สีหน้าของคุณชายหุยชุนถึงกับเปลี่ยนไป เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า เขามองหลี่ชิเย่อย่างเย้ยหยัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่ขึ้นมาได้อย่างไรกันแน่
“การช่วยเหลือของเจ้าไม่ได้ทันกาลเลยกระมัง” เมื่อฟ่านเมี่ยวเจินมองเห็นหลี่ชิเย่จึงพูดแสดงความไม่พอใจออกมา ทำตาขวางไปทีหนึ่งดั่งเป็นการกระเง้ากระงอด
“ไม่ช้าไม่เร็ว พอดิบพอดี” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง มือขนาดใหญ่คว่ำลง ได้ยินเสียงดังปัง มองเห็นกระบี่สวรรค์แต่ละเล่มที่กักขังฟ่านเมี่ยวเจินเอาไว้แตกละเอียด มือขนาดใหญ่ช้อนเข้าไป พลันอุ้มฟ่านเมี่ยวเจินเข้ามาหา
“อย่าหนีนะ…” คุณชายหุยชุนคำรามเสียงดังเมื่อเห็นหลี่ชิเย่หมายช่วยเหลือฟ่านเมี่ยวเจินไป หนึ่งกระบี่ที่ สำแดงออกไป ประกายกระบี่แทงทะลุหมื่นอาณาจักร ละลานตาอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนถึงกับปวดตาทั้งสองข้าง
“ไสหัวไป…” หลี่ชิเย่ขึ้คร้านจะไปมองด้วยซ้ำ ยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบลงไป ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น กลุ่มภูเขาทั่วทั้งเขาเก็บสมุนไพรพวยพุ่งเป็นประกายขึ้นมา ทันใดนั้นเหมือนว่าพลังทั้งหมดของเขาเก็บสมุนไพรได้มารวมตัวกันอยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่เพียงยกเท้าขึ้นเท่านั้นเอง โดยไม่ได้ใช้พลังอะไร แต่ว่ายามที่เขาวางเท้าลงกลับมีพลังที่น่าสยองขวัญปราศจากผู้เทียบเทียมเหยียบลงไป เหมือนว่าคือคชพลังที่ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ของเขาเก็บสมุนไพร
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น ได้ยินเสียงของประกายกระบี่ที่แตกละเอียด และคุณชายหุยชุนถูกเท้าของหลี่ชิเย่กระทืบจนร่วงลงมาจากเขาเก็บสมุนไพร ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ร่างของคุณชายหุยชุนคล้ายดั่งดาวตกที่พุ่งลงมาจากที่สูงบนท้องฟ้าเข้ากระแทกกับพื้นบนแท่นโอสถอย่างแรง
ได้ยินเสียงแตกละเอียดดังคร๊ากก แท่นโอสถถูกคุณชายหุยชุนชนกระแทกเข้าให้จนกลายเป็นหลุมบ่อขนาดยักษ์ขึ้นมา
ผู้คนที่อยู่บนแท่นโอสถต่างตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นภาพที่หวั่นไหวต่อจิตใจเช่นนี้ ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อมองเห็นคุณชายหุยชุนที่นอนอยู่ในหลุมใหญ่นั่น ทั้งเนื้อทั้งตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
ทุกคนต่างรู้สึกงงงันกับภาพที่เห็น คุณชายหุยชุนคือหนึ่งในสามคุณชายแห่งแดนลัทธิพรรษ และคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งและโดดเด่นมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ กำลังความสามารถอยู่ในระดับครึ่งทางของความเป็นราชันแท้จริงแล้ว ถึงกับถูกหลี่ชิเย่กระทืบตกจากบนท้องฟ้าสูงด้วยเท้าข้างเดียว
ไม่มีใครอยากจะเชื่อภาพที่เห็น เนื่องจากมันเหลือเชื่อจริงๆ ได้ยินเสียงดังช่าาาคุณชายหุยชุนได้ลุกขึ้นมาจากหลุมยักษ์นั้น ดวงตาทั้งสองของเขาเบิกกว้างและไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองถึงกับถูกผู้อื่นอาศัยเท้าข้างเดียวกระทืบจนตกลงมาจากท้องฟ้าสูง
ในขณะที่ทุกคนได้สติกลับมา มองเห็นเงาสายหนึ่งแวบผ่านไป หลี่ชิเย่ได้อุ้มฟ่านเมี่ยวเจินปรากฎตัวขึ้นที่แท่นโอสถแล้ว มองเห็นท่าทางที่เอ้อระเหยของเขาแล้ว เหมือนว่าเขายืนอยู่ที่ตรงนั้นตลอด ไม่ได้ขยับไปไหนเลย
จังหวะที่ทุกคนยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร ร่างของหลี่ชิเย่ได้แวบผ่านไปอีกครั้ง เมื่อทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง เขาก็ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรเสียแล้ว
ขณะที่หลี่ชิเย่นั่งตัวตรงอยู่บนบัลลังก์มังกรนั้น ดูช่างผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ แม้ว่าเขาจะไม่มีท่าทีที่เหนือผู้คน แต่ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าที่นั่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อตัวเขาโดยเฉพาะอย่างนั้น เขานั่นแหละคือคนที่อยู่สูงส่งคนนั้น
ทุกคนพลันรู้สึกเซ่อไปเลย ไม่ใช่เป็นเพราะหลี่ชิเย่ที่นั่งลงบัลลังก์มังกรโดยพลัน แต่เป็นเพราะหลี่ชิเย่ถึงกับสามารถอาศัยเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก้าวข้ามเขาเก็บสมุนไพรได้ เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่หลี่ชิเย่กลับทำให้กลายเป็นจริง เขาไม่เห็นพลังสยบของเขาเก็บสมุนไพรอย่างสิ้นเชิง สามารถก้าวข้ามไปได้อย่างง่ายดาย ภาพนี้ได้ทำให้ดวงตาคู่นั้นของระดับบรรพบุรุษ และยอดฝีมือทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเบิกกว้าง
ถ้าหากว่าหลี่ชิเย่สามารถก้าวข้ามเขาเก็บสมุนไพรไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้จริง มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด กระทั่งมีระดับบรรพบุรุษถึงกับตระหนักแล้วว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
แม้แต่ผู้พเนจรหยางหมิงที่เป็นแขกผู้มีเกียรติก็มีม่านตาที่หดลง ในฐานะที่เป็นผู้แทนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง พวกเขาย่อมมีประสบการณ์กว้างขวาง และพวกเขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
“บังคับควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ!” สายตาของผู้พเนจรหยางหมิงที่เพ่งตรงไปข้างหน้า และเอ่ยขึ้นช้าๆ
คำพูดเช่นนี้เมื่อเข้าหูของทุกๆ คนแล้ว ต่างถึงกับสะดุ้งภายในใจอย่างแรง นี่มันเรื่องใหญ่คับฟ้าเลยนะเนี่ย กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขอเพียงเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ล้วนแล้วแต่รู้ว่าการบังคับควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิบ่งบอกถึงสิ่งใด
“เกรงว่านี่คือการได้รับการยอมรับจากพลังของปฐมบรรพบุรุษ” ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินรู้ฐานะของหลี่ชิเย่ และเข้าใจยิ่งกว่า ถึงกับพิมพำออกมา
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของฟงเซี่ยวเฉินทำให้ผู้คนถึงกับใจหายใจคว่ำ ทุกคนถึงกับปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ก่อนหน้านั้นหลี่ชิเย่ก็เคยบังคับควบคุมสนกระบี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามต้นบรรพบุรุษของหุบเขาอมตะ ซึ่งก็ได้รับการยอมรับของต้นบรรพบุรุษ
เวลานี้ดูท่าหลี่ชิเย่ไม่เพียงได้รับการยอมรับจากต้นบรรพบุรุษเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นยังได้รับการยอมรับจากพลังของปฐมบรรพบุรุษ นั่นเป็นการบ่งบอกว่าหลี่ชิเย่ได้รับการยอมรับจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะทั้งหมด การที่สามารถควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะทั้งหมด เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง เพียงพอที่จะทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะทั้งหมดต้องสั่นเทา
“บังอาจ…” ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วที่ได้สติกลับมาแล้วถึงกับตวาดเสียงดังว่า “บัลลังก์กษัตริย์เช่นนี้ไหนเลยผู้เยาว์อย่างเจ้ามีสิทธิ์ได้นั่ง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...