คู่ดวงตาของว่านโซ่วเหล่าจวินก็สามารถส่องสว่างโลกธาตุได้แล้ว การนั่งอยู่ที่ตรงนั้นของเขาส่งผลกระทบไปทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ นาทีนี้ไม่รู้ว่ามีสรรพสิ่งมีชีวิตที่บังเกิดมโนภาพว่า ว่านโซ่วเหล่าจวินในขณะนี้ได้ควบคุมหมดทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะไปแล้ว
การเกิดมโนภาพลักษณะเช่นนี้ก็ไม่นับว่าแปลก เนื่องจากผู้ที่แข็งแกร่งจนถึงระดับเช่นว่านโซ่วเหล่าจวินนั้น ต่อให้เขาไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ใน ‘ตำราอมตะ’ ก็ต้องบรรลุเคล็ดวิชาจำนวนมากที่เซียนโอสถได้ทิ้งเอาไว้ ดังนั้น เมื่อว่านโซ่วเหล่าจวินนั่งอยู่บนท้องฟ้าสูงเด่นจึงทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขานั่นแหละที่เป็นศูนย์กลางของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะในฉับพลันทันที ไม่ใช่หุบเขาอมตะ
“คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใส…” เวลานี้สายตาของว่านโซ่วเหล่าจวินคล้ายมองมาที่หลี่ชิเย่ ต่อให้เขาอยู่ห่างจากหลี่ชิเย่ไกลถึงล้านล้านลี้ แต่ว่า เวลานี้นาทีนี้เหมือนว่าเขากำลังอยู่ตรงหน้าหลี่ชิเย่เอง และเหมือนอยู่ตรงหน้าของทุกๆ คนอย่างนั้น อำนาจบารมีสยบสายนั้นได้ลอยเข้ามาปะทะใบหน้า
“มีศักยภาพอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่ยืนเอามือไพล่หลัง ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับเทพแท้จริงขั้นอมตะก็ยังคงเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้สึกตื่นตระหนกแต่อย่างใด ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “นับว่ามีบุคคลที่มีระดับปรากฎออกมาคนหนึ่งแล้ว ข้าสามารถอุ่นเครื่องได้แล้วล่ะ”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ทุกคนต้องงงงัน ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่ถูกทำให้เซ่อไปในทันทีเมื่อได้ยินชื่อของว่านโซ่วเหล่าจวิน กระทั่งตกใจจนก้มกราบลงกับพื้นไม่มีความกล้ากระทั่งเงยหน้าขึ้นมา อย่างไรก็ตามหลี่ชิเย่กลับไม่ถือเอาว่านโซ่วเหล่าจวินเป็นเรื่องสำคัญอะไร
“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะไม่ได้ปรากฏอัจฉริยะบุคคลเช่นนี้มานานแล้ว ถึงกับสามารถควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ สามารถบรรลุถึงสัจธรรมที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมของปฐมบรรพบุรุษได้ ด้วยสัจธรรมคุณธรรมเช่นนี้แม้แต่บุคคลรุ่นก่อนก็อยากจะเทียม เยี่ยมมาก” ว่านโซ่วเหล่าจวินเอ่ยขึ้นช้าๆ
แม้แต่ว่านโซ่วเหล่าจวินยังกล่าวชื่นชมหลี่ชิเย่ถึงเพียงนี้ พลันทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะต้องใจหายใจคว่ำ คนที่สามารถควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้ เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่น่ากลัวเพียงใด มิน่าเล่าสามารถเป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่ง และสามารถสืบทอดตำแหน่งของหุบเขาอมตะได้
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่ง ศิษย์คนหนึ่งต่อให้ทักษะยุทธของตัวเขาเองจะไม่แข็งแกร่งอย่างเพียงพอ แต่ถ้าหากว่าเขาสามารถควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิๆ หนึ่งได้ นั่นก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกร! อย่างน้อยที่สุดสามารถเกรียงไกรเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน
ศิษย์ลักษณะเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่มีจำนวนน้อยมากถึงน้อยที่สุด ถ้าหากว่ามีศิษย์ลักษณะเช่นนี้สักคน ย่อมบ่งบอกว่าสติปัญญาของศิษย์ผู้นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง อนาคตไร้ขีดจำกัด
“แค่พอใช้ได้เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มออกมาตามอารมณ์
แน่นอนที่สุด ว่านโซ่วเหล่าจวินยังคงมองถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของหลี่ชิเย่ไม่ขาด ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของหลี่ชิเย่ไม่ได้อยู่ที่เขาได้ควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ แต่อยู่ที่ผลสัจธรรมลูกสนลูกนั้นของเขา ผลสัจธรรมลูกสนเป็นตัวที่ทำให้สัจธรรมง่ายและไม่ซับซ้อน นี่แหละคือส่วนที่เป็นแกนหลักของมัน ไม่ใช่ว่าหลี่ชิเย่ได้ควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะเอาไว้
“คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใส อนาคตไร้ขีดจำกัด เจ้าเพียงขาดเวลาที่ใช้ในการตกผลึกนิดหนึ่งเท่านั้น มิฉะนั้นล่ะก็อนาคตต้องได้เป็นราชันแท้จริงอย่างแน่นอน สามารถแซงล้ำหน้าคนรุ่นก่อน ไม่แน่นักอาจมีโอกาสได้เป็นถึงระดับปฐมบรรพบุรุษ” สายตาคู่นั้นของว่านโซ่วเหล่าจวินที่สาดส่องไปยังหลี่ชิเย่ เหมือนมองหลี่ชิเย่จนทะลุปรุโปร่งแล้วอย่างนั้น
คำพูดของว่านโซ่วเหล่าจวินเรียกว่ามีน้ำหนักมาก เขาอยู่ในฐานะเคยเป็นผู้บ่มเพาะราชันแท้จริงมาก่อน ราชันแท้จริงเป่าโซ่วก็คือศิษย์ของเขา แม้แต่เขายังยอมรับในตัวของหลี่ชิเย่ ย่อมจินตนาการได้ว่าพลังแฝงของหลี่ชิเย่ช่างน่ากลัวเพียงใด
เวลานี้ไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่รู้สึกอิจฉา สามารถได้รับการยอมรับเช่นนี้จากว่านโซ่วเหล่าจวิน ย่อมเป็นเกียรติยศสูงสุดอย่างแน่นอน และเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งในอนาคต
“แต่ความเป็นไปของสถานการณ์ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้ มันเป็นกระแสนิยม และเป็นโชคชะตา” ว่านโซ่วเหล่าจวินจ้องมองหลี่ชิเย่แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจะต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน ข้าเองก็ทะนุถนอมผุ้มีฝีมือ เห็นแก่ปรัชญาเมธีเจ้าบอกให้หุบเขาอมตะยอมจำนนเสีย มอบอำนาจออกมา ข้ารับประกันหุบเขาอมตะอยู่เป็นสุขตลอดกาล”
คำพูดนี้ของว่านโซ่วเหล่าจวินดูเรียบเฉย แต่หนักแน่นจริงจังมาก และเปี่ยมด้วยอำนาจบารมี ในเมื่อเขากล้ารับประกันเช่นนี้ ย่อมสามารถให้หุบเขาอมตะสงบสุขและปลอดภัย จะอย่างไรเสียด้วยฐานะที่สูงส่งยิ่งของเขา คำพูดที่พูดออกมาก็เสมือนดั่งกฎทองคำข้อบัญญัติหยก
“ถ้าหากข้าไม่ล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
“ถ้าหากไม่ เช่นนั้นแล้วหุบเขาอมตะก็จะกลายเป็นเถ้าธุลีไป สถานการณ์ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะจะต้องเปลี่ยนผู้ครองอำนาจ ใครก็ขวางไม่อยู่” ว่านโซ่วเหล่าจวินกล่าวขึ้นช้าๆ
“มีความมั่นใจมากพอ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “คำพูดเช่นนี้ทำให้ข้าคันไม้คันมือ ข้ากลับอยากลองว่าใครสามารถขวางทางของข้าได้”
ว่านโซ่วเหล่าจวินส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้ามีความยอดเยี่ยมโดยแท้จริง โดยเฉพาะสามารถบังคับควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ มีกายอมตะในครอบครอง ด้วยศักยภาพเช่นนี้เพียงพอให้เจ้าเกรียงไกรไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เสียดายทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกำลังภายนอก ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ เจ้าไม่สามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ เว้นแต่เจ้าสามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะได้อย่างแท้จริง จึงจะทำให้เจ้ายืนอยู่ในจุดที่ไม่มีพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
“ดูเหมือนคำพูดนี้จะมีเหตุผล” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เป็นความจริง การควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมจะทำให้มีพลังที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ในครอบครอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...