ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2359

สรุปบท ตอนที่ 2359 แดนมือผี: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 2359 แดนมือผี จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2359 แดนมือผี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

จังหวะที่เงาของหลี่ชิเย่ได้ประทับสลักลงบนกระจกเงาบานนี้นั้น ได้ยินเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้นมากะทันหัน สภาพที่อยู่ภายในกระจกพลันเปลี่ยนไปกะทันหัน เงาหลี่ชิเย่ภายในกระจกเงาหายไปทันที จากนั้นร่างของหลี่ชิเย่ก็หายตัวไปเช่นกัน

เมื่อทุกคนมองไปที่กระจก มองเห็นสถานที่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นมา สถานที่แห่งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ เหมือนว่าหลี่ชิเย่ถูกส่งตัวไปยังสถานที่แห่งนี้ในทันที ด้านหลังของเขาคือเมฆสีดำที่ดั่งคลื่นยักษ์ คล้ายมีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวยิ่งซ่อนตัวอยู่ภายในเมฆสีดำอย่างนั้น

‘แดนมือผี’ สีหน้าของระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผู้หนึ่งเปลี่ยนไปมากทีเดียว รู้สึกหวาดผวา และส่งเสียงร้องแหลมดังขึ้นมา

เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่หายตัวไปจากด้านหน้ากระจกเงาได้ยืนอยู่บนแดนมือผี ตัวของเขาถึงกับถูกกระจกเงาบานนี้ส่งต่อมายังแดนมือผีแห่งนี้

อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่ยังคงไม่รู้สึกตระหนกตกใจเมื่อต้องยืนอยู่ที่สถานที่เช่นนี้ เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่สงบนิ่งมาก มองดูเมฆสีดำที่บดบังท้องฟ้าของแดนมือผีด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง

“แดนมือผีคืออะไร?” กลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแดนมือผี ถึงกับตกใจเมื่อมองเห็นระดับบรรพบุรุษของตนที่มีท่าทีหวาดผวาจนหน้าถอดสี

“มันคือสถานที่ที่น่ากลัวมากแห่งหนึ่งของเงินทองตกพื้น ได้ยินมาว่าครั้งนั้นกระบี่อัจฉริยะเคยมาที่เงินทองตกพื้น และเคยเรียกหาเจ้าที่ในเงินทองตกพื้น ปรากฏว่าได้เรียกเอามือผีที่น่ากลัวออกมา ทำลายฟ้าดิน ทำให้พื้นที่ผืนนั้นกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ และกระบี่อัจฉริยะถูกขังเอาไว้ที่นั่น…”

“…ภายหลังกระบี่อัจฉริยะอาศัยฝีมือที่ล้ำเลิศ ฝ่าออกมาจากแดนมือผีได้ในที่สุด และสังหารมือผีได้ แต่ตามตำนานกล่าวว่า มือผียังคงไม่ได้ตายสนิท ยังคงมีเศษชิ้นส่วนที่ตกอยู่ในแดนมือผี ดังนั้น ใครก็ตามหากเหยียบเข้าไปอยู่ในแดนมือผีก็จะต้องตาย” ระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิผู้นี้มองดูสถานที่แห่งนั้นที่อยู่ภายในกระจกเงา ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อมีการเอ่ยถึง

“น่ากลัวขนาดนี้เลย” ไม่รู้ว่ามีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่ตกใจอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของระดับบรรพบุรุษ

กระบี่อัจฉริยะเป็นปฐมบรรพบุรุษที่ปราศจากผู้ต่อกรอย่างยิ่ง วิชากระบี่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล แม้แต่ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะระดับกระบี่อัจฉริยะยังเคยถูกขังอยู่ในแดนมือผี ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีความน่ากลัวเพียงใดแล้ว

จังหวะที่คำพูดของระดับบรรพบุรุษผู้นี้พูดขาดคำ ได้ยินเสียงฟิวววดังขึ้นเสียงหนึ่ง ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติกลับมา สามารถมองเห็นภาพได้จากกระจกเงาดังกล่าว หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่แดนมือผีพลันถูกหนวดจำนวนนับไม่ถ้วนมัดเอาไว้ และในพริบตาเดียวนั่นเองได้ยินเสียงดังผลุบบบเสียงหนึ่ง ทุกคนยังไม่ทันได้สติ หลี่ชิเย่ถูกหนวดลากเอาตัวเข้าไปภายในเมฆสีดำ และหายตัวไป

‘มือผี’ มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมออกมาด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นหนวดที่มัดตัวหลี่ชิเย่ไว้พลันลากเอาตัวหลี่ชิเย่เข้าไปในเมฆสีดำ และหายตัวไปในชั่วพริบตา

“หลี่ชิเย่ตายแน่แล้ว” ทุกคนต่างรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อเห็นหลี่ชิเย่หายตัวไปในเมฆสีดำนั่น ไม่ว่าใครก็ตามต่างนึกไม่ถึงว่าฝีมือของมู่เส้าเฉินจะฝืนลิขิตสวรรค์ขนาดนี้

“แหะ ในยุคปัจจุบัน นอกจากข้าแล้วยังจะมีใครสามารถรอดชีวิตจากแดนมือผีได้อีก” มู่เส้าเฉินที่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเย็นชาขึ้นมา

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของมู่เส้าเฉินแล้ว พลันรู้สึกใจหายใจคว่ำ หรือว่ามู่เส้าเฉินเคยเข้าไปในแดนมือผีมาแล้วจริงรึ? สามารถเอาชีวิตรอดกลับออกมาจากแดนมือผีได้ ออกจะแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว

ผู้คนจำนวนเท่าไรที่นึกถึงข้อนี้แล้วต้องเย็นวาบในใจ โดยเฉพาะบรรดาระดับบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่ยังไม่ได้ยืนอยู่ข้างฝ่ายของมู่เส้าเฉิน ยิ่งรู้สึกหวาดผวาในใจ มู่เส้าเฉินน่ากลัวมากกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาได้จินตนาการเอาไว้

“ข้ายังเข้าใจว่าเจ้าคนแซ่หลี่จะแข็งแกร่งสักเพียงใด รับมือไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” มู่เส้าเฉินมองดูแดนมือผีจากกระจกที่สงบเงียบยิ่งนัก เข้าใจว่าหลี่ชิเย่ได้เสียชีวิตในแดนมือผีแล้ว พูดเหยียดหยามและทะนงตนว่า “เป็นศัตรูกับข้า มีเพียงตายสถานเดียว”

“นายน้อยปราศจากผู้ต่อกร แค่มดปลวกแซ่หลี่คนเดียวนับเป็นอะไรได้ นายน้อยจะสังหารเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเหยียบมดตัวหนึ่ง” เวลานี้มียอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เข้มแข็งได้พูดประจบสอพลอมู่เส้าเฉินทันที

“นั่นสิ คนแซ่หลี่ก็แค่เจ้าหนูที่บังเอิญสร้างชื่อขึ้นมาได้เท่านั้น แสงไฟจากหิ่งห้อยไหนเลยจะแข่งกับแสงของดวงจันทราได้ เจ้าคนแซ่หลี่เมื่ออยู่ต่อหน้านาน้อยไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอยู่แล้ว” ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันพูดประจบมู่เส้าเฉินขึ้นมา

อีกทั้งบรรดาผู้ที่ประจบสอพลอเหล่านี้มีอยู่ไม่น้อยที่เป็นผู้มีชื่อเสียง ประจบสอพลอมู่เส้าเฉินต่อหน้าทุกคนโดยที่ไม่รู้จักอายแม้แต่น้อย

สีหน้าของนักพรตพเนจรหยางหมิง และนักพรตฉางเซินดูหนักแน่นจริงจัง เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ถูกย้ายตำแหน่งไปยังแดนมือผีในทันที พวกนางเองก็เข้าใจได้ว่ากระจกเงาบานนี้ของมู่เส้าเฉินเป็นของวิเศษที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เกรงว่าจะมาจากฝีมือของระดับปฐมบรรพบุรุษ มันสามารถเคลื่อนย้ายหลี่ชิเย่ไปยังแดนมือผีได้โดยพลัน ย่อมบ่งบอกว่าสามารถเคลื่อนย้ายเอาคนอื่นๆ ไปยังที่ที่อันตรายแห่งอื่นๆ ได้เช่นกัน

“ออกจะลำพองใจเร็วเกินไปแล้วกระมัง” หวู่ปิงหนิงที่ยืนอยู่ข้างๆหัวเราะเยาะทีหนึ่ง เมื่อเห็นเหล่าผู้คนทั้งหลายทยอยกันประจบมู่เส้าเฉิน และมู่เส้าเฉินดูยโสโอหังยิ่งนัก

พลันที่หวู่ปิงหนิงพูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้พวกที่ประจบสอพลอมู่เส้าเฉินถึงกับเงียบไปทันที

“เกรงว่าคงเลือกคนผิดเสียแล้ว” มู่เส้าเฉินยิ้มอย่างทะนงตน และกล่าวว่า “คนแซ่หลี่เข้าไปในแดนมือผี ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เวลานี้เจ้ากลับตัวยังทัน มิฉะนั้นแล้วอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน!”

“อย่าโอ้อวดตัวเองหน่อยเลย” หวู่ปิงหนิงเพียงมองหน้ามู่เส้าเฉินทีหนึ่งด้วยท่าทีเย็นชา และกล่าวว่า “ข้ากับเจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกัน คิดเอาเองฝ่ายเดียว”

มู่เส้าเฉินมีสีหน้าที่แดงก่ำ และไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อสำลักคำพูดของหวู่ปิงหนิง

“พี่เฉิน ให้ข้าช่วยสั่งสอนนางสารเลวที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้สักหน่อย” ในเวลานี้ องค์หญิงหวินตู้ได้กล่าวประจบสอพลอต่อมู่เส้าเฉิน และหัวเราะเสียงน่ารักทีหนึ่ง

เวลานี้ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ต่างต้องการได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า

“หรือว่ามู่เส้าเฉินสามารถสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้นมาได้จริงๆ อย่างนั้นรึ?” มีผู้ที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ และพึมพำขึ้นมา

“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เล่าลือกันว่า พรสวรรค์ของมู่เส้าเฉินนั้นน่ากลัวมาก อย่าว่าแต่เป็นยุคปัจจุบันเลย เกรงว่าน้อยคนที่สามารถเทียบเทียมได้ตลอดกาล กระทั่งมีผู้กล่าวว่า เขาด้อยกว่าสิบเจิดจรัสแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง หากเป็นเช่นนั้นจริง ดีไม่ดีเขาสามารถทำลายสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ได้จริงๆ”

“ดี ข้ากลับต้องการทดสอบ” นัยน์ตาทั้งสองของหวู่ปิงหนิงเพ่งไปข้างหน้า พลันกระตุ้นความต้องการเอาชนะที่อยู่ภายในใจของนาง กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ข้าอยากจะดูว่าเคล็ดวิชาพิสดารของเจ้ายอดเยี่ยมเพียงใดกันแน่”

“แหะ เจ้าเห็นแล้วก็จะรู้เอง เอาชนะเจ้าได้เหลือเฟือ” องค์หญิงหวินตู้ทะนงตนดั่งนกยูง ไม่เห็นหวู่ปิงหนิงอยู่ในสายตาเลย

เสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง ง้าวของหวู่ปิงหนิงปรากฎ ตั้งมั่นพร้อมรับมือกับศัตรูโดยไม่กล้าประมาท

แม้จะกล่าวว่าทักษะยุทธของหวู่ปิงหนิงนั้นเหนือกว่าองค์หญิงหวินตู้อยู่มากทีเดียว แต่ว่า เมื่อองค์หญิงหวินตู้มีความมั่นใจถึงเพียงนี้ นางจึงไม่กล้าประมาท

แม้ว่านางจะเห็นมู่เส้าเฉินแล้วไม่สบอารมณ์ยิ่ง และเป็นศัตรูกับมู่เส้าเฉิน แต่ทว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า พรสวรรค์ของมู่เส้าเฉินนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง มิฉะนั้นล่ะก็คงไม่อาจได้รับการให้ความสำคัญถึงเพียงนี้จากเทพสงครามมังกรคชาธารแห่งจูเซียงหวู่ถิงของพวกเขา

ด้วยเหตุที่ว่ามู่เส้าเฉินสามารถบรรลุเคล็ดวิชาต่างๆ เป็นจำนวนมากเพียงแค่มองแวบเดียว ดังนั้น เทพสงครามมังกรคชาธารจึงหมายยืมมือมู่เส้าเฉิน เพื่อค้นหาสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่ของจูเซียงหวู่ถิงกลับคืนมา

กล่าวได้ว่า มู่เส้าเฉินมีความเข้าใจในสิบสองกระบวนท่าหวู่จู่มากพอแล้ว และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้หวู่ปิงหนิงต้องเพิ่มความระวังมากยิ่งขึ้น

“ลงมือสิ วันนี้ข้าจะเอาชนะเจ้าแน่นอน” องค์หญิงหวินตู้กล่าวด้วยท่าทางที่โอหังอวดดี ขณะที่พูดคำๆ นี้ออกมา เหมือนได้ระบายความคับแค้นออกมาแล้วอย่างนั้น

ตึงเสียงคำรามยาวดังขึ้น ในเวลานี้เอง ง้าวที่อยู่ในมือของหวู่ปิงหนิงส่งประกายวูบวาบที่น่ากลัวออกมา ประกายทุกสายคล้ายดั่งสายฟ้าอย่างนั้น

…………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล