หลี่ชิเย่มองดูเทพวายุที่คุกเข่าอยู่กับพื้นแวบหนึ่ง หัวเราะส่ายหน้าและกล่าวว่า “พวกไร้สมองฝูงหนึ่งชัดๆ ไม่เห็นเลือดก็จะเข้าใจว่าโลกนี้มันก็แค่นี้เอง”
ในเวลานี้ แม้ว่าคำพูดของหลี่ชิเย่จะพูดแบบที่เรียกว่าเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าทุกคนในสำนักเสินสิงเหมินต่างตัวสั่นงันงก ทุกคนล้วนแล้วแต่คุกเข่าก้มกราบอยู่กับพื้น ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ธรรมดาทั่วไป หรือว่าเป็นระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งล้วนแล้วแต่คุกเข่าก้มหน้าอยู่กับพื้น ร่างสั่นเทาอยู่ตรงนั้น
ในเวลานี้พวกเขาจึงได้รู้ว่าอะไรคือความน่ากลัว อะไรคือผู้ยิ่งใหญ่ สำหรับพวกเขาแล้วเป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้นเอง แม้ว่าเวลานี้พวกเขาคือหนึ่งในห้าแกร่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้ว แม้ว่าในบรรดาระดับบรรพบุรุษเช่นพวกเขาจะมีระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรมาแล้วก็ตาม แต่นาทีนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่แล้วก็ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
เวลานี้ คนหนุ่มที่ไม่สะดุดตาตรงหน้าคนนี้ แค่ขยับตัวก็สามารถเล่นงานพวกเขาถึงตายได้ สามารถทำลายล้างสำนักเสินสิงเหมินทั้งหมดของพวกเขาจนหายวับไปกับตาได้อย่างง่ายดายด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายสบายๆ
กล่าวได้ว่า แม้สำนักเสินสิงเหมินในสายตาของผู้อื่นจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แม้ว่าสำนักเสินสิงเหมินจะมีฐานะเป็นถึงหนึ่งในห้าแกร่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เวลานี้ในสายตาของคนหนุ่มที่ธรรมดาๆตรงหน้าแล้ว ก็เป็นได้แค่ฝุ่นผงบนโลกใบนี้เท่านั้นเอง
เวลานี้บรรดาเหล่าบรรพบุรุษของสำนักเสินสิงเหมินล้วนแล้วแต่กำลังสั่นเทา ยิ่งเทียนเฮ่อเจินเหรินด้วยแล้วยิ่งเรียกได้ว่ารู้สึกเสียใจภายหลังอย่างยิ่ง ในขณะนี้เขาไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยในชีวิตของตน แต่กังวลถึงสำนักเสินสิงเหมินโดยรวม ภายในใจของเทียนเฮ่อเจินเหรินไม่ต้องการให้ความโง่เขลาของตนทำลายสำนักเสินสิงเหมินทั้งหมด
ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของเขาที่ทำให้สถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ ถ้าหากเป็นเพราะตัวเขาที่ทำให้สำนักเสินสิงเหมินต้องล่มสลายเพราะความโง่เขลาส่วนบุคคลของเขาเองแล้วล่ะก็ เขาคงละอายต่อบรรพชนของสำนักเสินสิงเหมิน แม้ว่าจะลงไปปรโลกแล้วก็ไม่มีหน้าที่จะไปสู้หน้าต่อปรัชญาเมธีของสำนักเสินสิงเหมินแต่ละรุ่นได้
ในเวลานี้ สีหน้าของเทียนเฮ่อเจินเหรินซีดเผือด นาที่นี้เขาจึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่า เพราะอะไรหลี่ชิเย่ถึงได้พูดว่าสามารถทำให้การแต่งงานครั้งนี้ลุล่วงไปได้เป็นการคบหาผู้ที่สูงศักดิ์กว่าของพวกเขา การที่บุตรีของเขาสามารถอุ่นเตียงให้กับหลี่ชิเย่เป็นเกียรติของนาง เสียดาย ก่อนหน้านี้เขากลับโง่เขลายิ่ง ไม่สามารถคว้าโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้เอาไว้ได้
เวลานี้ต่อให้รู้สึกเสียใจภายหลังก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว ในใจของเทียนเฮ่อเจินเหรินรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เพราะความโง่เขลาของเขาเองทำให้กลายเป็นเช่นนี้ ในขณะนี้เขารู้สึกว่าตนเองนั้นต่อให้ตายร้อยครั้งก็ไม่อาจชดเชยได้ ถ้าหากตายร้อยครั้งแล้วชดเชยได้เขาก็ยินดีตายร้อยครั้ง!
หลี่ชิเย่เพียงมองดูอย่างเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สำหรับบรรดาศิษย์ของสำนักเสินสิงเหมินทั้งหมดที่คว่ำหน้าอยู่กับพื้นด้วยท่าทางตัวสั่นงันงกแล้วรู้สึกไม่มีอารมณ์ กล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “ช่างเถอะ สังหารพวกเจ้าทั้งหมดก็ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงอำนาจที่ปราศจากผู้ต่อกรของข้าได้ ไสหัวไป”
ขอบพระทัยฝ่าบาท…เทพวายุและบรรดาศิษย์ทุกระดับชั้นของสำนักเสินสิงเหมินล้วนแล้วแต่รู้สึกเหมือนเป็นการอภัยโทษครั้งใหญ่อย่างนั้น เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ต่างมีการการสั่นเทาดั่งกระชอนอย่างนั้นรีบไปยืนอยู่ด้านข้าง ในขณะนี้พวกเขาต่างมีเหงื่อเย็นที่ไหลโทรมกาย เสื้อที่สวมใส่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
หลังจากหลี่ชิเย่สั่งการออกไปแล้ว ทุกระดับชั้นในสำนักเสินสิงเหมินต่างโขกหัวสามครั้งคำนับเก้าครั้ง แล้วจึงลุกขึ้นไปยืนอยู่ด้านข้างแต่โดยดี ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจแรง
หลี่ชิเย่รู้สึกหมดอารมณ์ โยนโล่หินที่อยู่ในมือไปให้กับจางเจี้ยนชวนที่อยู่ข้างกายไปตามอารมณ์ กล่าวเฉยเมยว่า “ช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าคอยรับใช้ข้าตลอดมา ข้าดีต่อคนข้างกายของข้าตลอดมา โล่หินผานี้ประทานให้เจ้าก็แล้วกัน นับว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง”
การที่หลี่ชิเย่ได้ประทานโล่หินให้กะทันหัน ทำให้จางเจี้ยนชวนถึงกับตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นและอ้าปากกว้าง ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้ในเวลานี้
ใช่เพียงแต่จางเจี้ยนชวนเท่านั้นที่ยากจะเรียกสติกลับมาได้ในเวลานี้ แม้แต่บรรดาศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดของสำนักเสินสิงเหมินก็ถูกทำให้หวั่นไหว ก่อนหน้านี้พวกเขายังอยู่ในอาการตัวสั่นงันงก ขวัญหนีดีฝ่อขณะที่นาทีนี้ก็ถูกทำให้หวั่นไหวกับความมือเติบเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
พวกเขาต่างสามารถดูออกว่า โล่หินนี้เป็นของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมาก มีความเป็นไปได้ที่อานุภาพของมันจะเทียบเคียงกับอาวุธปฐมบรรพบุรุษ กระทั่งอาจจะมีอานุภาพที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเสียอีก
ของวิเศษที่สุดยอดถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อยากได้มันมาครอบครองเป็นอันมาก โล่หินลักษณะเช่นนี้หากตกไปอยู่ภายนอก รับรองได้ว่าต้องก่อให้เกิดลมคาวฝนเลือดขึ้นมาดั่งคลื่นยักษ์แน่นอน ไม่ว่าสำนักใดก็ตามต้องแย่งชิงกันเพียงเพราะโล่อันนี้จนหัวร้างข้างแตกแน่นอน
แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับมีท่าทีที่เอ้อระเหยอย่างยิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประทานโล่หินที่สุดยอดที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองให้กับจางเจี้ยนชวนไปตามอารมณ์ยิ่งนัก
ที่ได้สติกลับมาก่อนผู้อื่นยังคงเป็นเทพวายุที่มีประสบการณ์มากที่สุด รีบกล่าวเตือนสติจางเจี้ยนชวนไปว่า “ยังไม่รีบขอบพระทัยฝ่าบาท”
ในเวลานี้ ภายในใจของเทพวายุก็รู้สึกดีใจ แม้ว่าสำนักเสินสิงเหมินของพวกเขาได้ทำความผิดใหญ่หลวงที่ไม่อาจให้อภัยได้ โง่เขลาอย่างยิ่ง แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดสำนักเสินสิงเหมินขพวกเขาก็ยังคงมีศิษย์ผู้หนึ่งที่เข้าตาหลี่ชิเย่ได้ สิ่งนี้นับว่าได้คงไว้ซึ่งวาสนาอยู่นิดหนึ่ง
จางเจี้ยนชวนได้สติกลับมาแล้วถึงกับร่างสั่นเทิ้ม รีบคุกเข่าลงกราบกับพื้น ซาบซึ้งอย่างหาที่สุดไม่ได้และกล่าวว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่พระราชทาน! ”
“ความแข็งแกร่งของโล่หินอันนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทักษะยุทธของเจ้า แต่อยู่ที่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ขอเพียงเจ้ามีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่แข็งแกร่งมั่นคงเพียงพอ ก็สามารถควบคุมมันได้ อีกทั้ง ยิ่งจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้าแข็งแกร่งมากเท่าไรมันก็จะมีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น ถ้าหากจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้าแข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้ เช่นนั้นแล้ว มันก็จะสามารถต้านการโจมตีส่วนใหญ่บนโลกนี้กับเจ้า น้อยคนนักบนโลกนี้สามารถทำอันตรายให้กับเจ้าได้! ”
“ข้าน้อยเข้าใจ” จางเจี้ยนชวนได้สติกลับมาจึงกราบอีกครั้ง ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
น่าเบื่อ…สุดท้าย หลี่ชิเย่มองหน้าพวกของเทพวายุตามอารมณ?แวบหนึ่ง ขี้คร้านจะไปสนใจพวกเขาอีกต่อไป หันหลังล่องลอยจากไป
เทพวายุกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วคำพูดของเขายังไม่ทันหลุดออกจากปาก หลี่ชิเย่ก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
เทพวายุได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความไวมากที่สุดในยุคปัจจุบัน ได้รับการยกย่องว่าปรากฏตัวได้ทุกที่ แต่ว่า เวลานี้เมื่อเปรียบเทียบกับความไวของหลี่ชิเย่แล้วช่างไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้อยู่แล้ว
ไม่ง่ายนักกว่าที่เทพวายุจะได้สติกลับมา ถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ อันที่จริงนี่คือโอกาสที่ฟ้าประทาน น่าเสียดายที่สำนักเสินสิงเหมินของพวกเขากลับไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ปล่อยให้มันหลุดลอยจากมือไปอย่างน่าเสียดาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...