“เฮ่อ ด้วยมาตรฐานเพียงเท่านี้ก็คิดจะชิงบัลลังก์แย่งอำนาจ แคว้นลักษณะเช่นนี้หากไม่เป็นเพราะความร้อนขึ้นสูงจนสมองเสื่อม ก็คือผู้คนของแคว้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นพวกสมองพิการ ไม่มองเลยว่าศัตรูของตนเองนั้นเป็นใคร ลำพังอาศัยกำลังเพียงแค่นี้ก็คิดจะสั่นคลอนธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง นี่มิใช่มดสั่นคลอนต้นไม้รึ?” หลี่ชิเย่เอ่ยด้วยท่าทีเสียใจในจังหวะที่หุ่นยักษ์มังกรเงินกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายกับมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์อยู่บนท้องฟ้า
เวลานี้หลี่ชิเย่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนบัลลังก์กษัตริย์ ที่พาลยิ่งกว่าก็คือศีรษะของเขาหนุนอยู่บนตักของมู่หย่าหลันโดยตรง ขณะที่ฟ่านเมี่ยวเจินในเวลานี้ได้ปอกเปลือกองุ่นเซียนที่ดุจดั่งอัญมณีป้อนเข้าปากของเขาทีละลูกๆ ส่วนฉินซาวเย่ากำลังต้มปรุงชาอยู่เคียงกับอาหารว่างที่ยอดเยี่ยม เป็นการเสพสุขอย่างที่สุด
นอนหนุนตักโฉมตรู มือควบคุมจักรวาล วิจารณ์เรื่องสำคัญของแคว้น ชีวิตคนเราก็เพียงเท่านี้
ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้แล้วต่างไม่รู้ว่าจะหาคำอะไรมาเปรียบเปรยกับสภาพของจิตใจในขณะนี้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เคยสมัครรักใครในตัวมู่หย่าหลันมาก่อน ยิ่งเรียกได้ว่าภายในใจสับสนจนไม่อาจสงบลงได้
นี่มันสามอนงค์แห่งหุบเขาอมตะนะเนี่ย ผู้คนจำนวนมากมายเท่าไรที่หลงใหลตั้งแต่แรกพบ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องมัวเมา แต่เวลานี้พวกนางทั้งสามกลับปรนนิบัติหลี่ชิเย่พร้อมกัน วาสนาทางความรักเช่นนี้ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่แสวงหาชั่วชีวิตก็ไม่ได้มา
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าตอบโต้ กลับจะทำให้ทุกคนตกอยู่ในห้วงของการนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่คิดว่าหุบเขาอมตะตกต่ำลงแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าหุบเขาอมตะไม่สามารถต้านทานแคว้นว่านโซ่วได้อีกต่อไป แต่นึกไม่ถึงก็คือ เวลานี้มีศิษย์ลำดับที่หนึ่งที่คล้ายดั่งปีศาจโผล่ออกมา ก็สามารถจัดการทรมานกองทัพมังกรเงินที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนจะเป็นจะตายอยู่เนี่ย
ปัง ปัง ปังเสียงโจมตีกันและกันดังขึ้น มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์และหุ่นยักษ์มังกรเงินต่อสู้พันตูกันบนท้องฟ้า โจมตีกันจนตะวันจันทราต้องอับแสง
ในขณะนี้ บนตัวของมนุษย์เถาวัลย์ยักษ์มีส่วนที่ถูกโจมตีจนทะลุและหรือฉีกขาดอยู่ไม่น้อย แต่ยังคงเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและยิ่งสู้ยิ่งมีความดุดันมากยิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกับหุ่นยักษ์มังกรเงินที่องอาจห้าวหาญและครองความได้เปรียบอยู่กลับมีท่าทีของพลังที่อ่อนลง
จะอย่างไรเสียตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงินขนาดใหญ่โตมโหฬารขับเคลื่อนโดยลมปราณ พลัง และศิลาแกร่งที่ฝังเลี่ยมอยู่บนตัวชุดเกราะของสมาชิกของกองทัพมังกรเงินทุกคน เมื่อทอดเวลาเนิ่นนานออกไป ไม่ว่าจะเป็นลมปราณ หรือพลังของพวกเขาก็ต้องสิ้นเปลืองไป ขณะที่มนุษย์เถาวัลย์ยักษ์กลับแตกต่าง มันได้รับการปกป้องจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พลังชีวิตมีไม่ขาดสาย ใช้อย่างไรก็ไม่มีหมด
“เปิดค่ายกล…” ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กองทัพมังกรเงินไม่อาจไม่งัดเอาไพ่ตายขึ้นมา พวกเขาคำรามเสียงก้อง เสียงนี้พลันดังก้องไปทั่วเรือนโอสถ และดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
จังหวะที่เสียงคำรามของกองทัพมังกรเงินจบลง แคว้นว่านโซ่วซึ่งตั้งอยู่ในที่ที่ห่างไกลมาก ภายในพระราชวังของพวกเขา บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่านทะลุเมฆาลูกนั้น ได้ยินเสียงดังสนั่นแว้งค์ดังขึ้น แท่นขนาดสูงใหญ่ได้ปรากฏขึ้นมา
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง บนแท่นสูงใหญ่นั้นได้รวบรวมประกายแสงที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ ประกายแสงที่ไม่มีสิ้นสุดนี้สว่างไสวมากกว่าแสงสว่างของดวงดาวจำนวนล้านล้านดวงที่รวมตัวกันเสียอีก และมีความละลานตามากกว่า ประกายแสงเช่นนี้คล้ายดั่งเป็นเพชรที่ส่องประกายได้เจิดจ้ามากที่สุด ส่องสว่างไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
จี๊ด…เสียงที่แหวกอากาศเสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นเอง บนแท่นสูงใหญ่ได้พวยพุ่งพลังคลื่นกระแทกขนาดเล็กเท่าเส้นด้ายสายหนึ่งออกมา โดยพลังคลื่นกระแทกขนาดเล็กเท่าเส้นด้ายสายนี้พลันก้าวข้ามฟ้าดิน ทะลุผ่านมิติกาลเวลา ยิงจากยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ราชวงศ์ของแคว้นว่านโซ่วมายังตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงินที่อยู่ ณ เรือนโอสถโดยตรง
พลังคลื่นกระแทกขนาดเล็กเท่าเส้นด้ายที่ละลานตายิ่งสายนี้เมื่อยิงใส่บนตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงินนั้น ได้ยินเสียงดังคร๊ากกเสียงหนึ่ง มองเห็นแผ่นหลังของหุ่นยักษ์มังกรเงินเปิดออกเป็นช่องขนาดเล็ก ภายในช่องขนาดเล็กมีวังวนอยู่ และวังวนนั้นก็ได้รับเอาพลังคลื่นกระแทกสายนี้เอาไว้
ตูม ตูม ตูม…หลังจากที่หุ่นยักษ์มังกรเงินได้รับเอาพลังคลื่นกระแทกขนาดเล็กเท่าใยไหมแล้วนั้น ร่างของมันพลันปะทุพลังขึ้นมา เสียงตูมดังสนั่น พลังที่รุนแรงปราศจากผู้ต่อกรพลันกระจายออกไปทุกทุศทุกทาง พุ่งโจมตีต่อฟ้าดิน
ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงินได้พวยพุ่งประกายสีเงินออกมาอย่างไม่มีขีดจำกัด อีกทั้งยังได้ปรากฏวงแหวนศักดิ์สิทธิ์วงแล้ววงเล่าขึ้นมา ยามที่วงแหวนแต่ละวงดันออกไปเสมือนดั่งโลกๆ หนึ่งที่หมุนเปลี่ยนทดแทน ทันใดนั้น หุ่นยักษ์มังกรเงินเสมือนหนึ่งมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในครอบครองอย่างนั้น
“นี่มันคืออะไรกันแน่…” ทุกคนหันมองไปยังแคว้นว่านโซ่ว มองไปยังสถานที่ที่พลังคลื่นกระแทกพวยพุ่งออกมาจากระยะห่างไกล
มองเห็นแท่นสูงใหญ่ที่ปรากฏอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นส่งประกายแวบวับ เนื่องจากระยะห่างมากเกินไปคนทั่วไปจะมองได้ไม่ชัดเจน แต่ระดับเทพแท้จริงเปิดเนตรฟ้าแล้วมองออกไป มองเห็นที่ตรงนั้นเป็นแท่นสูงใหญ่ที่ฝังเลี่ยมเต็มไปด้วยศิลาแกร่ง
แท่นดังกล่าวมีขนาดที่ใหญ่โตมาก รูปร่างของมันเป็นรูปแอ่งกระทะ เกรงว่าแท่นลักษณะเช่นนี้มีขนาดของพื้นที่เป็นล้านหมู และแท่นที่สูงใหญ่เช่นนี้มีการฝังเลี่ยมศิลาแกร่งเต็มไปหมด อีกทั้งศิลาแกร่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เริ่มต้นจากระดับเทพแท้จริง ซึ่งไม่จำนวนไม่น้อยที่เป็นศิลาแกร่งระดับราชันแท้จิรง กระทั่งระดับอมตะอยู่ด้วย
ในขณะนี้ศิลาแกร่งที่ฝังเลี่ยมอยู่กับแท่นรูปแอ่งกระทะทั้งหมดล้วนแล้วแต่พวยพุ่งพลังออกมา พวกมันต่างรวมศูนย์เป็นจุดเดียว สุดท้ายภายใต้การขับเคลื่อนของค่ายกลและกลายเป็นพลังคลื่นกระแทกแต่ละสาย แล้วพลังคลื่นกระแทกแต่ละสายนี้ได้ก้าวข้าพันล้านลี้ยิงใส่ตัวของหุ่นยักษ์มังกรเงิน เป็นการเพิ่มพลังให้กับหุ่นยักษ์มังกรเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังของหุ่นยักษ์มังกรเงินเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งในพริบตาเดียว
“ยอดเยี่ยมมาก” ระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณถึงกับกล่าวด้วยความประทับใจว่า “ขอเพียงกองทัพมังกรเงินยังคงอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ พลังคลื่นกระแทกเช่นนี้ก็สามารถเพิ่มพลังให้กับกองทัพมังกรเงินอย่างต่อเนื่องไม่มีขาดทุกที่ทุกเวลา มิน่าเล่ากองทัพมังกรเงินถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
“นับว่ามีกำลังทรัพย์ที่แข็งแกร่งมากโดยแท้ ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากไม่สามารถเทียบเคียงได้” มองดูศิลาแกร่งจำนวนนับพันนับหมื่นที่ฝังเลี่ยมเต็มพื้นที่ของแท่นรูปแอ่งกระทะแล้ว ทั้งยังเป็นศิลาแกร่งระดับเทพแท้จริงขึ้นไป ทำให้เทพแท้จริงผู้นี้มองด้วยความทอดถอนใจออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...