ภายในระยะเวลาอันสั้น เสียงที่จอแจสารพัดดังก้องไปทั่วเรือนโอสถ โดยเฉพาะสำนักต่างๆ ที่ก้าวออกมายืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นว่านโซ่ว ยิ่งงัดเอาคำพูดต่างๆ มาเยินยอแคว้นว่านโซ่ว ต้องการให้การแย่งชิงอำนาจของแคว้นว่านโซ่วเป็นไปโดยชอบธรรม
“หุบเขาอมตะตกต่ำลงจริงๆ แล้วรึ?” ในเวลานี้เอง แม้แต่สำนักต่างๆ ที่สนับสนุนหุบเขาอมตะอย่างมั่นคงถึงกับกังวลใจยิ่งนัก เมื่อเห็นหุบเขาอมตะยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว
“ฟ่านเมี่ยวเจินหลบหนีเข้าไปในบริเวณที่ลึกเข้าไปของยอดเขาสูงสุด ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก คุณชายหุยชุนได้ติดตามขึ้นไปบนยอดเขาสูงสุดนั้นแล้ว ปิดเส้นทาหนีของฟ่านเมี่ยวเจินไว้ และทางเข้ายอดเขาสูงสุดก็ถูกระดับบรรพบุรุษของแคว้นว่านโซ่วปิดกั้นเอาไว้ การจับกุมตัวฟ่านเมี่ยวเจินให้ได้นั้นเกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น” ในขณะที่ผู้คนกำลังมีจิตใจที่หวาดผวายิ่ง ทางเรือนโอสถได้มีผู้ที่ปล่อยข่าวใหม่ล่าสุดออกมา เพื่อสร้างบารมีของแคว้นว่านโซ่วให้ยิ่งใหญ่ขึ้น
“เกรงว่าสถานการณ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว หุบเขาอมตะตกต่ำลงแล้วจริงๆ” ระดับผู้อาวุโสพึมพำออกมาด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด
“นักพรตฉางเซินเสียชีวิตแล้ว สมควรตั้งแคว้นว่านโซ่วขึ้นแทน” ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาสำนักต่างๆ ที่หันไปพึ่งพิงแคว้นว่านโซ่วยังส่งเสียงร้องจอแจออกมาไม่หยุด เมื่อเห็นว่าแคว้นว่านโซ่วดั่งพระอาทิตย์ที่ขึ้นอยู่กลางหาว พวกเขาทำเช่นนี้เพื่อเพิ่มบารมีให้กับแคว้นว่านโซ่ว และปลุกความกล้าของตนให้เพิ่มมากขึ้น
“นักพรตฉางเซินเสียชีวิตแล้ว สมควรตั้งแคว้นว่านโซ่วขึ้นแทน!” คำขวัญทำนองนี้ดังก้องไปทั่วเรือนโอสถ ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่อาจสงบลงได้
“แค่มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้นเอง!” ท่ามกลางเสียงเอะอะที่ร้องออกมาร้อนรนยิ่งนัก ปรากฏเสียงเอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงเอ้อระเหยที่ฟังสบายๆ ดังไปทั่วเรือนโอสถ
“ณ พิธีเซ่นไหว้ข้าจะเด็ดศีรษะผู้ทรยศทั้งหมดแล้วแขวนเอาไว้บนยอดเขาสูงสุด เพื่อเซ่นไหว้ปรัชญาเมธี” เสียงที่เอ้อระเหยนี้แม้ไม่ดังกังวานมากนัก แต่ก็ดังกระจายไปทั่วเรือนโอสถ และเข้าไปอยู่ในรูหูของทุกคนได้ชัดเจนอย่างยิ่ง
พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา เทียบกับคำพูดที่พูดกันจอแจสนับสนุนการช่วงชิงอำนาจของแคว้นว่านโซ่วไม่รู้ว่าพาลกว่ากี่เท่าตัว พูดขึ้นมาตรงๆ ว่าจะเด็ดหัวของศัตรู เป็นการดูแคลนต่อแคว้นว่านโซ่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเรียกว่าโอหังยิ่งนัก หมางเมินทั่วหล้า ตัวข้าเท่านั้นที่เป็นใหญ่เพียงผู้เดียว
พลันที่คำพูดอันธพาลเช่นนี้ถูกพูดออกมา ทำเอาทั่วทั้งเรือนโอสถเงียบสงัดยิ่งนัก แม้แต่พวกสำนักต่างๆ ที่ร้องเอะอะโวยวายก่อนหน้าก็นิ่งเงียบในทันที
มีผู้ที่ฟังแล้วจดจำเสียงนี้ได้ ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “เขาคือศิษย์พี่ใหญ่ของหุบเขาอมตะ ศิษย์ลำดับที่หนึ่งของนักพรตฉางเซิน”
“ศิษย์ลำดับที่หนึ่งของนักพรตฉางเซิน ในที่สุดหุบเขาอมตะได้แสดงท่าทีออกมาแล้ว” ระดับบรรพบุรุษถึงกับพึมพำขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่า ด้านของชื่อเสียงแล้ว ศิษย์ลำดับที่หนึ่งผู้นี้เทียบไม่ได้กับคุณชายหุยชุน กระทั่งเทียบไม่ได้กับฟ่านเมี่ยวเจิน แต่ท่าทีของศิษย์ลำดับที่หนึ่งที่เพิ่งปรากฏออกมาในขณะนี้กลับดูไม่ธรรมดา จะอย่างไรเสีย ชื่อของศิษย์ลำดับที่หนึ่งของนักพรตฉางเซินหาใช่เรื่องล้อเล่น การที่เขาพูดเช่นนี้ออกมา ย่อมเป็นการบ่งบอกถึงการเป็นตัวแทนที่แสดงถึงท่าทีของหุบเขาอมตะ
ก่อนหน้านั้นบรรดาสำนักที่หันไปพึ่งพาแคว้นว่านโซ่วที่ร้องเอะอะไม่หยุด และพูดคำขวัญทำนอง ‘นักพรตฉางเซินเสียชีวิตแล้ว สมควรตั้งแคว้นว่านโซ่วขึ้นแทน’ แต่ทว่า เมื่อหลี่ชิเย่ได้พูดคำพูดที่พาลเช่นนี้ออกมาแล้ว บรรดาสำนักต่างๆ เหล่านี้ก็หุบปากลงทันที
ต่อให้หุบเขาอมตะตกต่ำเสื่อมลงจริงๆ แต่มันก็คือสายตรงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เป็นสำนักที่สืบทอดมาจากเซียนโอสถโดยตรง ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หุบเขาอมตะได้ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะมาเป็นระยะเวลานานนับไม่ถ้วน ฐานะของหุบเขาอมตะได้หยั่งรากลงไปลึกมาก ฐานะเช่นนี้ไม่สามารถสั่นคลอนภายในเวลาอันสั้นได้อยู่แล้ว
“ผู้ทรยศ สมควรตาย!” จังหวะที่บรรดาผู้ร้องเอะอะนิ่งเงียบลงนั้น เสียงที่แก่หง่อมเสียงหนึ่งได้ดังก้องทั่วเรือนโอสถ โดยพูดขึ้นมาช้าๆ ว่า “ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ มีเพียงหุบเขาอมตะเท่านั้นที่เป็นผู้นำ ผู้ก้าวล่วง ทุกคนมีสิทธิ์สังหารได้!”
เสียงที่แก่หง่อมนี้ก็ดังก้องไปทั่วเรือนโอสถ ทั้งยังหนักแน่นมีพลังอย่างยิ่ง
“ตันหวัง ท่านผู้อาวุโสฟงนั่นเอง…” ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ภายในเรือนโอสถรู้สึกสะดุ้งในใจ เมื่อได้ยินเสียงที่แก่หง่อมเสียงนี้
“สำนักไป่ตันยืนหยัดสนับสนุนหุบเขาอมตะ” นาทีนี้ทุกคนต่างได้สติและพึมพำขึ้นมา
“ตันหวังสนับสนุนหุบเขาอมตะจริงๆ นะเนี่ย” ก่อนหน้านั้นบางคนต่างได้ยินมาบ้างแล้ว ได้ยินมาว่าตันหวังฟงเซี่ยวเฉินนำพาสำนักไป่ตันแสดงความจงรักภักดีต่อศิษย์ลำดับที่หนึ่ง เวลานี้ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินแสดงท่าทีต่อหน้าทุกคน สิ่งนี้เชื่อถือได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
“จะอย่างไรเสียหุบเขาอมตะก็คือผู้กุมอำนาจระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะของพวกเรา จะอย่างไรเสียก็คือสายตรง” เมื่อระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิเห็นตันหวังเป็นตัวแทนของสำนักไป่ตันให้การสนับสนุนหุบเขาอมตะแล้วก็ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด
ขณะเดียวกัน ในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสะดุ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายในใจของบรรดาสำนักต่างๆ ที่หันไปพึ่งพิงแคว้นว่านโซ่วเหล่านั้นรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
ถ้าหากไม่ไปคำนึงถึงหุบเขาอมตะล่ะก็ อาศัยด้านกำลังทหารแล้ว แคว้นว่านโซ่วถือเป็นอันดับที่หนึ่ง เช่นนั้นแล้วสำนักไป่ตันก็มีสิทธิ์เป็นอันดับที่สอง
เวลานี้ เมื่อสำนักไป่ตันสนับสนุนหุบเขาอมตะอย่างแข็งขัน ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว กำลังของค่ายหุบเขาอมตะย่อมไม่อาจดูแคลนได้อีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นตันหวังคบหาผู้คนทั่วหล้า ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษของพรรคหยางหมิง หรือว่าระดับอมตะของจูเซียงหวู่ถิงต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกับตันหวัง หากตันหวังก้าวออกมาย่อมไม่สามารถดูแคลนพลังคำเรียกร้องของเขาได้ ซึ่งมีผลกระทบที่ทรงพลังมาก
การที่ตันหวังสนับสนุนหุบเขาอมตะเต็มที่ พลันทำให้บรรดาสำนักต่างๆ ที่ยืนหยัดยืนอยู่ข้างฝ่ายของหุบเขาอมตะเหมือนมีความมั่นใจมากขึ้น
“พี่ฟง โลกเปลี่ยนไป เหตุการณ์สุดจะคาดเดาได้ ระวังคำพูดนะ” จังหวะที่ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินแสดงตนให้การสนับสนุนเต็มที่นั้น ในเรือนโอสถปรากฏเสียงหนึ่งดังยึ้น เจ้าของเสียงเป็นผู้เฒ่าที่องอาจห้าวหาญและชาญฉลาด สวมชุดนักรบ ท่าทีที่หมางเมินต่อเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินสะเทือนจิตของผู้คน ท่วงท่าที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวทำให้ผู้คนต้องเคารพยำเกรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...