เวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่กลั้นลมหายใจเพื่อจ้องมองภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทุกคนถึงกับรู้สึกหวาดกลัวขนลุกซู่
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะนี้มู่เส้าเฉินได้เปิดกล่องวิเศษที่อยู่ในมือแล้ว ขณะที่กล่องวิเศษใบนี้ถูกเปิดออกมา พลันได้ยินเสียงดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมา
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ความเยือกเย็นได้ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน พริบตาเดียวนั่นเองทั่วโลกเหมือนกลายเป็นถ้ำน้ำแข็งอย่างนั้น กระทั่งเยือกเย็นยิ่งกว่าถ้ำน้ำแข็งสิบเท่ากระทั่งร้อยเท่า…
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น จังหวะที่กล่องวิเศษถูกเปิดออกมานั้น ปรากฏหิมะได้ตกไปทั่วโลก ทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ หิมะตกเป็นวงกว้างนับหมื่นลี้ ภูเขาที่ขึ้นลงสลับพลันกลับกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งแต่ละลูก ไม่ใช่ภูเขาหิมะ แต่เป็นภูเขาน้ำแข็ง ภูเขาแต่ละลูกล้วนแล้วแต่ถูกผนึกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าช่างน่าสยองขวัญเหลือเกิน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ถูกน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วโลก พลังน้ำแข็งพลันปกคลุมพื้นดินแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีสรรพสัตว์จำนวนเท่าไรที่ถูกผนึกเป็นดั่งแกะสลักน้ำแข็งในเสี้ยววินาที และต้องเสียชีวิตไปไม่มีโอกาสแม้แต่จะดิ้นรนหรือร้องออกมา
บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ถอนตัวไปอยู่เส้นขอบฟ้าถึงกับร่างสั่นเทาเมื่อมองเห็นน้ำแข็งที่ปกคลุมทั่วฟ้าดินในพริบตา ไม่รู้ว่ามีสรรพสัตว์จำนวนเท่าไรที่กลายเป็นรูปแกะสลักน้ำแข็ง ถ้าหากพวกเขาช้าไปเพียงก้าวเดียวล่ะก็ ขอเพียงไม่สามารถต้านทานกับพลังน้ำแข็งนี้ได้ ไม่แน่นักต้องกลายเป็นแกะสลักน้ำแข็งไปในพริบตาเดียวเช่นกัน และต้องเสียชีวิตไปภายใต้ความเย็นสุดขั้วนี้เช่นกัน
ขณะที่มู่เส้าเฉินเปิดกล่องวิเศษนี้ขึ้นมานั้น ร่างกายของเขาก็ดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมาทั่วร่างเช่นกัน เริ่มจากแขนของเขาลามไปจนเกือบจะถูกผนึกด้วยน้ำแข็งไปทั่วตัว ต่อให้ตัวของมู่เส้าเฉินนั้นแข็งแกร่งมากก็ตาม ก็ต้านพลังเยือกเย็นเช่นนี้ไม่ได้เช่นกัน
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง พลังวัตรที่น่าเกรงขามและเปี่ยมด้วยพลังของเทพอินทรีหวินตู้ได้ถูกถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของมู่เส้าเฉินดั่งน้ำในแม่น้ำอย่างนั้น ช่วยเขาต่อต้านพลังน้ำแข็งผนึกเอาไว้
ทุกคนจึงได้มองเห็นอย่างชัดเจนในเวลานี้เอง ภายใจกล่องวิเศษมีลูกแก้ววิเศษอยู่ลูกหนึ่ง ขนาดของมันราวๆ ไข่ห่าน สีออกเป็นสีขาว เสมือนดั่งอาศัยหินขาวก้อนหนึ่งมาเจียระไนขึ้น มันดูค่อนข้างธรรมดามาก และไม่ได้เปล่งประกายของเพชรนิลจินดาอะไรนั่นออกมา ด้วยลูกแก้ววิเศษสีขาวลูกนี้แหละ ถึงกับมีพลังน้ำแข็งผนึกฟ้าดินได้ นับว่าน่าสยองขวัญมากเหลือเกิน
“นับว่าเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่งโดยแท้ เสียดาย พลังรั่วไหลจึงไม่ได้ถูกหลอมกลั่นเป็นผลสำเร็จอย่างแท้จริง ภาพรวมของของวิเศษชิ้นนี้ยังไม่สมบูรณ์ ยังคงความเป็นวัตถุดิบดั้งเดิมอยู่เจ็ดส่วน” หลี่ชิเย่หัวเราะออกมาขณะมองดูลูกแก้ววิเศษที่อยู่ตรงหน้า และกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นหนึ่งเท่านั้น ดูท่าคงเป็นผลงานการหลอมกลั่นระยะแรกของปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้า ภายหลังได้บรรลุในระดับที่สูงขึ้นแล้ว จึงได้ละทิ้งอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นนี้ไป และเปิดเตาหลอมสร้างอีกครั้ง”
‘อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค!’ ผู้คนจำนวนมากเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก
“มีเพียงปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนเท่านั้นที่สามารถหลอมสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริงขึ้นมาได้ และได้รับการขนานนามว่าเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคปฐมบรรพบุรุษ” มีบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่รู้ถึงข้อแตกต่างในเรื่องนี้เอ่ยขึ้น
แม้จะกล่าวว่า อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคของปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนที่หลอมสร้างขึ้นมาจึงนับเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริง แต่ว่าปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิราชัน และแดนลัทธิพรรษก็เคยอาศัยรูปแบบของอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคมาสร้างเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของตน และหรืออาจกล่าวได้ว่า ขณะที่พวกเขายังอยู่ในระดับชั้นเช่นนี้ก็สามารถค้นพบวัตถุดิบที่มีความเหมาะสมสำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคมากที่สุดได้แล้ว จึงเริ่มทำการสร้างฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคของตน
เพียงแต่ ฐานแม่พิมพ์อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคลักษณะเช่นนี้ คิดจะให้กลายเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริงยังต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวไกลมาก มันยังต้องรอให้ปฐมบรรพบุรุษก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิเซียนเสียก่อน จึงสามารถกลายเป็นอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่แท้จริงได้
ดังนั้น ระหว่างที่เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษผู้นั้น หากฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคสร้างขึ้นขณะอยู่ในชั้นของแดนลัทธิราชันจะเรียกว่าเป็นว่าที่อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค และฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่สร้างขึ้นขณะอยู่ในชั้นแดนลัทธิพรรษเรียกว่าอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุค
ลูกแก้ววิเศษที่อยู่ในมือมู่เส้าเฉินลูกนี้ก็คือฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่ถูกหลอมสร้างขึ้นขณะที่มู่หวินเพิ่งจะก้าวขึ้นสู่ระดับปฐมบรรพบุรุษในครั้งกระนั้น แต่ว่า ภายหลังเขาได้ก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุด และกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษแดนลัทธิเซียนแล้ว เขากลับละทิ้งฐานแม่พิมพ์สำหรับสร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นนี้ไป และสืบหาวัตถุดิบใหม่สร้างอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคที่ใหม่ทั้งหมดขึ้นมาแทน
ด้วยเหตุนี้เอง อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นนี้จึงถูกมอบให้อยู่คู่กับตระกูลมู่ และถ่ายทอดสู่ทายาทที่เป็นลูกหลานสืบไป
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เป็นความจริงที่มู่เส้าเฉินได้รับการโปรดปรานและให้ความสำคัญจากตระกูลมู่ยิ่งนัก ถึงกับให้เขาได้พกพาอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคชิ้นนี้มายังแดนลัทธิพรรษ
“เจ้าคนแซ่หลี่ แม้จะเป็นเพียงอาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคก็เพียงพอที่จะสังหารเจ้าได้!” มู่เส้าเฉินในเวลานี้คำรามเสียงดังขึ้นมา
“แค่อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ถ้าหากข้าต้องการ ก็สามารถสั่งมาเป็นล็อตสักโหลหนึ่งมาแจกตามอารมณ์ เศษเหล็กเก่าๆ แค่นี้ไหนเลยสามารถฆ่าข้าได้”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้ทุกคนต้องอ้าปากตาค้าง มีผู้ที่พูดตะกุตะกะขึ้นมาว่า “คำ คำพูดนี้เกินไปแล้วกระมัง อาวุธกึ่งยอดเยี่ยมแห่งยุคก็ ก็ ยังเป็นได้แค่เศษเหล็กเก่าๆ ยังจะมีของวิเศษใดสามารถเข้าตาของเขาได้”
“ไม่รู้จักเจียมตน วันนี้จะสังหารเจ้าแน่นอน” มู่เส้าเฉินคำรามเสียงดังก้อง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ประกายแสงใต้เท้าของมู่เส้าเฉินพลันสว่างไสวขึ้นมา และกลายเป็นสว่างจ้าอย่างยิ่งในพริบตาเดียว เสมือนดั่งดวงตะวันจันทราและดวงดาวพลันปะทุเป็นประกายแสงที่เจิดจ้าปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา ส่องสว่างจนหมื่นอาณาจักรไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว พลังที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามพลันพวยพุ่งขึ้นมา แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล ในพริบตาเดียวนั้นเอง มู่เส้าเฉินเสมือนดั่งเป็นผืนแผ่นดินที่รองรับพลังของพื้นดินกว้างใหญ่ไพศาลเอาไว้ เหมือนว่าตัวของเขากลับกลายเป็นสูงใหญ่ปราศจากผู้ใดเทียมในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...