สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น ฮ่องแต้ไท่ชิงกลับไม่ได้โกรธ กลับหัวเราะเอิ้กอ๊ากและกล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่ทดลองไม่ได้ แผ่นดินอันงดงามอยู่ในมือทั้งที อนาคตมีโอกาสมากมาย”
ท่าทางของฮ่องเต้ไท่ชิงเรียกได้ว่าหลงรักจนสุดจะเปรียบเปรยเข้าให้แล้ว การหลงรักในลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าเกินกว่าจะเยียวยาเสียแล้ว
ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดต่างรู้สึกงงงันอยู่บ้าง ผู้เป็นบิดาเผด็จการกระทำการโดยพละการ ผู้เป็นบุตรบ้ากามอันธพาล นับว่าเป็นพ่อลูกที่แปลกพิสดารคู่หนึ่งไม่มีใครเหมือน
“เช่นนั้นย่อมเป็นการดีที่สุด แล้วเมื่อไหร่ท่านจะตายล่ะ?” หลี่ชิเย่ตบมือหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “รอให้ท่านตายแล้วข้าก็จะกุมอำนาจในมือ ทั่วทั้งแผ่นดินก็จะเป็นของข้า ถึงตอนนั้นข้าอยากทำอะไรก็ทำเช่นนั้น”
หลังจากที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา พลันทำเอาปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต่างตระหนกตกใจเป็นการใหญ่ ในยุคปัจจุบันมีใครหาญกล้าสาปแช่งฮ่องแต้ไท่ชิงต่อหน้าให้ตาย? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำพูดของหลี่ชิเย่ มันคือการชิงอำนาจอย่างโจ๋งครึ่มเลยนะเนี่ย หากเป็นก่อนหน้านั้นใครกล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ใช่เพียงหัวหลุดจากบ่า พลันที่ฮ่องแต้ไท่ชิงโกรธขึ้นมา จะต้องฆ่าล้างพวกเขาทั้งตระกูลแน่นอน
แต่แล้ว ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต่างเข้าใจว่าฮ่องแต้ไท่ชิงจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ จะอย่างไรเสียเขายังไม่ทันได้สวรรคต หลี่ชิเย่ก็แสดงท่าทีอยากจะเป็นฮ่องเต้เหมือนรอไม่ไหวแล้วอย่างนั้น เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดราชวงศ์ใด ฮ่องเต้องค์ใดก็ตาม ก็ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ทว่า ท่าทีของฮ่องแต้ไท่ชิงกลับอยู่เหนือความคาดคิดของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง มองเห็นฮ่องแต้ไท่ชิงที่เพียงหัวเราะเอิ้กอ๊ากทีหนึ่งและกล่าวว่า “เวลาข้ามีไม่มากแล้ว อีกไม่นานก็สมควรจะต้องตายแล้วล่ะ เจ้าเองก็ไม่ต้องรีบร้อนเกินไป รอให้ข้าตายแล้วแผ่นดินนี้ก็เป็นของเจ้าแล้วล่ะ”
ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนถึงกับอ้าปากตาค้างเมื่อเห็นท่าทางของฮ่องแต้ไท่ชิงที่หลงรักเต็มใบหน้า
แม้จะกล่าวว่าฮ่องแต้ไท่ชิงคือเผด็จการที่กระทำการโดยพละการ แต่ทว่าการเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัยของเขา เกรียงไกรไปทั่วหล้าแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อีกสองของแดนลัทธิราชันก็ต้องหวั่นเกรงเขาอยู่สามส่วน!
