“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นมาไม่ขาดสาย จากการกวาดล้างไปทั่วของฟงเซี่ยวเฉิน ยอดฝีมือของกองทัพมังกรเงินจำนวนหลายพันคนถูกบดขยี้ทำลาย ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งตั้งเป็นค่ายกลรบ
เวลานี้ เลือดสดๆ ไหลนองจนแดงฉานไปทั่วแท่นโอสถ ยอดฝีมือของกองทัพมังกรเงินจำนวนมากถูกซัดจนตกเขาไปโดยตรง
สุดท้าย ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น เตายักษ์ดั่งภูผาที่หอบเอาพลังหนึ่งแสนห้าหมื่นตันพุ่งเข้าหากษัตริย์แคว้นว่านโซ่ว ดวงตาทั้งสองของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วเพ่งตรงไปข้างหน้า เมื่อต้องเผชิญกับเตาที่มีขนาดยักษ์เช่นนี้พุ่งชนเข้ามา เขาเองก็ไม่กล้าประมาทกำลังของฟงเซี่ยวเฉิน
เสียงตึงดังขึ้น จังหวะที่เตาขนาดยักษ์กำลังจะพุ่งเข้าชนกษัตริย์แคว้นว่านโซ่วอยู่นั้น มือขนาดยักษ์ข้างหนึ่งที่ดั่งภูผาปิดพื้นที่ทั้งหมดและปะทะเข้ากับเตาขนาดยักษ์นั่น จัดการผลักเตาขนาดยักษ์นั้นกลับไปภายใต้หนึ่งฝ่ามือ ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง ฝ่ามือยักษ์ได้ฝากรอยฝ่ามืออยู่บนเตาขนาดยักษ์นั้น
ผู้ลงมือมีความแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ตัดสินแข็งแกร่งและด้อยกว่ากันไป ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับเย็นวาบขึ้นมา
เพียงชั่วพริบตาเดียว มองเห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้างของกษัตริย์แคว้นว่านโซ่ว ขณะที่ดวงตาทั้งสองของผู้เฒ่ามองไปรอบๆ ดูมีอำนาจสูงสุด ต่อให้มีราชันแท้จริงอยู่ ณ ที่ตรงนี้ก็ไม่กล้าประมาทกำลังของเขา
“เฮ่าจ้านเหล่าจู่…” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะต่างผวาจนหน้าถอดสี เมื่อได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับบรรพบุรุษก็รู้สึกเย็นวาบในใจ
ผู้ที่รับรู้ถึงเฮ่าจ้านเหล่าจู่ ไช่ต้าเหว่ยผู้นี้ ต่างรู้สึกสะท้านขึ้นภายในใจ เขาเป็นบุคคลที่เคียงคู่กับตันหวัง คือหนึ่งในสองยอดบรรพบุรุษของแดนลัทธิพรรษในยุคนี้
กำลังของเฮ่าจ้านเหล่าจู่เมื่อเทียบกับตันหวังฟงเซี่ยวเฉินแล้วมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่า เขาคือระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้า กระทั่งมีผู้กล่าวว่าเขาได้ครอบครองขั้นอมตะแล้ว
เทพแท้จริงขั้นสาวรรค์ชั้นเก้านับว่าเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่หวาดหวั่นและเคารพยำเกรงของผู้คนยิ่งนัก เนื่องจากเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นเก้านั้นมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะท้าประลองกับราชันแท้จริงชั้นต้นได้ ซึ่งจุดนี้หาใช่เทพแท้จริงขึ้นสู่สวรรค์ ขั้นต้นสามารถเทียบเคียงกับเขาได้
“พี่ฟง โปรดระงับความโกรธ ใยต้องถือสากับผู้เยาว์เล่า” เฮ่าจ้านเหล่าจู่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเสมือนดั่งภูเขาสูงลูกหนึ่งที่ไม่สามารถปีนข้ามไปได้ มีคุณธรรมสูงส่งดั่งภูเขาสูงที่ได้แต่แหงนมอง เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คน
จะอย่างไรเสีย ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินมีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วหล้า มีฐานะที่สูงส่งมาก ซึ่งในระดับที่สูงมากพอเป็นเพราะเขาสามารถปรุงกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะที่ปราศจากผู้ต่อกร หากอาศัยทักษะยุทธแล้ว เขาไม่สามารถเทียบกับเฮ่าจ้านเหล่าจู่ได้เลย
“ไช่ต้าเหว่ย การที่ท่านเป็นพวกเดียวกับแคว้นว่านโซ่วเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลย เดินผิดก้าวเดียว ทำให้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาชั่วชีวิตถูกทำลายสิ้น” แม้เฮ่าจ้านเหล่าจู่จะแข็งแกร่งมากกว่าตน แต่ฟงเซี่ยวเฉินก็เรียกชื่อของเขาตรงๆ
“แค่ลางเนื้อชอบลางยาเท่านั้นเอง” เฮ่าจ้านเหล่าจู่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ “พี่ฟง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะอ่อนแอมานานมากแล้ว สมควรต้องมีการฟื้นฟูด้วยการปลุกเร้าจิตใจให้ฮึกเหิม มิฉะนั้นแล้ว ตัวของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ และอ่อนกำลังลง”
“บอกได้แต่เพียงว่าท่านน่ะคึกมากเกินไปแล้ว” ฟงเซี่ยวเฉินกล่าวเฉยเมยว่า “ธาตุแท้ภายในของหุบเขาอมตะไหนเลยเป็นสิ่งที่ท่านสามารถจินตนาการได้ เคล็ดกระบี่ที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องอาศัยกระบี่ที่คมกริบ แต่ขึ้นอยู่กับการบำเพ็ญเพียรของแต่ละคน การปกครองโดยหลักนิรกรรมไม่ได้หมายถึงอ่อนแอ โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่กลายเป็นเถ้าธุลีไป และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่สามารถสืบทอดดำรงอยู่ตลอดกาล”
“ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว” เฮ่าจ้านเหล่าจู่จ้องมองดูฟงเซี่ยวเฉินด้วยท่าทีหนักแน่จริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เห็นแก่มิตรภาพที่คบหากันมาในอดีต ข้าขอเตือนพี่ฟงคำหนึ่ง ฟี่ฟงและสำนักไป่ตันอย่าได้เข้ามายุ่งจะดีกว่า พลังอำนาจบางอย่างหาใช่สิ่งที่พี่ฟงสามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว เวลานี้หากพี่ฟงถอนตัวยังทัน มิฉะนั้นล่ะก็ เกรงว่าจะทำให้พี่ฟงต้องเสียชีวิต”
“ถ้าเช่นนั้นยิ่งทำให้ข้าสนใจมากขึ้นแล้ว” ฟงเซี่ยวเฉินหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าล้มลุกคลุกคลานอยู่ในยุทธภพมายาวนาน ที่ทำให้ข้ากลัวจริงๆ มีอยู่ไม่กี่คน หากจะมีประเภทอภินิหารสูงสุดอะไรทำนองนั้นล่ะก็เข้ามาได้เลย ไม่ว่าเวลาไหนสำนักไป่ตันของข้าก็จะร่วมเป็นร่วมตายกับหุบเขาอมตะ นี่แหละคือท่าทีของพวกเราในฐานะชนรุ่นหลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ”
คำพูดของฟงเซี่ยวเฉินหนักแน่นจริงจัง จิตใจที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมยิ่งใหญ่ ทำให้บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างสะดุ้งในใจ
“ในเมื่อพี่ฟงตัดสินใจเช่นนี้ ข้าก็จนด้วยเกล้า” เฮ่าจ้านเหล่าจู่ทอดถอนใจเบาๆ ออกมา ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นี่จะเป็นการลิขิตว่าท่านกับข้าจะต้องตัดสินชี้ขาดกันในสมรภูมิสู้รบแล้ว”
“ตัดสินชี้ขาดจะเป็นไรไป!” ฟงเซี่ยวเฉินหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “เมื่ออุดมการณ์ต่างกัน ก็อย่าได้คบกันอีกเลย ในเมื่อจากนี้ต่างมีนายคนละคน ก็ตัดสินด้วยความเป็นความตายก็แล้วกัน”
บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองดูฟงเซี่ยวเฉินและเฮ่าจ้านเหล่าจู่ ทุกคนต่างมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินกับเฮ่าจ้านเหล่าจู่ไช่ต้าเหว่ย พวกเขาทั้งสองต่างได้รับการขนานนามว่าเป็นสองบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ ระหว่างพวกเขายังเคยคบหากันมาก่อน แต่มาวันนี้กลับจะต้องจบลงด้วยความเป็นความตาย
ทุกคนถึงกับต้องกลั้นลมหายใจกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ต่างคนต่างคิดกันไปต่างๆ นานา แต่ภายในใจของคนส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่รู้สึกว่าเกรงว่าตันหวังฟงเซี่ยวเฉินจะไม่ใช่คุ่ต่อสู้ของเฮ่าจ้านเหล่าจู่
ถ้าหากพูดถึงเรื่องบารมีและฐานะ โดยเฉพาะในแดนลัทธิพรรษแล้ว เกรงว่าต้องยกให้ตันหวังเป็นหนึ่ง จะอย่างไรเสียเคยมีระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์ กระทั่งถึงขั้นอมตะ ราชันแท้จริงก็เคยเป็นหนี้บุญคุณของตันหวัง โดยเฉพาะเคยมีราชันแท้จริงที่ขอรับยาเม็ดอายุวัฒนะจากตันหวัง
ตันหวังไม่เพียงคบหากับผู้คนทั่วหล้าเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นมีสุดยอดบุคคลจำนวนไม่น้อยที่ติดค้างหนี้บุญคุณของเขา ด้วยเหตุนี้เอง ยามที่มีอันตราย ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริง และหรือขั้นอมตะต่างก็ยินดีช่วยเหลือตันหวังอีกแรงอยู่เสมอๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...