อ๊ากกกเสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น มองเห็นเทพอินทรีหวินตู้ที่ถูกโจมตีจนร่างปลิวออกไป พริบตาเดียวกันกับจังหวะที่เขาถูกโจมตีจนปลิวออกไปนั้น ปรากฏเลือดที่พุ่งขึ้นสูง เลือดสดๆ ย้อมท้องฟ้าสีครามจนกลายเป็นสีแดง
ภาพเช่นนี้สร้างความหวาดผวาจนขนลุกซู่กับผู้พบเห็น ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ร่างสั่นเทิ้ม นี่คือขั้นอมตะคนหนึ่งนะเนี่ย ถึงกับถูกกระบี่น้ำเป็นร้อยเป็นพันโจมตีจนร่างทะลุ
ทุกคนต่างเข้าใจว่าเทพอินทรีหวินตู้คงต้องตายภายใต้หนึ่งกระบี่นี้แล้ว เพียงครู่เดียวเท่านั้น มองเห็นเทพอินทรีหวินตู้ที่ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีเงอะๆ งะๆ
เวลานี้ท่าทางของเทพอินทรีหวินตู้ดูย่ำแย่มาก ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด เสื้อที่เขาสวมใส่ถูกเลือดสดๆ ย้อมจนชุ่ม หน้าอกของเขาถูกกระบี่น้ำที่น่ากลัวแทงจนทลุ เหลือไว้เป็นรูเลือดที่แลดูสยดสยอง บนตัวถูกกระบี่น้ำโจมตีจนทะลุไปหลายแห่ง กล่าวได้ว่าร่างกายของเขาถูกกระบี่น้ำนับร้อยนับพันเล่มแทงจนแทบกลายเป็นกระชอนไปแล้ว
ถ้าหากในวินาทีสุดท้ายไม่ได้ถูกต้านเอาไว้โดยโล่ของมู่เส้าเฉินล่ะก็ เกรงว่าคงถูกความน่ากลัวยิ่งของกระบี่น้ำโจมตีจนกลายเป็นหมอกเลือด ไม่แน่นักอาจต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปก็เป็นได้
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อมองเห็นเทพอินทรีหวินตู้ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเงอะๆ งะๆ แม้แต่มู่เส้าเฉินเองก็พลอยหายใจด้วยความโล่งอกไปด้วย
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่หรือไม่ เวลานี้นาทีนี้เมื่อเห็นว่าเทพอินทรีหวินตู้ยังคงมีชีวิตอยู่ ต่างรู้สึกเหมือนปลดเอาของหนักลงจากบ่าอย่างนั้น การที่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่งถูกสังหารโดยผู้เยาว์คนหนึ่งล่ะก็ มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวเหลือเกิน ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้นี้ยังไม่ได้กลายเป็นราชันแท้จริง
ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นแล้วอนาคตรุ่นอาวุโสที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ก็คงต้องหดหัวเข้าไปอยู่ในบ้านเก่าของตน รุ่นอาวุโสไม่มีโอกาสที่จะได้โงหัวขึ้นมาอีกแล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่าเจ้าเดรัจฉานน้อย ทำให้เจ้าต้องผิดหวังเสียแล้ว เจ้ายังคงสังหารข้าไม่ได้ ขั้นอมตะฆ่าไม่ตายอยู่แล้ว” เวลานี้เทพอินทรีหวินตู้หัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา
การหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งของเทพอินทรีหวินตู้เช่นนี้ ไหนเลยจะไม่ใช่เป็นการสร้างความฮึกเฮิมให้กับตนเองเล่า ในเวลานี้เขาถึงกับรู้สึกสะท้านภายในใจ แม้ว่าร่างกายที่ถูกยิงจนกลายเป็นกระชอนสามารถสร้างขึ้นมาได้ใหม่ แต่ทว่า พลันที่ปะมือก็บ่งบอกแล้วว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่แล้ว หลี่ชิเย่ได้จัดการถล่มเขาจนกลายเป็นกากเดนไปแล้ว หากไม่เป็นเพราะมู่เส้าเฉินลงมือ นับว่าอันตรายอย่างแท้จริง
เขานั้นเป็นถึงระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะเชียวนะ แม้ว่าจะตัวเขาไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นอมตะ แต่ยังไม่ถึงกับอยู่ระดับต่ำสุดแบบนั้น กำลังความสามารถของเขาในชั้นของอมตะนั้นนับว่าใช้ได้อยู่
ตัวเขาที่อยู่ในฐานะเช่นนี้ไม่เคยได้รับบาดเจ็บมานานเท่าไรแล้วล่ะ? เขาเอาจำไม่ได้แล้ว่า ครั้งสุดท้ายที่ถูกผู้อื่นทำให้ต้องบาดเจ็บสาหัสคือเมื่อไรแล้ว มาวันนี้กลับต้องถูกผู้เยาว์คนหนึ่งโจมตีจนร่างกายกลายเป็นกระชอน แล้วจะไม่ให้เข้าต้องรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ในใจได้เล่า เขาแค่หัวเราะเสียงดังเพื่อสร้างความฮึกเหิมให้กับตนเท่านั้น ในใจนั้นได้รู้สึกสะท้านไปแล้ว
“แค่ตามอารมณ์ไปกระบี่เดียวเท่านั้น อุ่นเครื่องนิดหนึ่ง อย่าทำตื่นเต้นเกินไป” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย เมื่อต้องเผชิญกับการหัวเราะเสียงดังของเทพอินทรีหวินตู้
คำพูดที่ไม่สนใจใยดีเช่นนี้พลันทำให้รอยยิ้มของเทพอินทรีหวินตู้ค้างอยู่อย่างนั้นทันที ถึงกับหัวเราะไม่ออกอีก เวลานี้ท่าทางของเทพอินทรีหวินตู้ดูเก้อเขินยิ่งนัก ยืนอยู่ตรงนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ในเวลานี้เขาที่อยู่ในฐานะระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะอ่อนข้อยอมแพ้ให้กับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว จะแข็งขืนสู้รบให้ถึงที่สุด เขาไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“หนึ่งกระบี่ที่ตามอารมณ์? นี่มันคือกระบี่อะไรกัน?” ใช่เพียงแค่รอยยิ้มของเทพอินทรีหวินตู้ที่ยิ้มค้าง ท่าทีของทุกคนก็แข็งทื่อไปด้วย
แค่หนึ่งกระบี่ที่ตามอารมณ์ ก็เล่นงานเทพอินทรีหวินตู้ที่เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะจนกลายเป็นกระชอนไป หนึ่งกระบี่เช่นนี้ออกจะน่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง หนึ่งกระบี่นี้คือหนึ่งกระบี่ลักษณะเช่นใดกันแน่
ทุกคนย่อมไม่รู้ว่า หนึ่งกระบี่ตามอารมณ์ของหลี่ชิเย่นี้คือกระบี่น้ำที่อยู่ใน ‘กระบี่สิ้นสุด’ พลันที่สำแดงกระบี่น้ำออกมา มันสามารถรองรับทุกๆ การโจมตีเอาไว้ ครั้นรองรับการโจมตีจนถึงขีดสุดไปแล้ว ก็จะนำเอาพลังโจมตีของศัตรูทั้งหมดกลับกลายเป็นกระบี่น้ำหมื่นพันเล่มโจมตีสะท้อนกลับไปในทันที
อีกทั้งสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของกระบี่น้ำหาใช้เป็นการสะท้อนพลังโจมตีของศัตรูกลับไป ที่น่ากลัวที่สุดของมันก็คือ เมื่อไรที่มันสะท้อนพลังโจมตีของศัตรูกลับไปก็จะเป็นดั่งสายน้ำที่ไม่ขาดสาย ไม่มีสิ้นสุด สามารถรักษาพลังสะท้อนกลับอานุภาพที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดเช่นนี้อย่างไม่มีสิ้นสุด!
“ผู้อาวุโส ช่วยเหลือข้าอีกแรง คอยดูข้าจัดการสังหารเจ้าอัปลักษณ์นี้เสีย” จังหวะที่เทพอินทรีหวินตู้ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น เสียงของมู่เส้าเฉินได้ดังขึ้น
เวลานี้ทุกคนต่างจ้องมองไปที่มู่เส้าเฉิน มองเห็นเวลานี้มู่เส้าเฉินที่ยืนอยู่ตรงนั้น บริเวณพื้นดินใต้เท้าของเขาปรากฎแสงขึ้นมา ในขณะนี้เอง ประกายแสงที่ปรากฏขึ้นมานั้นเกิดจากลวดลายเต๋าที่ยุบยับจำนวนมากบริเวณใต้เท้าของมู่เส้าเฉิน
มองจากระยะห่างไกล ขาทั้งสองข้างเหมือนมีรากงอกออกมา เป็นรากที่หยั่งลงใต้พื้นดินอย่างนั้น ชั่วพริบตาเดียวนั่นเองได้สร้างมโนภาพให้กับผู้คน เหมือนว่ามู่เส้าเฉินคือต้นไม้ใหญ่ที่เจริญเติบโตอยู่บนผืนแผ่นดินแห่งนี้อย่างนั้น เวลานี้เขาไม่เพียงหลอมรวมร่างกับผืนแผ่นดินเป็นร่างเดียวกัน ทั้งยังดูดเอาพลังของผืนแผ่นดินผืนนี้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
เนื่องเพราะเหตุนี้เอง ก่อนหน้านั้นมู่เส้าเฉินจึงสามารถบังคับควบคุมโล่ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการขัดขวางกระบี่น้ำที่มาอย่างมืดฟ้ามัวดินของหลี่ชิเย่ มิฉะนั้นล่ะก็ อาศัยศักยภาพของมู่เส้าเฉินแม้จะมีโล่ศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยมมีเพียงหนึ่งไม่มีสองในหล้า ก็ไม่สามารถขวางกระบี่น้ำที่มาอย่างมืดฟ้ามัวดินของหลี่ชิเย่เอาไว้ได้
“ดี ในเมื่อหลานมีวิธีการที่ดีในการสังหารมาร ตาเฒ่าอย่างข้าย่อมยินดีช่วยเหลือเต็มที่” เทพอินทรีหวินตู้รู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก หัวเราะเสียงดังทีหนึ่ง เห็นร่างแวบหนึ่งพลันไปยืนอยู่ด้านข้างของมู่เส้าเฉินแล้ว
“พวกเจ้าทั้งสองควรเข้ามาพร้อมกันตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องให้ข้าเสียเวลามาก” หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้รู้สึกตระหนก ยิ้มจางๆ ขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...