ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2420

การที่ฮ่องเต้ไท่ชิงแต่งตั้งคนอย่างหลี่ชิเย่เป็นรัชทายาท ทำให้ภายในใจของปรมาจารย์ห้าสำนักใหญ่ต่างแอบดีใจอยู่เงียบๆ จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับห้าสำนักใหญ่เช่นพวกเขาแล้ว ถือเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง

ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย มีอำนาจเด็ดขาดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมด อำนาจที่อยู่ในมือของเขานั้นเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ภายใต้การกุมอำนาจของฮ่องเต้ไท่ชิง ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดๆ ก็ตามล้วนแล้วแต่เสมือนดั่งเดินอยู่บนน้ำแข็งบางๆ มีโอกาสได้รับอันตรายได้ทุกเมื่อ

แม้แต่หอหลินไห่เก๋อ ตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งเช่นพวกเขา ล้วนแล้วแต่ต้องระมัดระวังตัวอย่างยิ่งภายใต้การปกครองของฮ่องเต้ไท่ชิง ถ้าหากฮ่องเต้ไท่ชิงต้องการทำลายล้างพวกเขา เป็นความจริงที่พวกเขาไม่แน่ว่าจะต้านรับได้ไหว

ดังนั้น ฮ่องเต้ไท่ชิงในเวลานี้ต้องการแต่งตั้งหลี่ชิเย่ที่เป็นคนไม่เอาไหนขึ้นเป็นรัชทายาท มันเป็นการบ่งบอกว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นกำลังก้าวสู่การเสื่อมโทรมแล้ว

ในเวลานี้ ห้าปรมาจารย์ที่มีตำแหน่งสูงสุดอดที่จะดีใจลึกๆ ไม่ได้ และโชคดีที่ฮ่องเต้ไท่ชิงกุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว มีอำนาจและยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียว มีเพียงฮ่องเต้ไท่ชิงที่เผด็จการเช่นนี้จึงสามารถแต่งตั้งคนที่ไร้ความสามารถอย่างหลี่ชิเย่ขึ้นมาเป็นรัชทายาทได้

ถ้าหากฮ่องเต้ไท่ชิงไม่ใช่ประเภทเผด็จการที่รวบอำนาจไว้คนเดียวล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่ราชวงศ์โต่วเซิ่นจะแต่งตั้งคนไร้ความสามารถเช่นนี้มาเป็นรัชทายาทได้ ต่อให้ฮ่องเต้ไท่ชิงเห็นด้วย บรรพบุรุษคนอื่นๆ ของราชวงศ์โต่วเซิ่นก็จะไม่เห็นชอบด้วย

แต่ว่า เวลานี้ภายใต้อำนาจที่เด็ดขาดของฮ่องเต้ไท่ชิง แม้ว่าระดับบรรพบุรุษคนอื่นๆ ของราชวงศ์โต่วเซิ่นไม่เห็นด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ปฏิบัติตามเท่านั้น

“ลูกเอ๊ย ต่อไปต้องคบค้าสมาคมกับห้าปรมาจารย์ให้ดี คบหากับหอหลินไห่เก๋อห้าสำนักใหญ่ให้ดี” เวลานี้ท่าทางของฮ่องเต้ไท่ชิงดูอ่อนโยนมีเมตตา และพยายามอย่างยิ่ง เหมือนหนึ่งเป็นบิดาที่มีเมตตาและอ่อนโยนและหลงรักมากเป็นพิเศษ

“ข้ารู้แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ท่าทางอย่างไรก็ได้โดยสิ้นเชิง กระทั่งออกจะไม่ค่อยสบอารมณ์นิดๆ ด้วยซ้ำ

เมื่อห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดได้เห็นท่าทีของหลี่ชิเย่แล้ว ทำให้พวกเขาอดที่จะมองตากันและกัน ลองคิดดู ฮ่องเต้ไท่ชิงที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้าเป็นผู้ที่พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นใด และโหดเหี้ยมเพียงใด ไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องตัวสั่นงันงกเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา และขาสั่นทั้งสองข้าง

เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงที่โอหังอย่างยิ่งนับว่าถูกผู้ไร้ความสามารถคนหนึ่งเอาอยู่ ถ้าหากว่าบุตรนอกสมรสของฮ่องเต้ไท่ชิงเหมือนเช่นบุตรีที่สุดยอดมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง สำนักต่างๆ ที่อยู่ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็จะไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก โชคดีที่บุตรนอกสมรสของเขาคนนี้ถึงกับไร้ความสามารถถึงเพียงนี้

“ข้าเองคงมีเวลาไม่มากแล้ว” เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงที่มีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงได้กล่าวกับห้าปรมาจารย์ช้าๆ ว่า “ข้าคิดจะจัดการเรื่องแต่งงานของเด็กให้เรียบร้อยก่อนที่จะจากโลกนี้ไป”

ครั้นบรรดาห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของฮ่องเต้ไท่ชิงแล้ว ต่างมองตากันและกัน และมีปรมาจารย์ผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้นทันทีว่า “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย นังหนูตระกูลปิงฉือสุดแต่องค์ชายจะเลือก”

“แคว้นว่านเจิ้นพวกเรามีสาวงามเป็นหมื่นพัน สุดแต่องค์รัชทายาทจะเลือกเป็นสนม” ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของแค้วนว่านเจิ้นรับกล่าวตาม

กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วนี่คือโอกาสที่ฟ้าประทาน ถ้าหากพวกเขาเอาศิษย์สาวของสำนักส่งเข้าวังและกลายเป็นสนมของรัชทายาท ย่อมไม่ต้องสงสับว่าเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้ควบคุมรัชทายาทเอาไว้

หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมา เมื่อเห็นห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดต่างแย่งกันส่งตัวศิษย์สาวภายในสำนักของตนมาเป็นสนมรัชทายาท

“ไม่ใช่คัดเลือกสนม” ฮ่องเต้ไท่ชิงกล่าวช้าๆ ว่า “ข้าหมายถึงนังหนูของห้าตระกูล นังหนูห้าตระกูลของพวกเจ้าเอาตามนี้ก็แล้วกัน ให้รับเลือกเป็นสนมรัชทายาท ซึ่งจะทำให้พวกท่านห้าตระกูลกับราชวงศ์โต่วเซิ่นได้เสพสุขความร่ำรวยมั่งคังและเกียรติยศร่วมกัน”

สีหน้าของห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดพลันเปลี่ยนไปทันทีเมื่อฮ่องเต้ไท่ชิงพูดคำๆ นี้ออกมา ก่อนหน้านี้ภายในใจของพวกเขาต่างคิดแผนการเล็กๆ เอาไว้ ถ้าหากฮ่องเต้ไท่ชิงต้องการคัดเลือกสนมรัชทายาทล่ะก็ พวกเขาก็จะคิดเลือกศิษย์สาวที่มีความเหมาะสมจากแคว้นหรือสำนักของตนเพื่อส่งตัวเข้าวัง

แต่ว่า เวลานี้ฮ่องเต้ไท่ชิงหาใช่ต้องการคัดเลือกจากสำนักหรือแคว้นของพวกเขา แต่เป็นการเจาะจงเลือกสนมรัชทายาทโดยตรงจากห้าสำนักของพวกเขา อีกทั้งห้าสนมรัชทายาทที่ฮ่องเต้ไท่ชิงเลือกไว้นั้น กล่าวสำหรับห้าสำนักพวกเขาแล้ว ล้วนแล้วแต่มีสายเลือดที่สูงส่งทั้งสิ้น

การที่ฮ่องเต้ไท่ชิงทำเช่นนี้ เท่ากับจับเอาห้าสำนักใหญ่ของพวกเขาผูกกับหลี่ชิเย่ด้วยกัน เพื่อต้องการเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้หลี่ชิเย่ในอนาคต

แม้จะกล่าวว่า ทุกสิ่งย่อมสามารถเสียสละได้ภายใต้อำนาจ แต่ทว่าสนมรัชทายาทที่ฮ่องเต้ไท่ชิงชี้เฉพาะเจาะจงนั้น เกรงว่าเหล่าบรรพบุรุษบางส่วนในสำนักของพวกเขาจะไม่เห็นด้วย เกรงว่าคงไม่ยอมให้พวกนางแต่งงานกับคนไร้ความสามารถอย่างหลี่ชิเย่ ยิ่งไม่ต้องการให้สายเลือดที่ใกล้ชิดเช่นนี้ผูกอยู่กับราชวงศ์โต่วเซิ่น

จะอย่างไรเสีย หากฮ่องเต้ไท่ชิงสิ้นพระชนม์และคนไร้ความสามารถอย่างหลี่ชิเย่ก้าวขึ้นมา ใครจะรู้ได้ว่าราชวงศ์โต่วเซิ่นจะล่มสลายลงเมื่อไร ภายในใจของพวกเขาย่อมไม่ต้องการให้สายเลือดที่ใกล้ชิดเช่นนี้ของสำนักมาผูกติดกับราชวงศ์โต่วเซิ่นที่ใกล้จะล่มสลายเช่นนี้

“เรื่องนี้ ฝ่าบาทก็ทราบดีอยู่แล้วว่า นังหนูหานยวี่ตระกูลข้า…” เวลานี้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดตระกูลขุนนางโบราณลังเลนิดหนึ่งและเอ่ยขึ้น

ฮ่องเต้ไท่ชิงคือใคร? เขาคือฮ่องเต้ที่เผด็จการ เมื่อไรที่เขาออกปากใครกล้าพูดคำว่า “ไม่” ออกมา?

ดังนั้น เมื่อแววตาของฮ่องเต้ไท่ชิงในเวลานี้ส่งประกายเยือกเย็น และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “ทำไมรึ? เกรงว่าสายเลือดของรัชทายาทไม่คู่ควรสายเลือดอันสูงส่งของตระกูลปิงฉือรึ?”

“มิกล้า มิกล้า” ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลปิงฉือผู้นี้พลันรู้สึกสะท้านภายในใจ เมื่อแววตาที่เยือกเย็นของฮ่องเต้ไท่ชิงมองมา รีบเร่งโค้งคำนับและกล่าวว่า “สายเลือดราชสำนัก สูงส่งดั่งมังกร เป็นตระกูลปิงฉือของข้าที่อาจเอื้อมไปแล้ว อาจเอื้อมแล้ว”

แม้จะกล่าวว่า ฮ่องเต้ไท่ชิงที่นอนอยู่บนเตียงจะหายใจรวยรินแล้ว แต่จะอย่างไรเสียเขาก็คือผู้ดำรงอยู่ในฐานะที่น่ากลัวที่สุดของแดนลัทธิราชัน เมื่อไรที่เขาลงมือก็สามารถสังหารปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดเช่นพวกเขาได้ กล่าวได้ว่าอาศัยศักยภาพของฮ่องเต้ไท่ชิง แทบจะหาคู่ต่อสู้ในแดนลัทธิราชันได้ไม่กี่คนแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล