หลี่ชิเย่มาถึงได้กวาดตามอง ท่าทีนั้นไม่ได้แสดงความโกรธแค้น และไม่ได้โมโห ดูสงบนิ่งอย่างยิ่ง กระทั่งเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่า ยามที่แววตาที่เรียบเฉยเช่นนี้กวาดผ่านไปนั้น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เงียบหริบเหมือนจั๊กจั่นในหน้าหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงหลี่ชิเย่ที่เอะอะก็สังหารระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์แล้ว ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องผวาดกลัวจนขนลุกซู่ในใจ ถึงกับเหงื่อเย็นไหลซึมออกมา
ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่จ้องมองดูองค์หญิงหวินตู้ตามอารมณ์ทีหนึ่ง
องค์หญิงหวินตู้ที่ถูกตบหน้าต่อหน้าธารกำนัลมีความโกรธแค้นอย่างยิ่ง นางที่อยู่ในฐานะองค์หญิงของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิหวินตู้ เรียกได้ว่ามีฐานะสูงเด่น สูงส่งอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นในขณะนี้ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิหวินตู้พวกเขาเทพอินทรีหวินตู้ก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย จะมีใครที่กล้าแตะต้องนางแม้เพียงน้อยนิด?
แต่ว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แหละหลี่ชิเย่กลับตบหน้านางทีหนึ่ง สิ่งนี้กล่าวสำหรับนางแล้วนับว่าเป็นความอัปยศอย่างยิ่ง จึงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเต็มอก กระทั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
แต่ทว่า ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร เมื่อแววตาที่เรียบเฉยอย่างยิ่งของหลี่ชิเย่ที่จ้องมองมานั้น กลับคล้ายดั่งเป็นน้ำเย็นกาละมังหนึ่งที่ราดใส่ศีรษะของนาง พลันดับเพลิงความโกรธของนางลงทันที ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร เมื่อแววตาที่เรียบเฉยอย่างยิ่งของหลี่ชิเย่ที่จ้องมองมานั้น นางรู้สึกว่าตัวเองนั้นคล้ายเป็นคนตายคนหนึ่งอย่างนั้น อย่างน้อยที่สุดในสายตาของหลี่ชิเย่ตนเองก็คือคนตายคนหนึ่ง
หลี่ชิเย่ไม่ได้โมโห และไม่ได้แสดงอาการโกรธ ขณะที่มองมาด้วยแววตาที่เรียบเฉยเช่นนี้แหละ ทำให้องค์หญิงหวินตู้ถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกซู่ นางถึงกับต้องก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว นางที่โกรธแค้นสุดเปรียบเปรยพลันโกรธแค้นไม่ขึ้น ตรงกันข้ามกลับมีความหวาดหวั่นด้วยสัญชาตญาณขึ้นหลายส่วนในใจ ถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหยได้พูดขึ้นมาว่า “ข้ามาแล้ว มีคำพูดใดก็พูดออกมาได้เลย”
เมื่อครู่ทุกคนต่างพูดว่าต้องการปราบปรามหลี่ชิเย่ ไม่รู้ว่ามีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนเท่าไรที่แสดงตนต้องการสับหลี่ชิเย่ให้เป็นหมื่นชิ้นในทันที เหมือนว่าหลี่ชิเย่กับพวกเขามีความแค้นใหญ่หลวงไม่อาจอยู่ร่วมโลกอย่างนั้น
แต่ว่า เมื่อหลี่ชิเย่ปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว พลันทำให้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิไม่รู้จำนวนเท่าไรถึงกับเป็นใบ้ทันที เมื่อครู่บรรดาระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิที่ยังออกปากต้องการปราบปรามหลี่ชิเย่พลันเงียบกริบ ไม่ก็ต่างจ้องมองตากันและกัน
ในเวลานี้ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการเป็นผู้เสนอหน้า อีกอย่างความโหดร้ายของหลี่ชิเย่พวกเขาก็เคยได้ยินมาก่อน เวลานี้มีระดับผู้นำอย่างมู่เส้าเฉินเหล่านั้นอยู่ในเหตุการณ์ ใยพวกเขาจะต้องแย่งกันเป็นคนตายแทนเล่า
“การมารวมตัวกันที่สันเขาหมื่นยอดในวันนี้ของทุกคนก็ไม่ถึงกับว่ามีประสงค์ร้าย” ยังคงเป็นนักพรตพเนจรหยางหมิงที่ปริปากพูดขึ้นเป็นคนแรก นางนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น ท่าทางทีสูงส่งบริสุทธิ์ด้วยความเป็นทายาทกษัตริย์ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “มีระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่าท่านได้ฝึกเคล็ดวิชามาร ดังนั้นทุกคนจึงต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะอย่างไรเสียครั้งนั้นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหงเคยให้คำมั่นสัญญากับแดนลัทธิพรรษมาก่อน หวังว่าท่านจะต้องปฏิบัติตามด้วย”
“วิชามาร?” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ฝีมือเด็กๆ เท่านั้น ไหนเลยจะเข้าตาข้าได้”
“พูดไปเรื่อย” เวลานี้ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิพานหลงได้ก้าวออกมาทันที กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าสังหารศิษย์บริสุทธิ์หมื่นพันของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิทั้งสาม เน่าเปื่อยทั่วฟ้าดิน วิชาที่ใช้ก็คือวิชามารของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิลานกำแหงพวกเจ้า พฤติกรรมชั่วร้ายเช่นนี้นับว่าเป็นที่เดือดดาลของผู้คนยิ่งนัก นี่คือการกระทำของมารร้าย ทุกคนมีสิทธิ์สังหาร”
“สวะ ปราศจากสมอง” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะให้ความสนใจพวกเขา แค่ยิ้มเฉยเมยเท่านั้น
“เกรงว่าแม้จะเล่นสำบัดสำนวนก็ไม่มีประโยชน์” ในเวลานี้เอง มู่เส้าเฉินได้ลุกขึ้นยืน ท่าทางดูเคร่งและกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เรื่องนี้มีผู้เห็นกับตาเป็นจำนวนมาก ผู้คนนับพันนับหมื่นเห็นกับตาว่าเจ้าอาศัยวิชามารเข่นฆ่าศิษย์ผู้บริสุทธิ์นับพันนับหมื่นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสาม ถึงจะเถียงข้างๆ คูๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได”
ครั้นมู่เส้าเฉินเอ่ยมาถึงตรงนี้ ได้มองไปที่นักพรตพเนจรหยางหมิง และกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “นักพรตพเนจร เรื่องนี้มีพยานแน่นหนา พฤติกรรมชั่วร้ายเช่นนี้หากยังไม่นับเป็นการกระทำของมารร้ายยังจะเป็นอะไรได้อีก? ดังนั้น ข้าขอเสนอว่า ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกับจอมมาร แค่สังหารเสียก็สิ้นเรื่อง!”
“เจ้าก็คือมู่เส้าเฉินคนนั้นน่ะสิ” ขณะที่นักพรตพเนจรหยางหมิงยังไม่ทันได้พูดอะไร หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มขึ้นมา
“ถูกต้อง เป็นข้าน้อยเอง” มู่เส้าเฉินยิ้มอย่างทะนงตัว และกล่าวว่า “ข้ามู่เส้าเฉิน ชั่วชีวิตรับไม่ได้ที่สุดก็คือเห็นมารร้ายอย่างเจ้าที่เป็นภัยต่อโลกมนุษย์ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยพละการ ดังนั้น ข้ายินดีอาศัยกำลังอันน้อยนิดสังหารจอมมารอย่างเจ้า”
เวลานี้ คำพูดคำจาของมู่เส้าเฉินไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อยแล้ว พูดออกมาตรงๆ ว่าจะสังหารหลี่ชิเย่เสีย ระหว่างพวกเขามีบุญคุณความแค้นที่ฝังลึกอยู่ก่อนแล้ว เวลานี้มู่เส้าเฉินกำไพ่เหนือกว่า ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ไหนเลยจำต้องให้ความเกรงใจต่อหลี่ชิเย่ กระทั่งกล่าวได้ว่าไม่เห็นหลี่ชิเย่อยู่ในสายตาเลย
“นายน้อยมีคุณธรรมสูงส่ง มีจิตใจที่กล้าหาญ รักความยุติธรรมและชอบช่วยเหลือผู้อื่น คือแบบอย่างของพวกเรา” บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่ยืนอยู่ในแนวร่วมเดียวกันกับมู่เส้าเฉินทยอยกันสนับสนุนเมื่อเห็นว่ามู่เส้าเฉินกับหลี่ชิเย่ได้ปะทะคารมแล้ว
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและมองดูบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ไปสนับสนุนมู่เส้าเฉินเหล่านั้นทีหนึ่ง ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เสียทีที่พวกเจ้ามีชาติกำเนิดมาจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใหญ่ กระทำการประจบสอพลออย่างน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ อับอายขายหน้าปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้าจนสิ้นแล้ว”
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ไปสนับสนุนมู่เส้าเฉินเหล่านั้นมีสีหน้าแดงก่ำเมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ต่างจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ มีผู้บำเพ็ญตนที่ตวาดเสียงดังใส่หลี่ชิเย่ว่า “หลี่ชิเย่ จอมมารอย่างเจ้าที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ทุกคนมีสิทธิ์สังหารได้ นายน้อยมู่มีคุณธรรมรักความยุติธรรมหาผู้ใดเทียบเทียม ต้องฆ่าเจ้าได้แน่!”
หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะให้ความสนใจต่อผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้อยู่แล้ว เพียงมองหน้ามู่เส้าเฉินด้วยท่าทีเฉยเมยทีหนึ่ง ยิ้มนิดหนึ่งและกล่าวว่า “เห็นทีคำพูดของข้าคงไม่ได้ส่งไปถึง นายน้อยตระกูลมู่อะไรนั่น ในสายตาของข้าก็เป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น หาญกล้ามาพูดจาไม่รู้จักละอายต่อหน้าข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...