จางเจี๋ยตี้อดที่จะหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ เขาได้แต่ส่ายหัว แน่นอน เขาไม่ได้พาหลี่ชิเย่ไปฉุดคร่าภรรยาและสาวสวยของกษัตริย์ ขุนพล และอำมาตย์อะไรนั่น
“เหตุใดองค์ชายจะต้องเป็นคนไม่ดีคนหนึ่งเล่า นิสัยแท้จริงขององค์ชายไม่เลวนัก” จางเจี๋ยตี้อดที่จะเอ่ยขึ้นเบาๆ นับว่าเขาเริ่มมีความเข้าใจในหลี่ชิเย่ขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากติดตามหลี่ชิเย่มาหลายวัน
“อะไรคือคนไม่ดี อะไรคือคนดี?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “หรือว่าที่ข้าทำเช่นนี้ก็คือคนไม่ดีอย่างนั้นรึ?”
“บางที องค์ชายไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ อย่างน้อยองค์ชายในสายตาของผู้อื่นคือรัชทายาทที่เหลวไหลเสเพลชั่วร้าย” จางเจี๋ยตี้นับว่าเป็นผู้ที่ค่อนข้างกล้าพูด สิ่งนี้ก็เป็นเพราะจิตใจที่ภักดีของเขา เขาย่อมคาดหวังหลี่ชิเย่เป็นรัชทายาทที่ดี บริหารบ้านเมืองนี้ให้ดี บริหารแผ่นดินที่งดงามให้ดี
“นั่นเป็นเพราะความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเกินไปเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เจี๋ยตี้ นับตั้งแต่วันแรกที่เจ้าเป็นทหารมากระทั่งวันนี้ เจ้าเคยนับหรือไม่? เจ้าฆ่าคนมาแล้วเท่าไร?”
“เรื่องนี้…” จางเจี๋ยตี้ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “เกรงว่าข้าน้อยจะไม่เคยนับ น่าจะเป็นหมื่นกระมัง”
ความจริงแล้วสิ่งนี้ไม่นับเป็นเรื่องแปลก มีเทพแท้จริงขั้นอมตะคนใดบ้างที่ไม่ได้ผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้ผ่านการขัดเกลาด้วยความเป็นความตายมาก่อน แล้วจะเป็นเทพแท้จริงขั้นอมตะได้อย่างไรกันเล่า
“ถ้าหากว่าขณะที่เจ้าเป็นทหารและสังหารผู้คนในสมรภูมิรบ เรียกว่ามีคำสั่งจากแม่ทัพไม่อาจขัดขืน” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “แต่ว่า เจ้าก้าวเดินบนเส้นทางของผู้บำเพ็ญตนเล่า?”
“มีผู้บำเพ็ญตนคนไหนไม่เคยฆ่าคนมาก่อน มีผู้บำเพ็ญตนคนไหนที่มือทั้งสองไม่ได้เปื้อนเลือด สำหรับราชันแท้จริง และอมตะยิ่งไม่ต้องพูดถึง เส้นทางของพวกเขาปูด้วยโครงกระดูกเต็มไปหมด ดั่งเช่นเจ้า เคยทำลายล้างตระกูลขุนนางโบราณ สำนักต่างๆ หรือไม่?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์ขึ้นมา
“มันก็ถูก” จางเจี๋ยตี้พยักหน้า ความจริงแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก มียอดฝีมือคนใดที่ไม่ได้ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยการเหยียบย่ำโครงกระดูกของศัตรู ราชันแท้จริงคนใดที่มิใช่เข่นฆ่าครั้งละเป็นพันเป็นหมื่น?
“มาตรฐานระหว่างคนดีกับคนไม่ดี เจ้าว่ามาซิ เจ้าเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดี?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้จางเจี๋ยตี้ถึงกับนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
“พูดแบบนี้ อย่างน้อยที่สุดภายในจิตใจของตน ภายใต้จิตใต้สำนึกที่แฝงอยู่นั้น เจ้ายังคงจัดให้ตนเองเป็นคนดี” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “อย่างน้อย เจ้าไม่รังแกประชาชนไม่ฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน ดังนั้น ภายใต้จิตสำนึกจะรู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นคนดีคนหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดมีมุมมองต่อชีวิตคนที่ถูกต้อง”
“ซึ่งแตกต่างจากข้า ยโสใช้อำนาจบาตรใหญ่ อาศัยกำลังฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน ยึดครองภรรยาผู้อื่น การกระทำในลักษณะเช่นนี้ ในสายตาของชาวโลกนั้นมันคือสารเลวเต็มพิกัด เป็นคนเลวที่ไม่อาจให้อภัย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
“เช่นนั้นแล้ว ข้าถามเจ้าอีก เจ้าคิดว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าเคารพนับถือเขาหรือไม่?” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาตามอารมณ์
“ฝ่าบาทมีสายพระเนตรยาวไกล มีสติปัญญาและแผนการที่โดดเด่นยิ่งนัก เขาเกรียงไกรไปทั่วหล้าปราศจากผู้ต่อกร” จางเจี๋ยตี้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าน้อยเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่ง”
คำพูดของจางเจี๋ยตี้ใช่เป็นการประจบสอพรอ เป็นการออกมาจากส่วนลึกของจิตใจโดยแท้จริง ความจริงแล้วในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งแดนลัทธิราชันทั้งหมด ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เคารพเลื่อมใสในตัวฮ่องเต้ไท่ชิง
“ในโลกนี้ ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในฮ่องเต้ไท่ชิงนับว่าไม่น้อย กระทั่งแม้แต่ศัตรูของเขาก็ยังเลื่อมใสศรัทธาเขา” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหย
“ถูกต้อง ความยิ่งใหญ่ของฝ่าบาทคู่ควรให้ผู้คนนับถือศรัทธา” จางเจี๋ยตี้พยักหน้าและกล่าว
“นั่นมิใช่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียวรึ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้ามองดูฮ่องเต้ไท่ชิงซิ เขาเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย ทำลายล้างสำนักต่างๆ ไปเท่าไร เข่นฆ่าตระกูลขุนนางโบราณไปเท่าไร สำนักและตระกูลขุนนางโบราณถูกทำลายด้วยน้ำมือของเขานั้น เกรงว่านิ้วมือสองข้างก็นับไม่หมด แค่คำสั่งฆ่าของเขาคำหนึ่ง เกรงว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็จะเลือดไหลนองเป็นธาร เจ้าคิดว่าในมือของเขานั้นเปื้อนเลือดจำนวนเท่าไร มีวิญญาณที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่เท่าไรภายใต้ดาบของเขา?”
จางเจี๋ยตี้ถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ท่ามกลางระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่คงมีเพียงองค์รัชทายาทอย่างหลี่ชิเย่เท่านั้นที่กล้าวิจารณ์ฮ่องเต้ไท่ชิง เขาไม่เห็นกฎหมายและกฎแห่งกรรมอยู่ในสายตาเสียแล้ว
“เช่นนั้นแล้วเจ้าดูนี่ ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาข้าได้อยู่ในเมืองกัวฉางเฉินอย่างดี และนั่งประเมินเรื่องที่นักเลงหัวไม้คนหนึ่งพึงกระทำ แต่ว่า ข้าได้ฆ่าคนไปกี่คนแล้ว? ข้าทำลายล้างตระกูลไปกี่ตระกูลล่ะ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
“ไม่มี” จางเจี๋ยตี้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ เขาเข้าใจความหมายของหลี่ชิเย่
“ช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจเหลือเกิน คนหนึ่งเข่นฆ่าคนนับสิบล้าน ล้างร้อยเผ่าพันธุ์ ไม่รู้ว่าได้ทำให้บ้านแตกสาแหรกขาดไปกี่มากน้อยอย่างฮ่องเต้ไท่ชิง เขากลับกลายเป็นผู้มีตำแหน่งสูงสุด เป็นฮ่องเต้ที่สูงสุดในใจของผู้คนจำนวนมาก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ไปเลื่อมใสศรัทธาเขา กระทั่งยินดีเป็นสมุนให้กับเขา ยิ่งกว่านั้น เขาคือคนดีในทัศนะของผู้คนบางคน…”
หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง หัวเราะและกล่าวว่า “นักเลงหัวไม้อย่างข้า เพียงแต่เคยทำเรื่องรังแกชาวบ้านฉุดคราหญิงสาวเท่านั้น อย่างมากที่สุดก็ลวนลามผู้หญิง แต่ว่า ข้านั้นไร้ค่า เป็นผู้ร้ายที่ไม่อาจให้อภัย นักเลงหัวไม้ที่ตายหมื่นครั้งก็ไม่เสียดายในทัศนะคติของผู้คนจำนวนเท่าไร ข้าเชื่อว่าหากวันนี้ข้าถูกคนเขาฆ่าตาย จะไม่มีใครเห็นใจสงสารข้าอย่างเด็ดขาด ส่วนใหญ่คงตบมือว่าเป็นความสะใจ”
“ถ้าหากฮ่องเต้ไท่ชิงตาย ข้าเชื่อว่าต้องมีผู้คนจำนวนมากรู้สึกทอดถอนใจด้วยความหดหู่ และจะมีผู้คนจำนวนมากระลึกถึงเขา เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวขณะจ้องมองจางเจี๋ยตี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...