ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2381

จูเซียงหวู่ถิง คือหนึ่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนลัทธิพรรษ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า นอกเหนือจากพรรคหยางหมิงแล้วไม่มีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ สามารถแข็งแกร่งยิ่งไปกว่าจูเซียงหวู่ถิงได้อีกแล้ว

จูเซียงหวู่ถิงก่อตั้งขึ้นโดยหวู่จู่ ขณะที่หวู่จู่ทำการกลั่นและสร้างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงขึ้นมานั้น ได้ทุ่มเทกำลังกายใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ในจำนวนปฐมบรรพบุรุษนับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา หวู่จู่นับว่าเป็นปฐมบรรพบุรุษที่มากด้วยสีสันคนหนึ่ง เขาเคยได้รับการยกย่องจากผู้คนว่าเป็นผู้ที่มีวิชาต่อสู้ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง และเคล็ดกระบวนท่าอันดับหนึ่ง

เล่าลือกันว่า ในขณะที่หวู่จู่ยังอยู่ในวัยหนุ่มเคยพบเจอศิลาสวรรค์ด้านหนึ่ง โดยด้านหนึ่งของศิลาสวรรค์มีการจารึกตำราสวรรค์อยู่บทหนึ่ง สัจธรรมของตำราสวรรค์บทนี้ลึกซึ้งยากจะเข้าใจยิ่งนัก หลังจากที่หวู่จู่ได้เห็นแล้วได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง และสามารถสร้างแนวทางของตนเองขึ้นมา เป็นที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งและสุดยอดในหล้า

และมีคำเล่าลือว่า เนื่องเพราะหวู่จู่ได้มาเห็นศิลาสวรรค์ด้านนี้นั่นเอง ท้ายที่สุดจึงได้คิดค้นและสร้างเคล็ดกระบวนท่าที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งและสุดยอดในหล้าดั่ง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ขึ้นมาได้!

การเดินอยู่บนผืนแผ่นดินของจูเซียงหวู่ถิงนั้น จะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่ทรงพลังที่กระเพื่อมอยู่ แต่ว่าพลังแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรนี้แตกต่างจากพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ จำนวนมาก

ขณะที่พลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่นๆ มีการกระเพื่อมนั้น มันเป็นเพียงพลังอย่างเดียวล้วนๆ เป็นพลังที่ยังคงหลงเหลือจากปฐมบรรพบุรุษขณะที่มีการกลั่นบูชาสร้างแผ่นดินสัจธรรม แต่ว่าพลังกระเพื่อมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงกลับมีปณิธานการต่อสู่ที่ลึกซึ้งมาก เหมือนว่าพลังแต่ละสายที่กระเพื่อมล้วนแล้วแต่ซ่อนกระบวนท่าแต่ละท่าเอาไว้ มีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนที่ก้าวเท้าเข้าไปในจูเซียงหวู่ถิงก็จะรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างชัดเจน และด้วยเหตุนี้จึงมีคำเล่าลือว่า ครั้งนั้น ขณะที่หวู่จู่หลั่นบูชาเพื่อสร้างจูเซียงหวู่ถิงขึ้นมานั้น ได้นำเอาสุดยอดวิชาหลอมรวมเข้าไปในพื้นที่ทุกตารางนิ้วทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ รวมทั้ง ‘สิบสองกระบวนท่าหวู่จู่’ ดังนั้น หากผู้นั้นสามารถบรรลุพลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงได้ ก็จะสามารถบรรลุถึงเคล็ดวิชาของจูเซียงหวู่ถิงได้

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากล้วนแล้วแต่เคยทดลองกันมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ เล่าลือกันว่า มีเพียงผู้ที่เคยฝึกพลังภายในของหวู่จู่มาก่อน จึงสามารถบรรลุความยอดเยี่ยมลึกซึ้งได้มาบ้าง

การเดินอยู่ท่ามกลางผืนแผ่นดินของจูเซียงหวู่ถิง หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ความรู้สึกที่คุ้นเคย จังหวะที่คุ้นเคย ทุกสิ่งล้วนก่อกำเนิดวิวัฒนาขึ้นมาจากอักษรเพียงคำเดียว”

หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปช้าๆ ดูเหมือนช้า แต่ ภายในระยะเวลาอันสั้นเข้าก็ได้ก้าวข้ามฟ้าดินมาถึงด้านนอกของจูเซียงหวู่ถิงแล้ว

ขณะที่หลี่ชิเย่ยังไม่ทันเข้าใกล้จูเซียงหวู่ถิงก็ได้พบกับคนๆ หนึ่ง คนผู้นี้สวมชุดยาวทั้งชุดและพรางหน้าตามองไม่เห็นโฉมหน้าที่ชัดเจน และไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด

“คุณชายหลี่ ข้าได้รับการไหว้วานมา มีจดหมายฉบับหนึ่งขอคุณชายได้พิจารณา” หลังจากคนผู้นี้ได้ปรากฏตัวก็ได้มอบจดหมายให้หลี่ชิเย่หนึ่งฉบับ จากนั้นก็หายตัวไป

หลี่ชิเย่เปิดจดหมายออกมาอ่าน หลังจากอ่านจบแล้วหัวเราะและจดหมายฉบับนั้นก็ถูกเผาไหม้เป็นจุณ

จดหมายฉบับนี้ก็คือจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของหวู่ปิงหนิง ข้อความในจดหมายเป็นการขอความเมตตาให้กับจูเซียงหวู่ถิง จะอย่างไรเสียนางก็กำเนิดมาจากจูเซียงหวู่ถิง นางจึงไม่ต้องการเห็นจูเซียงหวู่ถิงต้องกลายเป็นเถ้าธุลีด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่

“นังหนูนี่” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า แน่นอน จะทำลายจูเซียงหวู่ถิงหรือไม่นั้นเขาย่อมมีความพอดีอยู่แล้ว

เมื่อยืนอยู่ด้านนอกของจูเซียงหวู่ถิงแล้วแหงนหน้าขึ้นมอง มองเห็นภาพรวมของจูเซียงหวู่ถิงดูดีและน่าเกรงขาม ณ ที่ตรงนี้มีลักษณะที่เป็นเอกเทศของตนเอง เสมือนหนึ่งกลายเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ผืนหนึ่ง

จูเซียงหวู่ถิงมีฐานะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ โดยมีสภาพเหมือนเป็นโลกๆ หนึ่งของตนเอง กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตสิ้นสุด นิกายของตระกูลขุนนางโบราณมีมากมายราวดอกเห็ด สำนักของตระกูลขุนนางโบราณก็มีจำนวนนับพัน

ขณะที่ศูนย์กลางอำนาจที่แท้จริงของจูเซียงหวู่ถิงก็อยู่ที่หวู่ถิงนั่นเอง นับตั้งแต่หวู่จู่ได้ก่อตั้งจูเซียงหวู่ถิงขึ้นมา หวู่ถิงก็คือสถานที่ที่บัญชาการทั่วหล้าของจูเซียงหวู่ถิงนั่นเอง

มองเห็นภาพรวมของจูเซียงหวู่ถิงทั้งหมดดูสูงตระหง่านอย่างยิ่ง ภายในหวู่ถิงมีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงเสียดฟ้า และมีตำหนักยักษ์ลอยอยู่กลางอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีดวงตะวันและจันทราที่ห้อยอยู่บนท้องฟ้า สภาพของหวู่ถิงโดยรวมก็เสมือนหนึ่งเป็นโลกๆ หนึ่งอย่างนั้น

ที่ตรงนี้มีแม่น้ำทะเลและภูเขา มีร่อยรอยของแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ บนท้องฟ้ามีมังกรเจียวหลงที่บินร่อน บนพื้นดินมีสัตว์มงคลที่วิ่งกันอยู่ตรงนั้น ด้วยผืนแผ่นดินลักษณะเช่นนี้มันคือแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์โดยแท้

หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งขณะมองดูหวู่ถิงที่อยู่ตรงหน้า หวู่ถิงในเวลานี้เรียกได้ว่าปิดประตูสนิท เหมือนว่าไม่มีความคิดที่อยากจะรับแขกเอาเสียเลย

ความจริงแล้ว นาทีนี้บนกำแพงเมืองที่สูงตระหง่านทะลุเมฆาของหวู่ถิงนั้น ทหารแต่ละนายที่เฝ้ากำแพงเมืองต่างตื่นเต้นยิ่งนัก ทหารทุกนายต่างกำทวนยาวที่อยู่ในมือของตนเสียแน่น กลิ่นอายฆ่าฟันตลบอบอวล ไปทั่วฟ้าดิน

ตูม…เสียงดังสนั่น เวลานี้หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปภายในหวู่ถิง ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปนั้น กำแพงเมืองที่สูงใหญ่แข็งแรงกลับเหมือนทำขึ้นมาจากกระดาษอย่างนั้น กำแพงพังทลายลงทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป กระทั่งทำให้เกิดการสั่นไหวไปทั่วหวู่ถิงทีหนึ่ง ภายใต้หนึ่งฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่สามารถทำลายกำแพงเมืองที่ยาวนับหมื่นลี้ได้

“อันธพาล คนโหดอันดับหนึ่งย่อมเป็นคนโหดอันดับหนึ่ง ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้” ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อมองเห็นการมาถึงของหลี่ชิเย่ก็ทำลายกำแพงเมืองของจูเซียงหวู่ถิงจนแหลกละเอียดในเท้าเดียว ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับแอบยกนิ้วให้

“กำแพงเมืองของจูเซียงหวู่ถิงถูกผู้อื่นทำลาย มันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่กี่ยุคกี่สมัยที่ผ่านมาแล้ว” แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิยังต้องหัวเราะเจื่อนๆ

ทอดสายตามองไปทั่วหล้า จะมีสักกี่คนกันที่หาญกล้าเหยียบทำลายกำแพงเมืองของจูเซียงหวู่ถิงตั้งแต่แรกที่มาถึง มันเป็นการตบหน้าจูเซียงหวู่ถิงอย่างแรงต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าชัดๆ นี่เป็นการประกาศไม่ขออยู่ร่วมโลกกับจูเซียงหวู่ถิง หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล