ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2364

“เจ้าต้องได้เห็นแน่นอน แต่ว่า ไม่ใช่ตอนนี้” มู่เส้าเฉินหัวเราะเสียงดังและก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว ท่าทางของเขาในเวลานี้ดูไม่เป็นธรรมชาติสักเท่าไร ไม่เหมือนเมื่อครู่ที่หมางเมินทั่วหล้า มองใต้หล้าอย่างเย้ยหยัน

พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือก็ได้ทำลายการคาดการณ์ของเขา แม้ว่าเข้าได้คาดการณ์เอาไว้แล้วแต่แรกว่าหลี่ชิเย่มีความแข็งแกร่งยิ่ง กระทั่งได้คาดการณ์ความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่เอาไว้ในระดับสูงสุด

แต่ทว่า พลันที่หลี่ชิเย่ลงมือในเวลานี้ เขาจึงได้เข้าใจว่าตนเองนั้นยังคงประเมินหลี่ชิเย่ต่ำเกินไป

ก่อนหน้านั้น เขาเคยประเมินศักยภาพของหลี่ชิเย่มาก่อน ภายใต้การประเมินของเขานั้น ต่อให้หลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ตาม เขายังคงกำไพ่เหนือกว่า การที่จะสังหารหลี่ชิเย่นั้นใช่เป็นเรื่องยากเย็นอะไร กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่มั่นใจมาก

เวลานี้การลงมือของหลี่ชิเย่ ทำให้มู่เส้าเฉินมีมุมมองต่อกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่ถึงแก่นยิ่งกว่า ในขณะนี้ มู่เส้าเฉินคิดจะปรับวิธีการที่จะรับมือกับหลี่ชิเย่ของตน แต่ทว่า ศักยภาพของหลี่ชิเย่นั้นอยู่เหนือกว่าที่เขาประเมินเอาไว้มากทีเดียว ทำให้วิธีการที่จะนำมารับมือกับหลี่ชิเย่นั้นไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกแล้วในเวลานี้

“เกรงว่าหากเจ้าไม่มีอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค จะต้องตายสถานเดียว ต่อให้มีอาวุธปฐมบรรพบุรุษก็ช่วยอะไรไม่ได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นหายใจมองดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ความจริงแล้ว ทุกคนต่างก็หวาดกลัวและเป็นกังวลอย่างยิ่ง ทุกคนไม่ได้เพียงแค่สนใจในเรื่องที่ว่าระหว่างหลี่ชิเย่กับมู่เส้าเฉินใครจะเป็นฝ่ายชนะในการต่อสู้ชี้ขาดเท่านั้น ขณะเดียวกันผู้คนจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจก็คือ มู่เส้าเฉินมีอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคจริงหรือไม่

ทุกคนคาดเดาได้ว่า มู่เส้าเฉินต้องนำเอาอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคมาด้วยแน่นอน จะอย่างไรเสียปฐมบรรพบุรุษตระกูลมู่คือปฐมบรรพบุรุษที่น่ากลัวมากคนหนึ่ง ได้ทิ้งอาวุธปฐมบรรพบุรุษเอาไว้เป็นจำนวนไม่น้อย สำหรับอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคนั้นคงพูดยาก

แต่ทว่ายังคงมีคำเล่าลือว่ามู่เส้าเฉินได้นำเอาอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคตระกูลมู่ติดตัวมาด้วย และด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนต่างรอคอยที่จะได้เห็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคของมู่เส้าเฉิน หากลงมือด้วยอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคจริงๆ ล่ะก็ มันคือสิ่งที่ยากจะจินตนาการถึงอานุภาพที่น่ากลัวของมันได้

“หลี่ชิเย่ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ทว่า เจ้ายังไม่ได้แข็งแกร่งมากถึงขั้นสามารถต้านอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเอาไว้ได้” มู่เส้าเฉินสูดลมหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ดูสงบนิ่งขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว เขานับเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองโดยแท้จริง และเป็นผู้ที่เคยผ่านสถานการณ์ยิ่งใหญ่มาแล้ว แม้แต่ราชันแท้จริงก็เคยพอเจอมาแล้ว ดังนั้น ต่อให้เมื่อครู่เกิดความหวาดกลัวและสับสน แต่เขาสามารถสะกดอารมณ์เอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว

หลี่ชิเย่มองดูมู่เส้าเฉินแวบหนึ่งยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “อย่างนั้นรึ? นอกเหนือจากอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคแล้ว เจ้ายังมีท่าไม้ตายอะไรอีก? อาศัยกำลังความสามารถของเจ้า เกรงว่าคงสุดที่จะรับมือข้าได้ แม้ว่าเป็นความจริงที่พรสวรรค์เจ้าไม่เลวนัก เสียดาย เจ้าไม่สามารถใช้มันกับการบำเพ็ญเพียร มิฉะนั้นล่ะก็เจ้าคงไม่ได้มีทักษะเพียงเท่านี้ ไม่แน่นักอาจสามารถดิ้นรนได้บ้างภายใต้ฝีมือของข้า แน่นอน หากเจ้าตั้งใจใช้พรสวรรค์นี้ไปกับการบำเพ็ญเพียร เจ้าคงไม่ต้องระเห็จลงมาที่แดนลัทธิพรรษแล้วล่ะ”

“เจ้า…” สีหน้าของมู่เส้าเฉินแดงก่ำขึ้นทันทีกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ถึงกับจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความโกรธ

คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่เท่ากับไปแกะแผลที่อยู่ในใจของมู่เส้าเฉิน เป็นความจริงที่พรสวรรค์ของเขานั้นสูงมากยากที่จะจินตนาการ มิฉะนั้นแล้วหลี่ชิเย่คงไม่พูดว่าพรสวรรค์ของเขาไม่เลวนัก คำพูดที่ออกจากปากหลี่ชิเย่ว่าไม่เลยโดยแท้ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าพรสวรรค์ของเขาสะเทือนเลื่อนลั่นจริงๆ แล้ว

พรสวรรค์ของมู่เส้าเฉินนั้นอย่าว่าแต่ที่แดนลัทธิพรรษเลย แม้แต่ในแดนลัทธิราชันก็ยากจะหาผู้ใดเทียม

แต่ว่า มู่เส้าเฉินมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลมู่ ทั้งยังมีพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง กล่าวสำหรับเขาแล้วทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่ง่ายดายยิ่ง สามารถไขว่คว้าทุกสิ่งทุกอย่างมาได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เขาเกิดความหยิ่งผยองไม่ตั้งใจกับการฝึกฝน น้อยครั้งมากที่เขาจะไปฝึกฝนอะไร

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ตัวเขาที่แม้ว่าจะมีพรสวรรค์ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง แต่ด้านทักษะยุทธบอกได้แต่เพียงแค่โดดเด่นกว่าอัจฉริยะบุคคลอื่นๆ เท่านั้นเอง ไม่ถึงขั้นปราดเปรื่องน่าทึ่ง ถ้าหากเขาจะมีความพยายามอีกสักนิด มาวันนี้เขาอาจอยู่ในระดับราชันแท้จริงมานานแล้วก็เป็นได้

กล่าวสำหรับมู่เส้าเฉินแล้ว เขาไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องทักษะยุทธว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยเป็นพิเศษ ในมุมมองของเขามองว่า ต่อให้เป็นศัตรูที่กล้าแข็งมากไปกว่านี้ เขาก็มีวิธีร้อยแปดพันเก้าที่จะเอาชนะได้

แต่ทว่า เมื่อต้องเผชิญกับพลังที่แข็งแกร่งที่เด็ดขาด วิธีการทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงแค่เมฆที่ล่องลอยเท่านั้นเอง ถึงมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมากไปกว่านี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง ด้วยเหตุผลบางประการทำให้มู่เส้าเฉินต้องระเห็จจากแดนลัทธิราชันร่วงลงสู่แดนลัทธิพรรษ มิฉะนั้นล่ะก็ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ใครบ้างล่ะที่ยินดีระหกระเหินจากแดนลัทธิราชันลงมายังแดนลัทธิพรรษกันเล่า? จะอย่างไรเสียที่แดนลัทธิราชันมีทรัพยากรที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า

การที่มู่เส้าเฉินต้องตกระกำลำบากมายังแดนลัทธิพรรษย่อมมีความลำบากใจของเขา ต่อให้เขามีพรสวรรค์ที่สูงมากกว่านี้ และตระกูลมู่ของเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้

กล่าวได้ว่าสิ่งนี้คือแผลที่อยู่ในใจของมู่เส้าเฉิน เวลานี้หลี่ชิเย่พลันไปแกะแผลที่อยู่ในใจของเขา แล้วจะไม่ให้เขาต้องโกรธได้อย่างไรกันเล่า

“ทำไม ยอมรับไม่ได้อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “แต่ว่า ไม่มีปัญหา ยังมีเรื่องที่เจ้าจะต้องกล้ำกลืนยิ่งกว่า การเป็นศัตรูกับข้าเกรงว่าเจ้าที่เป็นอัจฉริยะบุคคลตลอดกาล หากอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เจ้าทำได้เพียงกล้ำกลืนและใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ เท่านั้น! ถึงตอนนั้น เจ้าที่ภูมิใจในพรสวรรค์ของตน ตระกูลมู่ที่เจ้าเข้าใจไปเองว่าปราศจากผู้ต่อกร เมื่ออยู่ต่อหน้าของข้ามันก็แค่พวกชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้นเอง”

“เจ้า…” มู่เส้าเฉินถูกยั่วโมโหจนตัวสั่นเทาอีกครั้ง เขาเคยต้องถูกรังแกเช่นนี้เมื่อไหร่กันตั้งแต่มาถึงแดนลัทธิพรรษ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แห่งใดในแดนลัทธิพรรษก็ตาม ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ ก็ตาม เขาก็มีฐานะสูงส่งดั่งดาวล้อมเดือน แม้แต่ระดับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิยังต้องให้ความเคารพอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา คำพูดของหลี่ชิเย่ในเวลานี้นับว่าสุดที่จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้ ทำให้เขาถึงกับต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน!

หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และก้าวเข้าไปหามู่เส้าเฉินช้าๆ

ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง อินทรียักษ์พลันกางปีกออกมา ขวางทางหลี่ชิเย่เอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล