารณชนแล้วก็ใจฝ่อทันที จะอย่างไรเสียมันเป็นเรื่องที่เสียหน้าอย่างยิ่ง เขาหัวเราะแห้งๆ หลายคำ ท่าทางลังเลขึ้นมาและกล่าวต่อหลี่ชิเย่ว่า “พี่ท่าน พวก พวก พวกเราแค่ล้อเล่นนิดหน่อย ล้อเล่นกันนิดหน่อย…”
เปรียบเทียบกับหูชิงหนิวแล้ว จางเหยียนเทียบกันไม่ติด อย่างน้อยที่สุดคนอย่างหูชิงหนิวพูดจริงทำจริง หัวแข็งยิ่งนัก
“คลุก…” หลี่ชิเย่ไหนเลยจะไปให้ความสนใจมากมาย ยกเท้าถีบเข้าไปโดยที่จางเหยียนคิดจะหลบก็หลบไม่พ้น ถูกหลี่ชิเย่ถีบลงเรือเสียงดังตูม ร่างของเขาตกลงไปในดินโคลนทันทีเปอะเปื้อนดินโคลนไปทั้งตัว
“ตกลง ข้า ข้าคลุกก็ได้…” จางเหยียนอับอายจนแทบมุดแผ่นดิน ได้แต่คลุกอยู่ท่ามกลางดินโคลนไม่กี่ครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับหูชิงหนิวแล้ว เขาเอาเปรียบและอู้ คลุกอยู่ไม่กี่ครั้งก็แกล้งตายนอนนิ่งอยู่ในดินโคลนเฉยๆ
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่มองดูภาพนี้กันเงียบๆ
“พอใจแล้วยัง?” เทียบกับจางเหยียนที่เอาเปรียบและอู้แล้ว หูชิงหนิวนับว่าพูดจริงทำได้จริง เขาตีลังกาคลุกอยู่ท่ามกลางดินโคลนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เหมือนดั่งจางเหยียนที่กลิ้งไปมาไม่กี่ครั้งก็นอนนิ่งแกล้งตายอยู่ตรงนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...