ไม่ว่าฮ่องแต้ไท่ชิงจะเป็นคนที่เย็นชาโหดเหี้ยมเช่นใด และไม่ว่าฮ่องแต้ไท่ชิงเคยฆ่าคนมามากเท่าไร ทำลายล้างสำนักมาจำนวนมากเท่าไรก็ตาม
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ การเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัยของฮ่องแต้ไท่ชิงนั้น เขาทำผิดพลาดน้อยมาก ชั่วชีวิตของเขาสามารถได้รับการยกย่องได้ว่าเฉลียวฉลาดและทรงกำลังอำนาจ หาไม่แล้วเขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จดั่งเช่นทุกวันนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่สามารถกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดไว้ได้
ทว่าฮ่องแต้ไท่ชิงที่เฉลียวฉลาดและทรงกำลังอำนาจมาชั่วชีวิต มาวันนี้กลับกลายเป็นคนที่มีสติเลอะเลือน เป็นประเภทเลอะเทอะหลงๆ ลืมๆ ที่หลงรักบุตรชายอย่างสิ้นเชิง! การเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้นับเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อของผู้คน
ภายในใจของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต่างทอดถอนใจอยู่บ้างเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ลองนึกดู ฮ่องแต้ไท่ชิงในคครั้งนั้นช่างมีความเฉลียวฉลาดและทรงกำลังอำนาจเช่นใด เพียงคำพูดคำเดียวของเขาแม้แต่เหล่าเทพก็ต้องสั่นเทา มาวันนี้กลับเลอะเลือนได้ถึงขั้นนี้ นับว่าเป็นคู่ปฏิปักษ์โดยแท้ ฮ่องแต้ไท่ชิงเองก็ถือว่าเจอกับคู่ปรับและเป็นเวรกรรมเสียแล้ว
“ได้ยินว่าท่านยังมีลูกสาวคนหนึ่ง” ในขณะนี้หลี่ชิเย่ได้โพล่งคำพูดคำนี้ออกมา
คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่ทีโพล่งออกมาพลันทำให้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับใจเต้นกระตุกทีหนึ่ง ที่พวกเขาทราบมาก็คือ ฮ่องแต้ไท่ชิงไม่อยากจะเอ่ยถึงบุตรีของตนเองสักเท่าไร เมื่อไรที่ไปแตะต้องบางสิ่งบางอย่างของเขาเข้าจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน กระทั่งทำให้เลือดไหลนองเป็นธารได้
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้ภายในใจของปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต้องเต้นกระตุกทีหนึ่งก็คือ บุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงก็เป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะน่ากลัวอย่างยิ่ง และน่ากลัวยิ่งกว่าฮ่องแต้ไท่ชิงเสียอีก
ลูกคนนั้น…ฮ่องแต้ไท่ชิงถึงกับเหม่อลอยเหมือนกันเมื่อมีการเอ่ยถึงลูกสาวของตนโดยหลี่ชิเย่ ได้เผยท่าทีความเมตตาอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่งขึ้นมา
ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนต่างอดที่จะกลั้นลมหายใจของตนเอาไว้ไม่ได้ ต่างไม่กล้าส่งเสียงออกมาขณะมองดูฮ่องแต้ไท่ชิง
ในเวลานี้เอง ใบหน้าของฮ่องแต้ไท่ชิงเผยให้เห็นถึงความเมตตาอ่อนโยน เหมือนกำลังหวนระลึกถึงช่วงเวลาที่งดงามช่วงใดช่วงหนึ่งในครั้งนั้น
ในเวลานี้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้าคนล้วนแล้วแต่ไม่กล้ารบกวนเขา ไม่กล้าไปทำให้ช่วงเวลาที่งดงามยิ่งที่หวนละลึกถึงต้องสะดุด
เรื่องราวเกี่ยวกับบุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงนั้นเป็นเรื่องราวในยุคก่อนแล้ว แม้จะกล่าวว่าฮ่องแต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย แต่เขามีลูกหลานอย่างแท้จริงนั้นอยู่ที่ยุคสมัยที่แล้ว
ในยุคนั้นฮ่องแต้ไท่ชิงได้ให้กำเนิดบุตรีคนหนึ่ง ภาษิตว่าไว้ว่าพ่อเป็นเสือย่อมไม่มีลูกเป็นสุนัข ในด้านการฝึกยุทธนั้น บุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงได้เผยพรสวรรค์ที่สะเทือนเลื่อนลั่นอย่างยิ่งออกมา การฝึกยุทธของนางปราดเปรื่องน่าทึ่งยิ่งนัก สุดท้ายก้าวสู่ความเป็นราชันแท้จริง และเป็นราชันแท้จริงระดับสูง สุดท้ายแล้วบุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงได้ไปจากแดนลัทธิราชันขึ้นสู่แดนลัทธิเซียน และไร้ซึ่งข่าวคราวนับจากนั้นเป็นต้นมา
“จิ่วหนิงนางไม่ได้อยู่ที่แดนลัทธิราชันแล้ว หลังจากที่นางก้าวขึ้นสู่แดนลัทธิเซียนก็ไม่ได้กลับมาอีก” ฮ่องแต้ไท่ชิงเอ่ยขึ้นช้าๆ หลังจากได้สติกลับมา
จิ่วหนิงก็คือราชันแท้จริงจิ่วหนิง บุตรีของฮ่องแต้ไท่ชิงนั่นเอง!
“ราชันแท้จริงขึ้นสู่แดนลัทธิเซียนมายุคสมัยหนึ่งเต็มๆ แล้ว เกรงว่านางคงกลายเป็นราชันแท้จริงสิบสองลัคนาไปแล้วล่ะ” เทพวายุก็อดที่จะกล่าวทอดถอนใจขึ้นมา
คำพูดของเทพวายุทำให้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดอีกสี่คนรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวในใจเช่นกัน ราชันแท้จริงสิบสองลัคนาคือราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากปฐมบรรพบุรุษ
เมื่อมีศักยภาพเช่นนี้ในครอบครอง แม้แต่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะอมตะที่เป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในหล้าอย่างฮ่องแต้ไท่ชิง ก็เทียบไม่ได้กับราชันแท้จริงสิบสองลัคนา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...