ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2357

สรุปบท ตอนที่ 2357 ข้อเสนอผู้มีอิทธิพล: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2357 ข้อเสนอผู้มีอิทธิพล – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 2357 ข้อเสนอผู้มีอิทธิพล ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

มู่เส้าเฉินลุกขึ้นยืนมองดูทุกคน และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อเทพอินทรีก็มาแล้ว นับว่ามากันพร้อมแล้วพวกเราสมควรเริ่มได้แล้วล่ะ ได้เวลาไตร่สวนและตัดสินแล้ว”

“น่าเสียดาย หลี่ชิเย่ยังไม่ได้มา” มีผู้ที่ฉวยโอกาสพูดคำนี้ออกมา เป็นการพูดที่ได้จังหวะมาก

ดวงตาทั้งสองข้างของมู่เส้าเฉินเพ่งตรงไปข้างหน้า เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อคนแซ่หลี่ไม่มา นั่นแสดงว่าเขากินปูนร้อนท้อง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้คนทั่วหล้า การตัดสินให้เขาเป็นมารก็นับว่าไม่เกินเลยไป จอมมารเช่นนี้ทุกคนย่อมสังหารได้”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองตากันและกันเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ยังคงรู้จักเอาตัวรอดต่างเข้าใจได้ทันที การไตร่สวนและตัดสินครั้งนี้มู่เส้าเฉินต้องการให้แดนลัทธิพรรษทั้งหมดเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่จะมาหรือไม่หาใช่เรื่องสำคัญแล้ว มู่เส้าเฉินจะต้องหาเหตุสารพันมายัดข้อหาให้กับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว

“ถูกต้อง หลี่ชิเย่เจ้าคนที่หดหัวแต่ในกระดองไม่กล้ามา ย่อมหมายถึงกินปูนร้อนท้อง เขาจะต้องได้ฝึกวิชามารดูดเลือดแล้ว จอมมารเช่นนี้จะต้องไปพูดเรื่องเมตตาและคุณธรรมอะไรกับเขา ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง” ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพานหลงสนับสนุนทันที

“ข้าก็สนับสนุน ไม่แน่นักหลี่ชิเย่เวลานี้คิดจะหนีกลับไปยังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว พวกเราจะเปิดโอกาสให้มันหนีกลับไปรังเก่าไม่ได้เด็ดขาด ส่งกองทัพไปปราบหลี่ชิเย่ที่เป็นจอมมารผู้นี้เดี๋ยวนี้เลย” สุสานกระบี่ และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิไคเทียนก็ทยอยกันกล่าวสนับสนุนขึ้นมา

ในเวลานี้ มีระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยที่ยืนอยู่บ้างฝ่ายของมู่เส้าเฉิน สำหรับบรรดาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ไม่ได้แสดงท่าทีเหล่านั้น พวกเขาก็ไม่สะดวกที่จะก้าวออกมาคัดค้าน ได้แต่มองไปที่นักพรตพเนจรหยางหมิงแล้ว

ถ้าหากเวลานี้พวกเขาก้าวออกมาคัดค้าน เท่ากับเป็นการบ่งบอกว่าพวกเขากับหลี่ชิเย่คือพวกเดียวกัน เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้พวกเขากระโดดลงไปในแม่น้ำฮวงโหก็ล้างมณทินไม่ออก

“ยังไม่ทันได้ไตร่สวนก็จะยัดข้อหาให้คนอื่น เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะ” นักพรตพเนจรหยางหมิงที่นั่งตัวตรงอยู่ที่ตรงนั้นเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “อย่างน้อยที่สุดพวกเราควรให้โอกาสหลี่ชิเย่ได้พิสูจน์ตัวเอง”

“เกรงว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวแล้วล่ะ” มู่เส้าเฉินจ้องเขม็งไปที่นักพรตพเนจรหยางหมิง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นักพรตพเนจร ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ปรากฏตัวตลอดไป หรือว่าพวกเราก็จะดึงเวลาไปเรื่อยๆ เช่นนี้รึ? ทุกคนรอคอยอยู่ตรงนี้ก็นับว่านานมากพอแล้ว ในเมื่อหลี่ชิเย่ยังไม่กล้ามา ก็เท่ากับกินปูนร้อนท้อง เขาจะต้องได้ฝึกวิชามารแล้ว เวลานี้พวกเราไม่จำเป็นต้องไปหารือว่าเขาเป็นจอมมารหรือไม่อีกแล้ว ที่พวกเราต้องหารือคือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งหมดของแดนลัทธิพรรษควรจะร่วมมืออย่างไร เพื่อปราบจอมมารอย่างหลี่ชิเย่คนนี้เสีย!”

คำบอกกล่าวเช่นนี้ของมู่เส้าเฉินเป็นการยกตนข่มท่าน นี่หาใช่แค่ต้องการไตร่สวนพิพากษาหลี่ชิเย่แค่นั้นเองเสียแล้ว มู่เส้าเฉินต้องการอาศัยการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ของพรรคหยางหมิงในครั้งนี้ ช่วงชิงและสั่นคลอนต่อฐานะความเป็นผู้นำของพรรคหยางหมิง ขอเพียงเวลานี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิส่วนใหญ่ของแดนลัทธิพรรษยืนอยู่ข้างฝ่ายของเขา มู่เส้าเฉินเขาก็จะเป็นผู้นำของแดนลัทธิพรรษทั้งหมด

“นายน้อยมู่รีบร้อนเกินไปแล้วกระมัง งานเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น” นักพรตพเนจรหยางหมิงไม่ได้แสดงอาการโกรธ สำหรับท่าทีที่ยกตนข่มท่านของมู่เส้าเฉิน เพียงสองตาเพ่งไปข้างหน้าและเอ่ยขึ้นช้าๆ

“ใช่ว่านายน้อยมู่ใจร้อนเกินไป” เวลานี้ระดับบรรพบุรุษของสุสานกระบี่ก็กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกเรารอมานานมากแล้ว หลี่ชิเย่ยังคงไม่ได้ปรากฏตัวออกมา เกรงว่าเขาคงหนีไปนานแล้ว นักพรตพเนจร พวกเราปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้กับจอมมาร”

“นักพรตพเนจร เจ้าคนแซ่หลี่จนป่านนี้ยังไม่ปรากฏตัว สมควรแก่เวลาที่จะตัดสินได้แล้วกระมัง สำหรับจอมมารเช่นนี้ใยจะต้องพูดถึงคุณธรรม หากว่านักพรตพเนจรอาศัยความเมตตาเพียงคนเดียวทำให้สูญเสียโอกาสไป เกรงว่าจะทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนต้องเสียชีวิตด้วยมือของจอมมารผู้นี้ นักพรตพเนจรก็คงไม่อยากมีหน้าที่ต้องมารับผิดชอบเรื่องนี้กระมัง” ในเวลานี้เอง ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ได้ปริปากพูดออกมา

เวลานี้ไม่เพียงแค่พวกของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงที่แสดงท่าทีเท่านั้น เมื่อจูเซียงหวู่ถิงแสดงท่าที ปรากฏว่าไม่รู้มีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนเท่าไรก็ทยอยกันแสดงท่าทีออกมา เวลานี้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายของมู่เส้าเฉินมีมากกว่าครึ่งหนึ่ง

เฉกเช่นสุสานกระบี่ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิผู้ได้รับผลประโยชน์ ย่อมต้องสนับสนุนต่อมู่เส้าเฉินอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และมู่เส้าเฉินได้กลายเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะผู้นำของบรรดาระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิเหล่านี้แล้ว

ความจริงแล้ว กล่าวสำหรับจูเซียงหวู่ถิงแล้วก็ยินดีที่จะยืนอยู่ข้างฝ่ายของมู่เส้าเฉินเช่นกัน พวกเขาไม่เพียงได้ประโยชน์จากตัวมู่เส้าเฉินเท่านั้น ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ช้าหรือเร็วมู่เส้าเฉินก็ต้องไปจากแดนลัทธิพรรษอยู่แล้ว คงมีสักวันจะต้องกลับไปยังแดนลัทธิราชัน

ถ้าหากเวลานี้สามารถขึ้นสู่ฐานะผู้นำแทนที่พรรคหยางหมิง ถึงแม้ว่าต้องให้มู่เส้าเฉินนั่งตำแหน่งผู้นำ แต่สักวันเมื่อมู่เส้าเฉินจากไปแล้ว นั่นหมายความว่าจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขาก็จะแทนที่ฐานะของพรรคหยางหมิง กลายเป็นผู้นำของแดนลัทธิพรรษ

ในขณะนี้ขั้วอำนาจใหม่และเก่าได้ก่อตัวขึ้น สิ่งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการไตร่สวนและตัดสินหลี่ชิเย่เท่านั้น แต่เป็นงานยิ่งใหญ่แห่งการแย่งชิงอำนาจของแดนลัทธิพรรษอีกด้วย

อาศัยมู่เส้าเฉินเป็นหัวหน้าทำการท้าสู้กับพรรคหยางหมิง เป็นที่แน่ชัดมาก มู่เส้าเฉินมีการเตรียมการมาอย่างดี เวลานี้สุสานกระบี่ของพวกเขากอดกันแน่น ทุกระดับชั้นล้วนแล้วแต่สนับสนุนมู่เส้าเฉินเต็มที่ ทำให้พวกของมู่เส้าเฉินช่วงชิงความได้เปรียบ และโอกาสได้ในทันที

“ในเมื่อหลี่ชิเย่ไม่กล้าปรากฏตัว นั่นก็คือกินปูนร้อนท้อง ต้องมีการฝึกเคล็ดวิชามารไปแล้ว พวกเราสมควรขจัดจอมมารเช่นนี้เสีย” ในเวลานี้ ได้มีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ออกมาประกาศตัวแล้ว

ในเวลานี้ สถานการณ์โดยรวมเดือดพล่าน กลับกลายเป็นว่านักพรตฉางเซิน และนักพรตพเนจรหยางหมิงที่ดูสงบนิ่ง ถึงกับไม่พูดอะไรสักคำ

“ถูกต้อง เวลานี้พวกเราสมควรยกทัพไปปราบจอมมารผู้นี้ให้สิ้นซาก” มีผู้ร้องเสียงดังขึ้นมาทันที

“ตกลง” มู่เส้าเฉินได้ปริปากพูดขึ้นมาแล้วในเวลานี้ ภายในระยะเวลาอันสั้น มู่เส้าเฉินได้เปลี่ยนจากแขกเป็นเจ้าบ้านทันที กล่าวเสียงเย็นชาว่า “เมื่อหลี่ชิเย่ไม่กล้าปรากฏตัว เช่นนั้นแล้วพวกเราส่งคนไปค้นหา จะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างเด็ดขาด”

ในขณะนี้มู่เส้าเฉินในฐานะผู้มีอิทธิพลเสนอความเห็นขึ้นมา มีผู้คล้อยตามเป็นหมื่นพันทันที

“ใครบอกว่าคุณชายของพวกเราไม่กล้าปรากฏตัว?” ในเวลานี้เองเสียงที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นร่างเงาสองสายปรากฏอยู่ตรงหน้าของทุกคน

เสียงนี้ได้ทำลายบรรยากาศในทันที ผู้คนจำนวนไม่น้อยทอดสายตามองไป เห็นผู้หญิงสองคนปรากฏอยู่ตรงหน้าของทุกๆ คน

“ฮึ นางสารเลวแซ่หวู่ได้ไปพึ่งพาจอมมารแล้ว ทำตัวตกต่ำ!” ในเวลานี้องค์หญิงหวินตู้กล่าวเหยียดหยามว่า “นางไม่มีสิทธิ์มายืนอยู่ที่ตรงนี้แล้ว…”

เพียะ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่องค์หญิงหวินตู้พูดยังไม่ทันจบ หนึ่งฝ่ามือได้ตบเข้ามา พลันทำให้องค์หญิงหวินตู้ถูกตบจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

“ใคร ไสหัวออกมา…” องค์หญิงหวินตู้พลันส่งเสียงร้องดังขึ้นมา เมื่อถูกตบหน้าต่อหน้าสาธารณะชน

“ไม่ได้สังหารเจ้า ถือว่าข้ายั้งมือแล้วล่ะ” ในเวลานี้เอง เสียงเหนื่อยหน่ายเสียงหนึ่งดังขึ้น คนผู้หนึ่งกำลังล่องลอยมา ท่าทางตามอารมณ์ยิ่งและอิสระเสรียิ่งนัก

“คนโหดอันดับหนึ่ง หลี่ชิเย่มากแล้ว” ขณะคนที่กำลังล่องลอยเข้ามายังห่างไกลอีกมาก ผู้คนจำนวนมากหลันได้ยินเสียงที่ดูเหนื่อยหน่ายนี้แล้วก็รู้ว่าใครมาแล้ว

“คนโหดอันดับหนึ่งมาแล้ว” เวลานี้คู่สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนมองไปยังเส้นขอบฟ้า จ้องมองไปยังผู้ที่กำลังก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เป็นหลี่ชิเย่จริงๆ

หลี่ชิเย่ในเวลานี้ยังคงมีท่าทีที่ตามอารมณ์อะไรอย่างนั้น อย่างไรก็ได้ ท่าทางไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง

ดูแล้วเหมือนว่าหลี่ชิเย่ก้าวเดินได้ช้ามาก แต่ความจริงแล้วความเร็วของเขาน่าตกใจปราศจากผู้เทียบเทียม เพียงชั่วพริบตาก็ก้าวขึ้นสู่สันเขาหมื่นยอดแล้ว

หลี่ชิเย่ดูตามอารมณ์เหลือเกินขณะยืนอยู่บนสันเขาหมื่นยอด ดูสบายอกสบายใจไม่เหมือนเป็นการเผชิญหน้ากับกองทัพหมื่นพันอย่างนั้น เหมือนว่าเขากำลังยืนชมดอกไม้ในสวนหลังบ้านอย่างนั้น

บนตัวของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ไม่มีกลิ่นอายที่สะเทือนเลื่อนลั่น และไม่มีอานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกร แต่ด้วยท่าทีที่เรียบเฉยเช่นนั้นของเขา ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสั่นเทิ้ม ทำให้หวาดผวาจนขนลุกซู่

เนื่องจากก่อนหน้านี้ เขาคือผู้ที่เข่นฆ่าระดับบรรพบุรุษนับร้อยนับพันของสามระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิมาก่อน นับเป็นคนโหดผู้หนึ่งแน่นอน

ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องกลั้นลมหายใจขณะมองดูหลี่ชิเย่ การปรากฎตัวของเขาสยบจิตใจของผู้คนมากกว่าการปรากฎตัวของมู่เส้าเฉิน โดยเฉพาะยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เคยเห็นหลี่ชิเย่ทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่มาก่อน ยิ่งทำให้ให้รู้สึกว่าเหงื่อเย็นเริ่มซึมออกมาจากฝ่ามือของตนแล้ว

………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล