ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2386

สรุปบท ตอนที่ 2386 กลืนกินเวลา: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2386 กลืนกินเวลา – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet

บท ตอนที่ 2386 กลืนกินเวลา ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในเวลานี้เอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่จ้องมองไปที่อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง หน้าตาลักษณะเช่นนี้เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก สรุปคือทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่

แต่ว่า อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงกลับเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย สมควรทราบว่าอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงที่ก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว เขาสามารถแปลงโฉมของตนเองได้อย่างสิ้นเชิง แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น ยังคงรักษาหน้าตาเดิมๆ ของตนเองเอาไว้ กระทั่งกล่าวได้ว่าเขามีความพึงพอใจอย่างยิ่งในหน้าตาของตนเอง

ด้วยเหตุนี้เอง จึงยิ่งทำให้ผู้คนต้องรู้สึกสั่นเทิ้ม อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง บางทีคำว่า ‘อสรพิษคลั่ง’ นี้เหมาะสมกับตัวเขาที่สุด และดูเหมือนว่ามีเพียงคำสองคำนี้ที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของเขาได้มากที่สุดแล้ว

“เช่นนั้น วันนี้ขอแสดงฝีมืออันต่ำต้อยแล้วล่ะ” เวลานี้อสรพิษฟ้ากรรแสงจ้องมองดูหลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นช้าๆ

ในเวลานี้เอง ท่าทางของอสรพิษฟ้ากรรแสงหนักแน่นจริงจัง ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าเขาต้องสำแดงท่าไม้ตายออกมาแน่นอน อีกทั้งท่าไม้ตายนี้ของเขาพลันสำแดงออกมา เขาก็ต้องแลกด้วยค่าตอบแทนไม่น้อยเลยทีเดียว

เสียงตูมดังสนั่น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ร่างของอสรพิษฟ้ากรรแสงได้พวยพุ่งเป็นหมอกดำที่ดั่งคลื่นยักษ์ออกมาทั่วร่าง หมอกดำได้ปกคลุมท้องฟ้าและดวงตะวัน หมอกดำมีความน่ากลัวอย่างยิ่ง ขอเพียงสัมผัสกับมันก็จะได้ยินเสียงดังจี๊ด จึ๊ด จี๊ดขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไปสัมผัสกับหมอกดำนี้ก็จะถูกละลายไปทันที เหมือนว่ามันเปี่ยมด้วยพิษที่ร้ายแรงยิ่งอย่างนั้น

หมอกดำมาไวไปเร็ว หลังจากที่หมอกดำได้จางหายไปแล้ว ร่างที่แท้จริงของอสรพิษฟ้ากรรแสงหวังซื้อฮว๋าได้ปรากฎออกมา

ก่อนหน้านั้นลักษณะที่เป็นมนุษย์นั้นยังไม่ใช่ร่างแท้จริงดั้งเดิมของหวังซื้อฮว๋า นั่นเป็นเพียงร่างที่เป็นรูปของมนุษย์เท่านั้นเอง เวลานี้ที่ปรากฏออกมาจึงจะเป็นร่างที่แท้จริงของเขา

ร่างแท้จริงที่ได้เผยโฉมออกมาของหวังซื้อฮว๋าก็น่าสยองขวัญอย่างยิ่ง มองเห็นเพียงหัวขนาดยักษ์ที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าสูง หัวนี้มีขนาดที่ใหญ่โตมาก ดูไปแล้วก็คล้ายดั่งเป็นสันเขาขนาดยักษ์อย่างนั้น

แม้ว่าส่วนหัวของหวังซื้อฮว๋าจะมีขนาดที่ใหญ่มาก แต่ร่างกายของเขากลับมีขนาดสั้นและเล็ก เมื่อมองดูให้ละเอียด ลักษณะของมันมีส่วนคล้ายกับลูกอ๊อดที่ขยายให้ใหญ่ขึ้น แต่ว่ามันมีความน่าสยองขวัญมากกว่าลูกอ๊อดไม่รู้กี่เท่าตัว

มองเห็นเพียงบนหัวขนาดใหญ่โตมโหฬารของหวังซื้อฮว๋ามีเขาสีดำที่เป็นเลื่อยยาวๆ เหมือนเกล็ดอยู่สามอัน และส่วนหัวมีเกล็ดที่ออกเป็นสีแดงหม่นๆ ขณะที่ฟันสองแถวที่อยู่ในปากทั้งเล็กทั้งยาวและแหลม

หลังจากที่หวังซื้อฮว๋าได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้วนั้น ฟันของเขาไม่รู้ว่ามีขนาดที่ยาวกว่ากันเท่าไรขณะที่ยังอยู่ในร่างของมนุษย์ เวลานี้ฟันเป็นแถวที่คล้างหวีของเขานั้น ทุกๆ ซึ่เหมือนกระบี่ที่เยือกเย็นแต่ละเล่มที่ทั้งยาว แหลมคมและ และมีขนาดเล็ก ฟันทุกๆ ซี่ล้วนแล้วแต่ส่งประกายเยือกเย็นที่แวบวับออกมา

ฟันที่เป็นแถวในลักษณะเช่นนี้สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่แก่ผู้คนที่พบเห็น ย่อมไม่ต้องสงสัยเลยว่า ใครก็ตามหากถูกฟันของเขากัดเข้าให้ ก็ต้องถูกเคี้ยวจนกลายเป็นเศษเนื้อโดยทันที

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้เอง บนตัวของหวังซื้อฮว๋าปรากฎประกายน่ากลัวที่วูบวาบขึ้นมาทั่วทั้งตัว ประกายที่วูบวาบออกมาจากตัวของเขาทั้งหมดเป็นสีเทาเข้ม เสมือนหนึ่งประกายทุกสายล้วนแล้วแต่เปี่ยมด้วยความตายอย่างนั้น ไม่ว่าสิ่งใดก็หนีประกายแห่งความตายบนตัวของเขาไปได้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ภายใต้ประกายแห่งความตายนี้

“เฒ่าหวัง ข้าช่วยเจ้าอีกแรง” ในเวลานี้เอง มู่เส้าเฉินคำรามเสียงยาวออกมาและเหินฟ้าขึ้นไปทันที โดยร่างของเขาได้สิงเขากับร่างกายส่วนล่างของหวังซื้อฮว๋า

เมื่อร่างของมู่เส้าเฉินสิงเข้ากับด้านล่างใต้ศีรษะขนาดยักษ์ของหวังซื้อฮว๋านั้น ความรู้สึกที่บังเกิดกับผู้คนก็คือ หวังซื้อฮว๋าคือปลาวาฬขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง ขณะที่มู่เส้าเฉินเปรียบเสมือนเหาปลาที่เกาะอยู่บนตัวของหวังซื้อฮว๋า

เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง มู่เส้าเฉินได้พวยพุ่งประกายออกมาทั่วตัว และมีหลักกฎเกณฑ์ที่ทิ้งตัวลงมา ในขณะนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่าพลังที่อยู่ใต้พื้นดินถูกมู่เส้าเฉินดูดเอาไปอย่างไม่ขาดสาย

ตูม…เสียหนึ่งดังขึ้น จากการที่มู่เส้าเฉินได้ทำการดูดเอาพลังจากใต้พื้นดินเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แล้วก็ถ่ายทอดส่งต่อให้กับหวังซื้อฮว๋า ชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง มู่เส้าเฉินได้ทำการสร้างเป็นสะพานเชื่อมระหว่างหวังซื้อฮว๋ากับพื้นดินผืนนี้ผ่านมู่เส้าเฉิน หวังซื้อฮว๋าถึงกับสามารถควบคุมพลังของผืนแผ่นดินผืนนี้ได้

“การหยิบยืมพลังจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิง” ในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างสะดุ้งและตกใจอย่างยิ่งเมื่อรับรู้ได้ว่ามู่เส้าเฉินในเวลานี้ถึงกับดูดเอาพลังใต้พื้นดินไปอย่างไม่ขาดสาย

ดวงตาคู่นั้นของทุกๆ คนล้วนแล้วแต่เบิกกว้างขณะมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้า มู่เส้าเฉินถึงกับสามารถหยิบยืมพลังของจูเซียงหวู่ถิงได้ เรื่องเช่นนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

ธาตุแท้ภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดลัทธิหนึ่ง อย่าว่าแต่คนนอกเลย ต่อให้เป็นศิษย์ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเองก็ยากที่จะควบคุมหรือหยิบยืมมาใช้ มีเพียงระดับบรรพบุรุษที่บรรลุถึงสัจธรรมของปฐมบรรพบุรุษของตนได้อย่างแท้จริง จึงสามารถพูดถึงการไปหยิบยืมหรือควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินั้นๆ ได้

อย่างไรก็ตาม มู่เส้าเฉินหาใช่ศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิง เขาเป็นเพียงบุคคลภายนอกคนหนึ่งเท่านั้นเอง อีกทั้งระยะเวลาตัวเขารั้งอยู่ในจูเซียงหวู่ถิงไม่ได้นานมากนัก

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มู่เส้าเฉินถึงกับสามารถหยิบยืมพลังจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจูเซียงหวู่ถิงมาได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเหลือเกิน สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าหลี่ชิเย่ได้บรรลุสุดยอดสัจธรรมของจูเซียงหวู่ถิงได้มาไม่น้อยทีเดียวแล้ว

แม้ว่าจะเป็นการหยิบยืมเอาพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิมาได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น แต่ว่า ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้คงไม่มีใครอีกแล้ว อย่าว่าแต่บุคคลภายนอกเลย แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของจูเซียงหวู่ถิงเองที่ได้เห็นภาพนี้แล้ว ก็ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง

“นี่คือการกลืนกินกาลเวลา กาลเวลาในอนาคต” มีระดับบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิพลันมองออกถึงเส้นสนกลในถึงกับร้องออกมาด้วยความหวาดผวา เมื่อมองเห็นอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงแค่ดูดนิดหนึ่งเท่านั้น ก็ได้ดูดเอาประกายแสงที่อยู่บนตัวของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของจูเซียงหวู่ถิงไป และยอดฝีมือเหล่านี้ได้กลับกลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยพลัน

ที่แท้การที่อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงดูดเบาๆ ทีหนึ่ง สิ่งที่ดูดเอาไปนั้นหาใช่ประกายแสงอะไร แต่เป็นกาลเวลาและเวลาที่อยู่ภายในร่างกายของคนทุกคน หรือจะอธิบายให้ง่ายเข้าก็คือเป็นอายุขัยของทุกคน เขาดูดเอากาลเวลาและเวลาในอนาคตของผู้นั้นไปในทันที เท่ากับเป็นการบ่งบอกว่าได้ดูดเอาอายุขัยทั้งหมดของผู้นั้นไป ผู้ที่ถูกดูดเอาเวลาไปจนหมดสิ้นจึงต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยพลัน

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของระดับบรรพบุรุษผู้นี้แล้วถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง เวลานี้มีผู้คนจำนวนมากยิ่งขึ้นได้ออกห่างจากสมรภูมิการต่อสู้นี้ให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย เมื่อใดที่ถูกอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงดูดเอาไปก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลี

“สหายหวัง ระวังศิษย์ของพวกเราด้วย” จังหวะที่อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงได้ดูดเอาชีวิตศิษย์ของจูเซียงหวู่ถิงจำนวนไม่น้อยไปรวดเดียว เสียงของเทพสงครามมังกรคชาธารได้พูดขึ้นมาช้าๆ

“ขออภัย ผิดพลาดไป” ในเวลานี้อสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงคำรามเสียงยาวขึ้นมา และร้องกล่าวเสียงดังกับหลี่ชิเย่ว่า “รับมือ”

ฟู่ววว…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั้นเอง ปากขนาดใหญ่ของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงพลันหันตรงไปยังหลี่ชิเย่และทำการดูดเข้าไป ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เสมือนดั่งสุริยันจันทราและดวงดาวบนจักรวาลล้วนแล้วแต่ไม่สามารถรองรับพลังดูดที่น่ากลัวสายนี้ได้ ถูกดูดเข้าไปและกลายเป็นผุยผงในทันที

ภายใต้การดูดลักษณะเช่นนี้ ได้ยินเสียงฟู่วววเสียงหนึ่ง ช่องว่าง วันเวลาพลันถูกดึงเอาไปทันที บริเวณที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่นั้นถูกดูดเอาไปทุกอย่างและกลายเป็นผุยผงในทันที และหายวับไปกับตาในชั่วพริบตา

ภายใต้การดูดเช่นนี้ มองเห็นร่างกายของหลี่ชิเย่เหมือนเริ่มมีการแยกออก ร่างกายของหลี่ชิเย่คล้ายปั้นขึ้นมาจากดินเหนียว เหมือนถูกแดดต้องลมค่อยๆ เสื่อมสลายไป เนื้อหนังกระดูกและเอ็นถึงกับค่อยๆ หายไป เหมือนกลายเป็นฝุ่นผงอย่างนั้น ถูกอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงดูดเอาไป

สมควรทราบว่า แม้แต่วันเวลายังไม่สามารถหลุดรอดจากการดักจับของปากที่กว้างใหญ่ของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงไปได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสรรพสัตว์อื่นๆ อีกเลย ยิ่งยากจะหนีไปจากการดูดของอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสง

ขอเพียงอสรพิษคลั่งฟ้ากรรแสงอ้าปากและดูด ก็สามารถดูดเอากาลเวลาและวันเวลาทั้งหมดของผู้นั้นไป ทำให้กลายเป็นเถ้าธุลี และหายวับไปกับตาในทันที

………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล