แท่นโอสถตั้งอยู่ในบริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปในเรือนโอสถ มันถูกสร้างขึ้นบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ยอดเขาแห่งนี้มีความสูงเป็นหมื่นจ้าง และตัวของแท่นโอสถถูกสร้างอยู่บนยอดเขาสูงสุด มันมีพื้นที่ที่กว้างขวางยิ่งนัก
ขณะที่มองจากระยะห่างไกล ยอดเขาอันเป็นสถานที่ตั้งแท่นโอสถก็คล้ายดั่งเป็นต้นหลินจือขนาดยักษ์ต้นหนึ่ง แม้ว่าภูเขาลูกนี้จะใหญ่และหนามีความสูงเป็นหมื่นจ้าง เมื่ออยู่ภายใต้แท่นโอสถที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารแล้ว มันก็แลดูเหมือนเป็นก้านขนาดเล็กของเห็ดหลินจือเท่านั้น ขณะที่แท่นโอสถตั้งอยู่บนส่วนที่เป็นหมวกบนก้านของเห็ดหลินจือ
ความใหญ่โตมโหฬารของแท่นโอสถเรียกได้ว่าจุคนได้เรือนแสน มีความกว้างขวางใหญ่โตยิ่งนัก เล่าลือกันว่า แท่นโอสถแห่งนี้ในครั้งนั้นไม่เพียงเป็นสถานที่ที่เซียนโอสถอาศัยเป็นที่ปรุงกลั่นยาเม็ดและโอสถเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เซียนโอสถยังได้อาศัยสถานที่แห่งนี้บัญชาการทั่วหล้า ควบคุมจักรวาล
ด้วยเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่มีการจัดพิธีเซ่นไหว้บูชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็จะจัดขึ้นที่นี่ เป็นการประกาศอำนาจของหุบเขาอมตะ และประกาศว่าหุบเขาอมตะคือสายตรงที่สืบทอดกันมา กุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ บัญชาการทั่วหล้า
เมื่อยืนอยู่บนแท่นโอสถแล้วเงยหน้ามองขึ้นไป ก็จะเห็นกลุ่มของภูเขาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า กลุ่มของภูเขาแต่ละลูกที่ลอยล่องอยู่ตรงนั้นแลดูอลังการยิ่งนัก โดยเฉพาะกับยอดเขาที่สูงที่สุดทะลุท้องฟ้ายิ่งเป็นที่ตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง เหมือนว่าเซียนโอสถได้ทิ้งร่องรอยที่ไม่สามารถลบเลือนได้ในครั้งนั้นเอาไว้ตรงนี้
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีผู้เรียกขานกลุ่มภูเขาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหล่านี้ว่ายอดเขาบรรพบุรุษ และก็มีคนเรียกว่ายอดเขาเก็บสมุนไพรเนื่องจากในครั้งนั้นเซียนโอสถได้หลบอยู่ในกลุ่มภูเขาเหล่านี้เพื่อเก็บสมุนไพร
วันนี้ พิธีการเซ่นไหว้จะจัดให้มีขึ้น ณ ที่ตรงนี้ ทำให้แท่นโอสถกลับกลายเป็นคึกคัก และเข้มงวดอย่างยิ่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักเข้มงวดนี้เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของการฆ่าฟัน
ด้านนอกของแท่นโอสถมีบันไดหินทอดยาวจากตีนเขาตรงขึ้นไปถึงด้านบนของแท่นโอสถ แต่ว่า ในขณะนี้ขั้นบันไดมียอดฝีมือแต่ละคนที่เฝ้ารักษาการอยู่ โดยยอดฝีมือทั้งหมดล้วนแล้วแต่มาจากกองทัพมังกรเงินของแคว้นว่านโซ่ว เสื้อเกราะสีเงินบนตัวของพวกเขาส่งประกายแวบวับ เสมือนดั่งเป็นงูสีเงินที่บินว่อนท่ามกลางแสงตะวัน
ด้านหน้าสุดของแท่นโอสถมีการจัดวางบัลลังก์กษัตริย์อยู่ตัวหนึ่ง ปรกติแล้วมีเพียงผู้ที่ดำเนินการจัดพิธีเซ่นไหว้เท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้นั่ง ซึ่งว่ากันตามคุณสมบัติแล้วโดยปรกติผู้ที่จะนั่งบนบัลลังก์กษัตริย์ตัวนี้คือนักพรตฉางเซิน ซึ่งถือเป็นตัวแทนของหุบเขาอมตะที่บัญชาการทั่วหล้า กุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
ถัดจากบัลลังก์กษัตริย์ซ้ายขวาได้จัดวางเก้าอี้ไท่ซืออยู่แถวหนึ่ง ที่นั่งเหล่านี้มีฐานะสูงส่ง เป็นที่นั่งที่ทางแคว้นว่านโซ่วจัดเตรียมไว้สำหรับผู้แทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ในแดนลัทธิพรรษ ซึ่งที่นั่งลักษณะเช่นนี้ในปีที่ผ่านๆ มาไม่เคยมีมาก่อน เวลานี้ทางแคว้นว่านโซ่วกลับจัดที่นั่งให้กับผู้แทนจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ ที่มาร่วมพิธี และต้องการยืมมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิต่างๆ มาแสดงถึงความชอบธรรมในการยึดอำนาจของพวกเขา
ด้านตรงข้ามกับบัลลังก์กษัตริย์เป็นที่นั่งที่จัดวางเป็นแถว ขนาดสูงต่ำเป็นระเบียบ เป็นที่นั่งที่จัดเตรียมไว้สำหรับสำนักและแคว้นเจ้าลัทธิ ตระกูลขุนนางโบราณที่มีอันดับของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้นั่ง
ระหว่างที่พิธีเซ่นไหว้ยังไม่เริ่ม บรรดาสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็ทยอยมีผู้เดินทางมาเข้านั่งประจำที่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่สนับสนุนหุบเขาอมตะ หรือฝ่ายสนับสนุนแคว้นว่านโซ่ว ก็ได้มาเข้านั่งประจำที่แต่วัน เนื่องจากสงครามแย่งชิงอำนาจในครั้งนี้ไม่ว่าใครก็หลบเลี่ยงไม่พ้น เพียงแต่ฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะหรือพ่ายแพ้เท่านั้น
หลังจากที่ยอดฝีมือของแต่ละสำนักได้เข้านั่งประจำที่แล้ว ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีท่าทีที่หนักแน่น กระทั่งผู้คนจำนวนมากได้ตระเตรียมอาวุธพร้อมสรรพเอาไว้แล้ว เนื่องจากทุกคนต่างก็รู้ว่า เพียงพิธีเซ่นไหว้เริ่มต้นขึ้น การต่อสู้ถึงขั้นตายไปข้างหนึ่งจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่ากองทัพมังกรเงินของแคว้นว่านโซ่วจะทำการปิดล้อมแท่นโอสถเอาไว้ทั้งหมดอย่างแน่นหนา แต่ไม่ได้ขัดขวางบรรดาสำนักต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนต่อหุบเขาอมตะเข้าร่วมพิธี จะอย่างไรเสียหากแคว้นว่านโซ่วต้องการกุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ก็จะต้องสยบสำนักต่างๆ ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะให้ได้
ดังนั้น ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าในระหว่างประกอบพิธีเซ่นไหว้ก็จะเป็นโอกาสที่แคว้นว่านโซ่วจะได้สำแดงกำลังทหารของตน และไม่เป็นที่สงสัยว่ามันคือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการอวดแสนยานุภาพของตน ขอเพียงพวกเขามีกำลังที่กล้าแข็งอย่างเพียงพอ จะต้องสยบบรรดาสำนักที่ให้การสนับสนุนต่อหุบเขาอมตะให้พวกเขาหันมาพึ่งพาพวกตน
หลังจากที่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากเข้านั่งประจำที่แล้วล้วนมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง บรรยากาศฆ่าฟันดูมีมากเป็นพิเศษ
มีผู้ที่เงยหน้าขึ้นมอง มองเห็นยอดเขาเก็บสมุนไพรที่เหมือนแขวนอยู่บนท้องฟ้านั้น บริเวณปากทางเข้าบันไดหินของยอดเขาสูงสุดนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ กระบี่เล่มหนึ่งวางอยู่บนตัก หลับตาพักผ่อนกายา การนั่งอยู่ที่ตรงนั้นของเขาเสมือนดั่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง พลังกระบี่ที่น่ากลัวตลบอบอวลไปทั่วกลุ่มของภูเขากลุ่มนั้น
ขณะที่กลุ่มภูเขาของยอดเขาเก็บสมุนไพรนั้นถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เสมือนดั่งมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ขอเพียงมีผู้ที่หลบซ่อนอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกเช่นนี้แล้ว เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถพบเห็นได้
ด้านล่างสุดของยอดเขาเก็บสมุนไพรซึ่งเป็นบริเวณปากทางเข้าสู่ภูเขาลูกนี้ มองเห็นระดับบรรพบุรุษของแคว้นว่านโซ่วได้นำยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งเฝ้ารักษาการณ์อยู่ ไม่ให้ผู้ใดเข้าไปใกล้
“ศิษย์พี่ฟ่านหลบเข้าไปอยู่ในยอดเขาเก็บสมุนไพร” มีศิษย์ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่กล่าวเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
คุณชายหุยชุนนำยอดฝีมือของแคว้นว่านโซ่วก่อการกบฏขึ้นกะทันหัน คุมตัวศิษย์ของหุบเขาอมตะ และศิษย์ของสำนักอื่นๆ เอาไว้ ฟ่านเมี่ยวเจินที่เป็นผู้ดำเนินการจัดงานสู้ไม่ได้ ต้องหนีและเข้าไปอยู่ภายในยอดเขาเก็บสมุนไพร โดยหลบเข้าไปอยู่ท่ามกลางขุนเขาที่ปกคลุมด้วยเมฆาไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด
ขณะที่คุณชายหุยชุนก็อาศัยกำลังหักหาญเข้าไปในยอดเขาเก็บสมุนไพรโดยลำพัง โดยก้าวขึ้นไปตามบันไดหินทีละขั้นๆ แม้ว่าพลังสยบของยอดเขาเก็บสมุนไพรจะทรงพลังมากอย่างยิ่ง แต่ท้ายที่สุดเขาก็สามารถขึ้นไปจนถึงยอดเขา แต่กลับไม่พบร่องรอยของฟ่านเมี่ยวเจิน
“คุณชายหุยชุนนับว่ายอดเยี่ยมมาก เข้าไปในยอดเขาเก็บสมุนไพรด้วยการก้าวขึ้นบันไดหินไปทีละขั้นๆ ไม่เสียทีที่เป็นหนึ่งในสามคุณชาย มิน่าเล่าทุกคนต่างพูดว่าเขามีโอกาสได้ครอบครองราชันแท้จริง” ระดับผู้อาวุโสของตระกูลขุนนางโบราณที่มองเห็นคุณชายหุยชุนซึ่งเฝ้าอยู่ที่ยอดเขาแล้วกล่าวทอดถอนใจออกมา
“คุณชายหุยชุนครอบครองตำแหน่งราชันแท้จริง จะนำพาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก้าวสู่โชติช่วงชัชวาลย์ นำพาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรือง ปราศจากผู้ต่อกร ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ที่พักพิงสุดท้ายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็คือแคว้นว่านโซ่ว มีเพียงแคว้นว่านโซ่วเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะที่ตกต่ำได้” ศิษย์สำนักเจ้าลัทธิที่หันไปพึ่งพาแคว้นว่านโซ่วถึงกับกล่าวด้วยความภูมิใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...