ว่านโซ่วเหล่าจวินเพียงมีท่าทีที่เย็นชาเท่านั้นเองกับคำพูดของหลี่ชิเย่ แววตาของเขาเย็นเยียบ…เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เสียดาย จะอย่างไรเสียทักษะยุทธของเจ้าก็มีขีดจำกัด เจ้าเองก็ไม่ใช่ปฐมบรรพบุรุษ ลำพังอาศัย ‘โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีต’ ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ และช่วยหุบเขาอมตะไม่ได้”
พลันที่กล่าวขาดคำ มือใหญ่ของว่านโซ่วเหล่าจวินทำท่าเหมือนดึง ดึงเอาโลกขึ้นมาโลกหนึ่ง คล้ายดึงเอาฟ้าดินขึ้นมาอีกหนึ่ง
เสียงตูม…ดังสนั่น พริบตาเดียวนั้นเอง มองเห็นเหมือนมีโลกๆ หนึ่งที่ค่อยๆ ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ จริงๆ ที่ตรงนั้นมีพลังยิ่งใหญ่ที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุด มีพลังที่น่าเกรงขามไม่มีสิ้นสุด ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น ประกายราชันแต่ละสายที่เบ่งบาน เหมือนส่องสว่างไปทั่วทั้งโลก
เวลานี้โลกในลักษณะเช่นนี้ปรากฏร่างเงาที่มีรูปร่างสูงใหญ่สามร่าง พวกมันล้วนแล้วแต่เปล่งอานุภาพราชันที่อยู่เหนือสวรรค์ออกมา ดุจดั่งพวกเขาสามารถปกครองหมื่นแดนอย่างนั้น
“ราชันแท้จริง…” มีผู้ร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อได้เห็นร่างเงาที่สูงใหญ่ทั้งสามนี้แล้ว
“ธาตุแท้ภายในที่ราชันแท้จริงทั้งสามของแคว้นว่านโซ่วได้ทิ้งเอาไว้ มันคือจิตที่ยึดติดอย่างหนึ่ง” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิผู้หนึ่งกล่าวด้วยความตระหนก
แคว้นว่านโซ่วได้เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงสามคน และเคยฝากชื่อเสียงที่โด่งดังเอาไว้ การที่สำนักแห่งหนึ่งมีราชันแท้จริงถึงสามคน จึงไม่อาจโทษแคว้นว่านโซ่วที่มีใจทะเยอทะยานไปท้าทายหุบเขาอมตะ มีความทะเยอทะยานไปแย่งชิงอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
เสียงตูมดังสนั่น พริบตาเดียวนั่นเอง ว่านโซ่วเหล่าจวินได้รับการเพิ่มพลังจากร่างเงาทั้งสามของราชันแท้จริง โดยเฉพาะร่างเงาราชันแท้จริงเป่าโซ่วที่อยู่ตรงกลางยิ่งดูเหมือนจริงมาก และเปล่งอานุภาพราชันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมา
ราชันแท้จริงเป่าโซ่วคือศิษย์ของว่านโซ่วเหล่าจวิน เวลานี้เมื่อจิตที่ยึดติดของราชันแท้จริงเป่าโซ่วเพิ่มพลังให้กับว่านโซ่วเหล่าจวินนั้น ย่อมไม่ต้องสงสัยที่สามารถเข้ากันได้ดีกว่าในฐานะที่เป็นศิษย์กับอาจารย์
แว้งค์…เวลานี้ร่างของว่านโซ่วเหล่าจวินดูจะส่งประกายละลานตายิ่งขึ้นกว่าเดิม พริบตาเดียวนั่นเองร่างทั้งร่างของว่านโซ่วเหล่าจวินถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางประกายราชันสูงสุด และพลังของเขาได้รับการเพิ่มสูงขึ้นอย่างยิ่งในทันใด
เสียงตูมดังสนั่นเสียงหนึ่ง นาทีนี้เองว่านโซ่วเหล่าจวินที่ควบคุมวงล้อยักษ์อยู่ ได้ทำให้วงล้อยักษ์หมุนอย่างบ้าคลั่งยิ่งขึ้น ยามที่มันหมุนด้วยความเร็วสูงมาก ดูไปแล้วเหมือนมันได้หยุดนิ่งไปอย่างนั้น
ขณะที่วงล้อยักษ์หมุนด้วยความเร็วสูงนั้น หลุมดำก็ทำความเร็วได้ถึงขีดสูงสุดเช่นกันในทันที ได้ยินเสียงดังตูม ภายใต้การยื้อยุดของหลุมดำ พลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะถูกดึงให้ไหลไปยังหลุมดำด้วยความเร็วที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
“เปิด…” จากการที่ว่านโซ่วเหล่าจวินส่งเสียงคำรามเสียงดัง ตามติดด้วยเสียงแว้งค์ที่ดังขึ้น ลำแสงดำมืดที่พุ่งโจมตีเข้ามาพลันมีขนาดเพิ่มขึ้นเท่าตัว
เสียงปังดังสนั่น จังหวะที่พลังลำแสงแห่งความมืดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น โล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีตต้านทานการพุ่งโจมตีของมัน ท่ามกลางเสียงดังสนั่นดังปังโล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีตพลันแตกละเอียดไปทันที เศษชิ้นส่วนที่พราวพร่างจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ
ทันใดนั่นเอง ลำแสงแห่งความมืดที่มีขนาดเขื่องหอบเอาพลังที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้าพุ่งเข้าโจมตีหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีที่ทำลายฟ้าดิน จังหวะที่กำลังพุ่งถึงตัวหลี่ชิเย่ในพริบตาเดียวนั้น ได้ยินเสียงตูมดังสนั่น ปรากฎประกายที่เจิดจ้าละลานตาได้ระเบิดขึ้นมา ทันใดนั้นเองทั่วทั้งโลกเสมือนหนึ่งตาบอดสนิทไปแล้วอย่างนั้น
“จบกัน…” ทุกคนที่อยู่บนแท่นโอสถต่างขวัญหนีดีฝ่อกันหมด เมื่อมองเห็นลำแสงแห่งความมืดพุ่งโจมตีถึงตัวของหลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่นึกไม่ถึงว่าลำแสงแห่งความมืดจะมีอานุภาพแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ฉับพลันที่เพิ่มพลังอย่างบ้าคลั่งถึงกับโจมตีทำลายโล่เซียนเทพอัคคีย้อนอดีตจนแหลกละเอียด ดูจะพาลมากเกินไปแล้ว
ทุกคนต่างรู้สึกหวาดผวา ขณะที่ลำแสงแห่งความมืดที่ปราศจากผู้ต่อกรพุ่งโจมตีใส่หลี่ชิเย่ ทุกคนต่างเข้าใจว่าคราวนี้หลี่ชิเย่คงต้องกลายเป็นจุณแล้ว ไม่เพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่กลายเป็นจุณ แม้แต่ตัวแท่นโอสถเองก็ต้องถูกทำลายไป ขณะที่ทุกคนบนแท่นโอสถก็ยากจะรอดพ้นเคราะห์กรรมไปได้ ในเวลานี้มีผู้คิดจะหลบหนีไป แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว
“จบสิ้นแล้ว…” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ คิดว่าภายใต้การพุ่งโจมตีเช่นนี้ตัวเองก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที
ดังนั้น พริบตาเดียวนี้เอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหลับตารอความตาย ต่างคาดการณ์ถึงวินาทีที่ตนเองต้องกลายเป็นเถ้าธุลีตอนนั้น
แต่ทว่า ไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่ช้าไปหนึ่งจังหวะอย่างนั้น ดังนั้น จึงมีผู้ที่ได้สติกลับมาหลังจากผ่านไปครู่เดียว
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…ผู้คนจำนวนมากได้ก้มมองดูตนเองหลังจากได้สติกลับมา พบว่าตนเองนั้นไม่ได้มีส่วนไหนที่เสียหายแม้แต่เส้นขนสักเส้น ถึงกับดีใจอย่างยิ่ง
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นหลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น ไม่ได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปอย่างที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้ อีกทั้งลำแสงแห่งความมืดได้พุ่งโจมตีใส่ตัวของเขาแต่ไม่สามารถสังหารหลี่ชิเย่ได้
เมื่อทุกคนมองดูให้ละเอียดอีกครั้ง มองเห็นประกายที่ไม่มีจำกัดบานเบ่งขึ้นมาจากบริเวณหน้าอกของหลี่ชิเย่ เสมือนดั่งมีคัมภีร์วิเศษถูกเปิดขึ้นบริเวณหน้าอกของหลี่ชิเย่อย่างนั้น สุดยอดบทคัมภีร์สูงสุดถูกจารึกลงบนตัวของหลี่ชิเย่
‘คัมภีร์อมตะ’ มีผู้ที่ร้องเสียงดังออกมาเมื่อมองเห็นคัมภีร์อมตะที่ปรากฏบนหน้าอกของหลี่ชิเย่ รู้ว่านี่คือสุดยอดพลังสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
ไม่ถูก…เมื่อทุกคนมองดูให้ละเอียดอีกครั้ง พบว่าไม่ได้เป็นเพียง ‘คัมภีร์อมตะ’ ง่ายดายเช่นนั้น เนื่องจากทั่วทั้งตัวของหลี่ชิเย่ ปรากฏประกายสีเขียวไหลรินอยู่ทั่วตัว พริบตาเดียวนั่นเองได้ทำให้ทั่วบริเวณเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา อีกทั้งความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ใช่ว่าจะตลบอบอวลบนตัวของหลี่ชิเย่เท่านั้น แต่ตลบอบอวลไปทั่วหล้า ตลบอบอวลไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิหุบเขาอมตะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...