ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ร่างของหลี่ชิเย่จึงค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลานี้ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ใต้พื้นดินปรากฏลำแสงพุ่งทะลุพื้นดินขึ้นมาเป็นสายๆ และพุ่งไปอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่
หลังจากที่ลำแสงเป็นสายๆ ตกลงไปอยู่ในฝ่ามือของหลี่ชิเย่แล้ว มันค่อยๆ รวมตัวกัน สุดท้ายแล้วไม้บรรทัดวัดสวรรค์ได้กลับไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ ในที่สุด
เวลานี้นาทีนี้ไม้บรรทัดวัดสวรรค์เหมือนมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยทีเดียว ไม่เพียงแต่มีประกายที่สว่างไสวมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีร่องรอยของการกลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาติ เหมือนว่ามันต้องการเปลี่ยนจากสลับซับซ้อนกลายเป็นง่ายๆ อย่างนั้น ต้องการทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นขีดระดับเท่านั้น
หลี่ชิเย่มือกำไม้บรรทัดวัดสวรรค์หลับตาสองข้างลง เสมือนหนึ่งนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น ในเวลานี้ไม้บรรทัดวัดสวรรค์มีลักษณะเหมือนประกายตกกระทบที่กระเพื่อมเป็นวงและส่งประกายระยิบระยับที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ ท่ามกลางประกายนี้คล้ายดั่งได้ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมทุกอย่างเอาไว้
จังหวะที่ไม้บรรทัดวัดสวรรค์จมดิ่งลงใต้พื้นดินนั้น มันก็ได้ทำการตรวจวัดทั่วทั้งเงินทองตกพื้นไปแล้ว แน่นอนที่สุด ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ได้มีไม้บรรทัดวัดสวรรค์ในมือตัวเขาเองก็สามารถตรวจวัดเงินทองตกพื้นจนทั่วด้วยตนเองเช่นกัน ขอเพียงเขาอาศัยหนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดินวัดไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำความเข้าใจในเงินทองตกพื้นได้อย่างถ่องแท้
เพียงแต่ว่าหากมีไม้บรรทัดวัดสวรรค์อยู่ในมือทุกอย่างกลับกลายเป็นไม่เหมือนเดิม มันสามารถช่วยวัดทุกอย่างที่หลี่ชิเย่ต้องการออกมาได้ เป็นการประหยัดแรงและเวลาให้กับหลี่ชิเย่ได้มากทีเดียว
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมา หัวเราะทีหนึ่ง แววตาดูจะลึกล้ำอย่างยิ่ง มองไปยังที่ที่ห่างไกลจากระยะห่างไกล เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ก็ดีเหมือนกัน คนอย่างข้าก็เป็นคนที่มีเหตุมีผลมาก และเป็นคนที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี เช่นนั้นแล้วข้าจะเจรจาด้วยเหตุผลก่อน หากไม่เป็นผลค่อยใช้กำลัง” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา
กล่าวขาดคำหลี่ชิเย่หันหลังจากไปทันที โดยมุ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
เงินทองตกพื้นกว้างขวางใหญ่โตยิ่งนัก พื้นที่ที่กว้างใหญ่ของมันเหนือกว่าระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทุกๆ แห่ง กระทั่งไม่ผู้ใดรู้ระเอียดว่ามันกว้างใหญ่แค่ไหน
ในขณะนี้สถานที่จำนวนมากของเงินทองตกพื้นเต็มไปด้วยผู้คนที่ขวักไขว่ ทุกคนต่างมุ่งหน้าค้นหาที่วิเศษ ทุกคนต่างค้นหาโชควาสนาของตน
“ไป ที่ตรงนั้นมีที่ที่เป็นทางการอยู่ผืนหนึ่ง” ขณะผู้อาวุโสมองไปยังยอดเขาข้างหน้าจากระยะห่างไกลแล้ว ได้นำพาศิษย์ของตนวิ่งเข้าไปทันที
จังหวะที่พวกเขาต่างวิ่งขึ้นไปอยู่บนยอดเขาลูกนี้นั้น ศิษย์ของพวกเขาต่างมองดูไปทั่ว แต่ไม่พบเห็นอะไรที่เป็นพิเศษ
“อาจารย์ อะไรที่เรียกว่าพื้นที่ทางการ?” มีศิษย์ที่ไม่เข้าใจเอ่ยถามขึ้น
“พื้นที่ทางการก็คือสถานที่ที่มีการแจ้งราคาอย่างเปิดเผย นี่แหละเรียกว่าพื้นที่ทางการ” ผู้อาวุโสกล่าวว่า “สถานที่ลักษณะเช่นนี้ขอเพียงเจ้าให้เงินไปก็จะมีโอกาส”
“แล้วที่ที่ไม่ได้แจ้งหรือติดราคาล่ะ?”
“หากไม่มีการติดราคาเป็นที่ชัดเจนเรียกว่าทุ่งกว้างว่างเปล่า ส่วนจะมีราคาเท่าไรนั้นพูดยาก กระทั่งเป็นไปได้ว่าทุ่มเงินไปเป็นจำนวนมากก็ได้แต่ความว่างเปล่า แน่นอน หากเจ้าโชคดีล่ะก็ ไม่แน่นักแค่เหรียญหนึ่งเหรียญก็ทำให้เจ้ารวยล้นฟ้าก็เป็นไป จึงมีผู้คนจำนวนมากที่เสี่ยงกับทุ่งกว้างว่างเปล่าอยู่เหมือนกัน” ผู้อาวุโสอธิบายด้วยความอดทน
“แตกต่างกันอยู่แค่นี้น่ะหรือ?” ผู้เป็นศิษย์ถึงกับเอ่ยขึ้น
“ที่ทางการมีความปลอดภัยมากกว่า ทุ่งกว้างว่างเปล่าอันตรายมากกว่า พูดแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ที่ทางการหมายถึงพื้นที่ผืนหนึ่งที่เงินทองตกพื้นให้มา แม้ว่าจะมีอันตรายอยู่ระดับหนึ่ง แต่เมื่อเปรียบกับทุ่งกว้างว่างเปล่าแล้ว จะมีความปลอดภัยสูงกว่านิดหนึ่ง อีกทั้งโอกาสที่จะหนีก็มีมากขึ้นนิดหนึ่ง” ผู้อาวุโสผู้นี้เอ่ยขึ้น
“พวกเราจะซื้อภูเขาทั้งลูกนี้เอาไว้เลยรึ?” ผู้เป็นศิษย์ถามขึ้นขณะมองดูภูเขาลูกนี้
“ไหนเลยจะมีเงินมากขนาดนั้น พวกเราแค่ซื้อที่ผืนนี้เท่านั้น” ผู้อาวุโสผู้นี้ยืนอยู่บนยอดเขากล่าวและชี้ไปที่ด้านข้างทางด้านตะวันออกของยอดเขาลูกนี้
“แล้วพวกเราจะซื้อด้วยวิธีไหน?” ผู้เป็นศิษย์มองดูด้านข้างที่อยู่ทางทิศตะวันออกแล้วไม่เห็นมีใครสักคน แล้วจะซื้อที่ผืนนี้ได้อย่างไรกัน
“ไม่จำเป็นต้องซื้อกับใคร” ผู้อาวุโสพาผู้เยาว์เดินเข้าไปแล้วชี้ไปที่พื้น และกล่าวว่า “เห็นเครื่องหมายนี้หรือไม่? หากมีเครื่องหมายนี้ก็คือที่ทางการ ทุ่งกว้างว่างเปล่าจะไม่มีเครื่องหมายเช่นนี้”
ผู้เยาว์ต่างทยอยกันมองไปที่พื้น เห็นใต้เท้าของผู้อาวุโสถึงกับมีเครื่องหมายของเงินตราที่เป็นเหรียญทอง โดยที่เครื่องหมายนี้ดูเก่าแก่โบราณมาก ไม่รู้ว่าถูกสลักเอาไว้ตรงนั้นตั้งแต่ยุคสมัยไหน คำว่าสลักถือเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้องนัก ที่ถูกต้องควรจะพูดว่าเป็นการประทับด้วยความร้อน
“ที่ผืนนี้ต้องใช้เงินเท่าไรล่ะ?” ศิษย์อีกผู้หนึ่งที่มองดูเครื่องหมายเหรียญทองนี้แล้วไม่เข้าใจว่ามันคือราคาเท่าไรกันแน่
“แบบนี้ย่อมดูแล้วไม่เข้าใจอยู่แล้ว ยังไม่ได้แสดงราคาออกมาเลย” ผู้อาวุโสส่ายหน้าหัวเราะและกล่าวว่า “มันต้องมีการสอบถามราคากัน” ขาดคำ ได้หยิบเอาเหรียญงขึ้นมาเหรียญหนึ่งแล้วโยนลงไปที่เครื่องหมายดังกล่าว
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่เหรียญถูกโยนใส่เครื่องหมายดังกล่าว มันได้ละลายและหายไปในทันที ตามติดด้วยเสียงดังแว้งค์ขึ้นมาเสียงหนึ่ง เครื่องหมายดังกล่าวได้เปล่งประกายขึ้นมา และแสดงตัวเลขขึ้นมา
“ตาย นี่มันเกินไปแล้ว แค่ถามราคายังต้องใช้เงิน นี่มันงกเงินชัดๆ นะเนี่ย” ศิษย์ผู้หนึ่งรู้สึกไม่น่าเชื่อเลยว่า แม้แต่ถามราคาก็ต้องอาศัยเหรียญ นับว่าเหลือเชื่อเลยจริงๆ
“เงินทองตกพื้นแห่งนี้เป็นสถานที่ที่อาศัยเงินท่องไปได้ทุกแห่ง หากไม่มีเงินแม้เพียงครึ่งก้าวก็ยากจะขยับได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้องการได้ของล้ำค่าแล้ว” ผู้อาวุโสผู้นี้ยิ้มกล่าว
“ต้อง ต้อง ต้องใช้เงินเหรียญระดับวิรบุรุษแท้จริงถึงสามแสนเหรียญ” ศิษย์อีกคนถึงกับพูดติดอ่างขึ้นมาเมื่อมองเห็นตัวเลขที่สัญลักษณ์นั้นได้แสดงออกมา
ทุกคนต่างมองดูสถานที่ตรงนี้ ขนาดของพื้นที่น้อยนิดเช่นนี้แม้แต่สิบหมูก็ไม่ถึง ถึงกับต้องใช้เงินเหรียญระดับวีรบุรุษแท้จริงถึงสามแสนเหรียญ ทำให้บรรดาผู้เยาว์ถึงกับยืนเซ่อ ราคาเช่นนี้ออกจะหลอกขายกันชัดๆ กระมัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...