หลังจากที่กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วถูกเฮ่าจ้านเหล่าจู่ขวางเอาไว้แล้ว ยังคงจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธแค้นอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งสองพ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธออกมา อยากจะฉีกร่างของหลี่ชิเย่ให้มันแหลกละเอียดให้รู้แล้วรู้รอดไป
“ท่านบรรพบุรุษ ขอให้ท่านลงมือสังหารเจ้าเดรัจฉานน้อยนี้ทันที!” ในขณะนี้กษัตริย์แคว้นว่านโซ่วที่ดวงตาพ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธออกมาได้พูดกับเฮ่าจ้านเหล่าจู่
เฮ่าจ้านเหล่าจู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ก้าวเดินออกมา เพ่งสายตาตรงไปยังหลี่ชิเย่ที่อยู่ข้างหน้า เขาได้เตรียมใจเอาไว้แล้วกับการที่เลือกยืนอยู่ข้างฝ่ายของแคว้นว่านโซ่ว มันคือสงครามเลือดที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้
“ตาแก่อย่างข้าไม่เจียมตัว ขอรับการชี้แนะจากฝีมืออันสูงส่งของคุณชาย” เฮ่าจ้านเหล่าจู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ท่าทีหนักแน่นจริงจัง แม้ว่าตัวเขาที่เป็นเทพแท้จริงก้าวขึ้นสู่สวรรค์ที่กำลังจะได้ครอบครองขั้นอมตะแล้ว แต่ยังคงระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง ยังคงไม่กล้าประมาท เนื่องจากศักยภาพของหลี่ชิเย่นั้นเกินเลยกว่าที่เขาได้คาดคิดเอาไว้มากทีเดียว
“ไช่ต้าเหว่ย ข้าขอรับการชี้แนะจากกระบวนท่าอันสูงส่งของเจ้าก็แล้วกัน ไหนเลยต้องถึงมือคุณชายกันเล่า” หลี่ชิเย่ที่เผชิญกับการท้าสู้ของเฮ่าจ้านเหล่าจู่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินได้ก้าวออกมาแล้ว
“พี่ฟง ใช่ว่าข้าดูแคลนเจ้า แม้ว่าวิชาปรุงกลั่นยาเม็ดของเจ้าจะปราศจากผู้ต่อกร แต่ด้านทักษะยุทธเจ้าห่างชั้นกับข้า” เฮ่าจ้านเหล่าจู่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ยังคงให้คุณชายมาเถอะ”
“ข้ารู้” ตันหวังฟงเซี่ยวเฉินยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “สู้กันสักครั้งจะเป็นอะไรไปเล่า? เจ้ามีฝีมือของเจ้า ข้าก็มีอภินิหารของข้า”
ตูมเสียงดังสนั่นขึ้นเสียงหนึ่ง เมื่อฟงเซี่ยวเฉินพูดขาดคำ เขาได้กอดเตากลั่นโอสถเอาไว้เตาหนึ่ง และเตากลั่นโอสถนี้ได้พวยพุ่งเตาไฟโชติช่วงขึ้นมา อีกทั้งยังมีเปลวไฟออกเป็นสีเขียวอีกด้วย
สิ่งนี้ยังไม่ใช่จุดสำคัญที่สุด ที่สำคัญก็คือขณะที่ฟงเซี่ยวเฉินกอดเตากลั่นโอสถเอาไว้นั้น เตากลั่นโอสถได้ปรากฎกลิ่นหอมของโอสถที่ตลบอบอวล ทันใดนั้นเองเสมือนหนึ่งฟงเซี่ยวเฉินได้หลอมรวมกับเตากลั่นโอสถอย่างนั้น ขณะเดียวกัน อายุของฟงเซี่ยวเฉินคล้ายอ่อนลงหลายสิบปีอย่างนั้น ผมเพ้าที่ออกสีขาวถึงกับดำมันเงาขึ้นมา แม้แต่ใบหน้าก็แลดูมีเลือดและพลังลมปราณขึ้นกว่าเดิม เหมือนว่าในชั่วพริบตาเดียวฟงเซี่ยวเฉินได้กลับคืนสู่เป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้ง
“ชุบชีวิตให้เป็นหนุ่มรึ?” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตกใจ เมื่อเห็นฟงเซี่ยวเฉินพลันมีอายุอ่อนลงมากมายเช่นนี้
จะอย่างไรเสียเรื่องความเป็นอมตะเป็นสิ่งที่ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยใฝ่ฝันถึง เวลานี้เมื่อมองเห็นฟงเซี่ยวเฉินเหมือนมีอายุกลับคืนสู่ความเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้ง จะไม่ให้ทุกคนต้องตกใจได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยถึงกับใจเต้นตูมตาม
“พี่ฟงทำเช่นนี้ต้องการต่อสู้ชีเป็นชี้ตายกับข้า ถึงกับนำเอกาลเวลาและอายุขัยมาสู้กับข้า” เฮ่าจ้านเหล่าจู่กล่าวขึ้นเมื่อเห็นฟงเซี่ยวเฉินพลันคล้ายกับอ่อนเยาว์ขึ้นไม่น้อย
“มันก็เหมือนดั่งที่เจ้าพูดเอาไว้ว่า วิชาการต่อสู้ของข้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่วิชาปรุงกลั่นโอสถปราศจากผู้ต่อกร ข้าจึงก้าวข้ามกาลเวลาเป็นร้อยปี อาศัยอายุขัยเล็กน้อยนี้มาเสี่ยงกับเจ้า” ฟงเซี่ยวเฉินถึงกับเอ่ยขึ้นเฉยเมย
ขณะที่ฟงเซี่ยวเฉินงัดเอาอายุขัยกว่าร้อยปีมา ทำให้ตัวของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พริบตาเดียวนั้นเองเขาเสมือนดั่งรวบรวมเอาพลังเป็นร้อยปีมาอยู่ ณ เวลานี้ ทำให้พลังของเขาก้าวขึ้นสู่อีกระดับหนึ่งในฉับพลันทันที
ได้ยินเสียงดังแว้งค์ มองเห็นประกายแต่ละสายที่เบ่งบานออกมา ประกายชนิดนี้ละลานตาอย่างยิ่ง และพร่างพราวยิ่งนัก ประกายทุกๆ สายต่างเบ่งบานสีสันของชีวิตออกมา และประกายทุกๆ สายบานเบ่งเป็นประกายที่สว่างไสวของกาลเวลา เป็นที่สะดุดตาผู้คนอย่างยิ่ง มันเป็นพลังที่บริสุทธิยิ่งนัก เหมือนว่าสามารถฉีกหมื่นยุค ตัดขาดหยินหยาง
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองดูฟงเซี่ยวเฉินที่ลอยล่องท่ามกลางกาลเวลา แม้แต่บุคคลระดับบรรพบุรุษก็ต้องมีท่าทีที่หวั่นเกรง
การรวบรวมกาลเวลาและอายุขัยหาใช่เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ ต่อให้มีผู้ที่แข็งแกร่งถึงระดับที่สามารถรวบรวมกาลเวลาและอายุขัยได้ก็ไม่กล้าทำถลุงใช้มันแบบตามอำเภอใจเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับบรรพบุรุษที่มีอายุมากแล้วยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งมีความล้ำค่าอย่างยิ่ง
แต่ทว่าฟงเซี่ยวเฉินในเวลานี้กลับรวบรวมกาลเวลาเป็นร้อยปี เอากาลเวลาเป็นร้อยปีมาใช้อยู่กับช่วงเวลาช่วงนี้ มันเป็นลักษณะของมือเติบเช่นใด เป็นการบ่งชี้ว่าอายุขัยของของสั้นลงในทันที
สำหรับคนหนุ่มสาวแล้ว การกระทำลักษณะเช่นนี้อาจไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ทว่า กล่าวสำหรับ ระดับบรรพบุรุษอย่างฟงเซี่ยวเฉินแล้วมันเป็นค่าตอบแทนที่น่ากลัวมาก อายุขัยเป็นร้อยปีสำหรับพวกเขาแล้วคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
แต่ว่า นาทีนี้ฟงเซี่ยวเฉินกลับนำมันออกมาได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ได้เกรงกลัวต่อการสูญเสียอายุขัยเป็นร้อยปี ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจกับการกระทำในลักษณะเช่นนี้
นี่แหละคือข้อได้เปรียบที่มากที่สุดของฟงเซี่ยวเฉิน วิชาปรุงกลั่นโอสถของเขานั้นปราศจากผู้ต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเม็ดอายุวัฒนะที่ปรุงกลั่นขึ้นโดยตัวเขา เป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันของผู้คนจำนวนมาก การที่ฟงเซี่ยวเฉินกล้าเสี่ยงด้วยการทุ่มเทอายุขัยเป็นร้อยปี นั่นเป็นเพราะตัวเขาเองมีวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งในการต่ออายุ
สิ่งนี้อย่าว่าแต่เฮ่าจ้านเหล่าจู่ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ วิชาปรุงกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะของฟงเซี่ยวเฉินนับเป็นสุดยอดในหล้าอย่างหนึ่ง การที่เขาจะต่ออายุให้กับตนอีกสักร้อยปีใช่จะเป็นเรื่องยาก
“ตกลง ข้าสู้กับพี่ฟงสักครั้ง” เฮ่าจ้านเหล่าจู่เองก็ไม่กล้าปราะมาทคู่ต่อสู้ เมื่อมองเห็นการรวบรวมกาลเวลาเป็นร้อยปีของฟงเซี่ยวเฉิน ก้าวเดียวก็เหินฟ้าขึ้นไปอยู่เหนือท้องฟ้า
“เช่นนั้นก็สู้กันสักครั้ง” ฟงเซี่ยวเฉินคำรามเสียงยาว พุ่งตัวขึ้นไป ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง เตากลั่นโอสถที่อยู่ในอ้อมกอดพลันกลับกลายเป็นมีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬาร เสมือนหนึ่งเป็นภูเขาลูกยักษ์ลูกหนึ่งทุ่มใส่เฮ่าจ้านเหล่าจู่ด้วยพลังมหาศาล
“มาได้จังหวะ” เมื่อเฮ่าจ้านเหล่าจู่เห็นฟงเซี่ยวเฉินอาศัยเตากลั่นโอสถพุ่งชนเข้ามาก็คำรามเสียงยาวเช่นกัน ค้อนยักษ์ในมือที่ส่งประกายดาราแวววับ ปังหนึ่งค้อนที่ทุบจนอากาศว่างเปล่าแตกละเอียด ทุกเข้าไปที่เตากลั่นโอสถอย่างแรง ขณะที่ค้อนยักษ์ทุบลงไปนั้น ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปังขึ้นมา ภายใต้หนึ่งค้อนช่องว่างแตกละเอียด แม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังต้องส่งเสียงดังซ่าาา ซ่าาา
ระหว่างที่เสียงตูมดังขึ้น อาวุธทั้งสองได้เข้าปะทะกัน สะเก็ดไฟปลิวกระจาย ทุกๆ สะเก็ดไฟที่แตกกระจายออกมาล้วนแล้วแต่สามารถหลอมละลายอากาศที่ว่างเปล่าได้ มีความพาลเป็นยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...