หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อต้องเผชิญกับการท้ารบของหุ่นมังกรเงินยักษ์ เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “เห็นทีข้าไม่รับคำท้าก็คงไม่ได้แล้วล่ะ และคนอื่นก็คงไม่ยอมละเว้นข้า”
“ถูกต้อง วันนี้ในปีหน้าก็คือวันครบรอบวันตายของเจ้า!” หุ่นมังกรเงินยักษ์กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับหัวเราะและเอ่ยถามกับฟ่านเมี่ยวเจินว่า “นังหนู เจ้าลองว่ามาซิ ข้าสามารถล้มเขาลงได้ภายในกี่กระบวนท่า?”
ฟ่านเมี่ยวเจินถึงกับกะพริบตา ท่าทางทะเล้นเม้มปากยิ้มและกล่าวว่า “อภัยน้องที่หาญกล้าทายทักนิดหนึ่ง อาศัยอานุภาพที่ไร้เทียมทานของศิษย์พี่ใหญ่ น้องรู้สึกว่าภายในสิบกระบวนท่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องล้มเขาลงได้แน่นอน”
หุ่นมังกรเงินยักษ์พลันมีสีหน้าที่ดำคล้ำ แน่นอนที่สุด เดิมการรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวของกองทัพมังกรเงินทั้งกองทัพก็ทรงพลังอย่างยิ่งอยู่แล้ว เวลานี้ยังได้รับการสนับสนุนจากพลังกระแทกรุนแรงและเป็นจังหวะจากแคว้นว่านโซ่ว ฟ่านเมี่ยวเจินถึงกับพูดกับหลี่ชิเย่ว่าสามารถล้มพวกเขาได้ภายในสิบกระบวนท่า เป็นการดูแคลนต่อพวกเขามากเหลือเกิน
“สิบกระบวนท่า?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
“หรือว่าน้องทายผิดอย่างนั้นรึ?” ดวงตาคู่นั้นของฟ่านเมี่ยวเจินเบิกกว้างมาก มือที่อ่อนนุ่มทาบลงบนอกที่อวบอิ่มเย้ายวนใจผู้คนและกล่าวด้วยความตระหนกว่า “หรือว่า ศิษย์พี่ใหญ่สามารถล้มเขาได้ภายในห้ากระบวนท่า? ศิษย์พี่ใหญ่ ท่าน ท่านอย่าทำให้น้องตกใจ”
ท่าทางของฟ่านเมี่ยวเจินในเวลานี้ดูเหมือนน่าสงสารยิ่ง ทำให้รู้สึกน่าทะนุถนอมอย่างยิ่ง และเย้ายวนใจยิ่งนัก
“ห้ากระบวนท่า?” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าออกจะให้ความสำคัญพวกมันเกินไปแล้ว มันเป็นเพียงหุ่นกระบอกที่ถูกชักใยตัวหนึ่งเท่านั้นเอง แค่เศษเหล็กกองหนึ่งเท่านั้น ใช่เป็นระดับอมตะแท้จริงเสียเมื่อไหร่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง อาศัยธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะพวกเรา แค่กระบวนเท่าเดียวก็เล่นงานมันจนคลานอยู่กับพื้นแล้ว!”
“หนี่งกระบวนท่า…” ไม่เพียงแต่คนอื่นๆ แม้แต่ฟ่านเมี่ยวเจิน มู่หย่าหลันพวกนางทั้งสามต่างก็ใจหายใจคว่ำ นัยน์ตาคู่นั้นเบิกกว้างมาก โดยเฉพาะฟ่านเมี่ยวเจินนางรู้ว่าหลี่ชิเย่นั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึงอยู่แล้ว แต่หากจะบอกว่าล้มหุ่นมังกรเงินยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าภายในกระบวนท่าเดียว พวกนางไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไร จะอย่างไรเสียมันมีความยากที่สูงมากเหลือเกิน
“หนี่งกระบวนท่า…” ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ไม่เชื่อเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ หนึ่งกระบวนท่าล้มหุ่นมังกรเงินยักษ์ตรงหน้าที่อยู่ในสภาพเช่นนี้? มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสยองขวัญเพียงใด เกรงว่าสิ่งนี้ได้ล้ำหน้าระดับอมตะทั่วไปเสียแล้ว ซึ่งเป็นระดับอมตะที่ดำรงอยู่ในฐานะที่น่าสยองขวัญอย่างยิ่งแล้ว กระทั่งมีผู้คาดเการณ์ว่า ถ้าหากสามารถล้มหุ่นมังกรเงินยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าได้ภายในหนึ่งกระบวนท่าจริงล่ะก็ ต่อให้เป็นระดับราชันแท้จริงก็ต้องไม่ใช่ราชันแท้จริงระดับต้นแล้ว
“หนี่งกระบวนท่า!…” แม้แต่ผู้พเนจรหยางหมิงเมื่อได้ยินคำพูดที่พาลและไร้เหตุผลเช่นนี้ ถึงกับมีประกายตาที่แวบวับทีหนึ่ง
“หนี่งกระบวนท่า?…เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นระดับราชันแท้จริงหกลัคนาขึ้นไป” ผู้แทนของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแห่งหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่เชื่อในคำพูดของหลี่ชิเย่ถึงกับส่ายหน้า และรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่อวดดีเหลือเกิน
“วาจาสามหาวมาก แค่กระบวนท่าเดียวก็ล้มเขาได้ คิดว่าตัวเองเป็นราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรจริงๆ รึ?” ยอดฝีมือที่หันไปพึ่งพาแคว้นว่านโซ่วย่อมไม่เชื่อคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“สามารถทำได้จริงๆ รึ? หุ่นมังกรเงินยักษ์ตรงหน้าที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ เรียกได้ว่าอานุภาพไร้ขีดจำกัด” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของหุบเขาอมตะยังคงสงสัยในคำพูดของหลี่ชิเย่ รู้สึกว่าความน่าจะเป็นต่ำเกินไป
หุ่นมังกรเงินยักษ์ถูกคำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอาโกรธจนตัวสั่น คำพูดเช่นนี้ใช่เพียงแค่ดูแคลนต่อพวกเขาเท่านั้น มันเป็นการทำให้กองทัพมังกรเงินต้องอับอายอย่างยิ่งชัดๆ
“ผู้เยาว์ หากเจ้าสามารถล้มข้าได้ภายในหนึ่งกระบวนท่า ข้าจะหันหลังกลับทันที นับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่ก้าวออกจากแคว้นว่านโซ่วแม้เพียงครึ่งก้าว” หุ่นมังกรเงินยักษ์ร้องกล่าวด้วยเสียงอันดังออกมา
“เจ้าไร้เดียงสาเหลือเกิน มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เสียดาย พวกเจ้าไม่มีโอกาสแม้แต่จะหนีไป ถูกลิขิตเอาไว้แล้วต้องตายอยู่ที่นี่”
“ไสหัวลงมารับความตายเสีย จะให้เจ้าร่างกายแหลกเหลวอย่างแน่นอน” หุ่นมังกรเงินยักษ์โกรธจัด อดที่จะร้องเสียงดังออกมาด้วยความโกรธ
“ตกลง ในเมื่อเจ้ารีบร้อนลงนรกขนาดนี้ข้าก็จะสงเคราะห์เจ้า” หลี่ชิเย่ลุกขึ้นมาช้าๆ จากนั้นทำท่าบิดขี้เกียจ ดูท่าทางเหมือนน่าเบื่อหน่ายอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้มีบรรยากาศของการสู้รบครั้งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเอาเสียเลย
“เฮ่อ ทำไม่นะคำพูดของข้าจึงไม่มีใครเชื่อเล่า ทั้งๆ ที่ข้าพูดไปตามความเป็นจริงแท้ๆ กลับจะมีคนเข้าใจว่าข้าคุยโตโอ้อวดเสียอย่างนั้น” หลี่ชิเย่ส่ายหน้ารู้สึกเสียใจกับสิ่งนี้
เวลานี้ หลี่ชิเย่ก้าวเดินลงมาจากข้างบน ลัคนาถูกเปิดออกและได้ยินเสียงดังแว้งค์เสียงหนึ่ง ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ปรากฎขึ้นมา กลิ่นอายดึกดำบรรพ์ทิ้งตัวลงมา เสมือนหนึ่งปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก
บนต้นดึกดำบรรพ์ปรากฏติดผลอยู่ผลหนึ่ง ลักษณะคล้ายลูกสน มันคือผลสัจธรรมลูกสนผลแรกของหลี่ชิเย่นั่นเอง
“นั่นมันอะไร?” ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นของหลี่ชิเย่คืออะไร เนื่องจากที่แดนสามเซียนฝึกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการฝึกพลัง ขณะที่หลี่ชิเย่ริเริ่มสร้างระบบการฝึกที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นนิรันดร์ ไม่มีผู้ใดรับรู้มาก่อน และไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
“เอาเถอะ วันนี้จะให้พวกเจ้าได้รู้จักว่าอะไรที่เรียกว่าปราศจากผู้ต่อกร และให้พวกเจ้าที่เป็นจอมวางแผนคิดชิงบัลลังก์ได้รู้ว่าธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะลึกล้ำแค่ไหนกันแน่” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
หลี่ชิเย่ก้าวเดินลงมาจากบัลลังก์กษัตริย์ ก้าวเท้าเข้าไปยังแท่นโอสถ ทันใดนั้นเอง ผลสัจธรรมลูกสนสั่นไหวทีหนึ่ง ขณะที่ผลสัจธรรมลูกสนสั่นไหวนั้น เสมือนหนึ่งสัจธรรมทั้งหมดทั่วฟ้าดินก็สั่นไหวเช่นกัน
ทันใดนั้นเองเหมือนได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น เสียงนี้ดังกังวานคล้ายเป็นเสียงของกระดิ่งลม ท่ามกลางเสียงที่ดังกังวานของกระดิ่งลมนั่นเอง ผลสัจธรรมลูกสนได้สั่นสะเทือนนำเอาสัจธรรมทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ และฐานเต๋าเข้าไปอยู่ภายในผลสัจธรรมลูกสน และเข้าใจในความลึกซึ้งยอดเยี่ยมทั้งหมดโดยพลัน
ทำให้สัจธรรมง่ายขึ้น นี่แหละคือความยอดเยี่ยมพิสดารมากที่สุดของผลสัจธรรมลูกสน ภายใต้ผลสัจธรรมลูกสนลักษณะเช่นนี้ แม้ว่าปล่อยให้เมล็ดสัจธรรมเม็ดหนึ่งร่วงหล่นลงมาตามอารมณ์ ก็สามารถกลับกลายเป็นต้นกำเนิดสัจธรรมแห่งหนึ่งได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัจธรรม สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่า แค่ผลสัจธรรมลูกสนผลหนึ่งก็ได้รวมเอาสัจธรรมทุกๆ สัจธรรมบนโลกกระทั่งทั่วฟ้าดินเอาไว้ภายใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...