ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2457

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ไปจากสำนักเสินสิงเหมินแล้วก็เดินทางมุ่งหน้าลงใต้โดยตลอด ข้ามเขาข้ามน้ำก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ โดยไม่ได้เร่งรีบในการเดินทาง ชื่นชมกับทิวทัศน์งดงามไปตลอดทาง

ยุคสมัยที่มีการก่อตั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นั้นยาวนานมากเหลือเกิน หลังจากผ่านการตกผลึกมายุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่าแล้วนั้น ภาพโดยรวมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไหนเลยจะเป็นเพียงซ่อนความยิ่งใหญ่เอาไว้ภายในเท่านั้น แต่มันได้พัฒนาตนไปอีกขั้น ความลึกล้ำของต้นกำเนิดสัจธรรมนั้นยากที่จะคาดเดาได้อีกแล้ว

ยากนักกับการที่จะรับรู้ได้ถึงท่วงทำนองแบบนั้นของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ ในการก้าวเดินอยู่บนผืนแผ่นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ยากที่จะรับรู้ถึงทำนองจังหวะจากผืนแผ่นดินทุกตารางนิ้ว เหมือนว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เป็นเพียงฟ้าดินธรรมดาๆ เท่านั้นเอง โดยไม่เหมือนดั่งเช่นระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิอื่นๆ ที่ได้รวบรวมพลังน่าเกรงขามที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ต้านใต้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิ ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้กลับคืนสู่สภาพดั้งเดิมไปแล้ว

แม้ว่าจะเคยมีผู้กล่าวเอาไว้ในห้วงพันล้านปีที่ผ่านมาว่า ทุกยุคสมัยที่แล้วมาล้วนแล้วแต่เคยมีผู้ที่สามารถควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แต่ว่านั่นเป็นเพียงแค่ผิวเผินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เท่านั้นเอง

กระทั่งมีผู้ที่คาดเดาว่า นอกเหนือจากจำนวนที่เป็นส่วนน้อยมากๆ แค่ไม่กี่คนนั้นในรอบพันล้านปีที่ผ่านมาแล้ว ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่มีผู้ที่สามารถควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่หนึ่งหรือสองส่วนได้อีกแล้ว สำหรับพลังที่สมบูรณ์แบบของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นั้น เล่าลือกันว่าเว้นแต่ปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมได้อีกแล้ว

กระทั่งเคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในยุคหลังมานี้ไม่มีผู้ที่สามารถควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมทั้งหมดได้อย่างแท้จริงอีกแล้ว ต่อให้เป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ หรือราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกรที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งมากกว่านี้ก็ไม่สามารถทำได้

อีกทั้งในรอบพันล้านปีที่ผ่านมานั้น ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้กลายเป็นปริศนาไปเสียแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อยู่ที่ใดกันแน่ ทุกคนรู้แต่เพียง ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยังคงอยู่ในผืนแผ่นดินของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เท่านั้นเอง

หลี่ชิเย่มุ่งหน้าเดินทางลงใต้โดยตลอด สุดท้ายได้ไปหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของภูเขาลูกหนึ่ง ที่ตรงนี้มีกลุ่มของภูเขาที่ล้อมรอบประดับตกแต่ง มีเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับ ที่ตรงนี้เสมือนดั่งเป็นทะเลที่เขียวมรกต ทั่วฟ้าดินตลบอบอวลไปด้วยพลังชีวิตที่สดใหม่น่าเกรงขามสายหนึ่ง

‘เขาจิ่วเหลียนซาน’ หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มบางๆ ขึ้น ขณะมองดูเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับต่อเนื่องกันไปตรงหน้า เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “จะดูว่าที่ตรงนี้สามารถค้นพบสิ่งที่ต้องการหรือไม่ จะอย่างไรเสียจิ่วมี่ก็คือศิษย์ของเป้าปู๋”

หลี่ชิเย่ถึงกับหรี่ตาทั้งสองข้างทีหนึ่ง เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้า มองดูเขาจิ่วเหลียนซานตรงหน้าที่ดั่งทะเลเขียวมรกต ตลบอบอวลไปด้วยพลังชีวิตที่ไม่มีสิ้นสุด

เขาจิ่วเหลียนซานคือสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งคือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในทัศนะคติของผู้คนจำนวนไม่น้อย

ถ้าหากยืนอยู่บนท้องฟ้าสูงแล้วมองลงไปด้านล่างล่ะก็ สามารถมองเห็นเขาจิ่วเหลียนซานที่งดงามอย่างยิ่ง มองเห็นภาพของเขาจิ่วเหลียนซานที่มีภูเขาล้อมรอบประดับตกแต่ง ในบรรดาภูเขาทั้งหมดมีอยู่เก้าลูกที่มียอดเขาสูงสุด ภูเขาทั้งเก้าลูกล้อมรอบเป็นวงกลม เมื่อมองจากที่สูงลงมาก็คล้ายดั่งเป็นส่วนแหลมของยอดทั้งเก้าของมงกุฎอย่างนั้น

ขณะที่ท่ามกลางภูเขาที่ล้อมรอบนั้น มีทะเลสาบขนาดที่ใหญ่มากอยู่เก้าแห่ง ทะเลสาบทุกแห่งต่างมีสีของน้ำที่แตกต่างกันออกไป ถ้าหากมองจากบนท้องฟ้า มันประดุจเป็นอัญมณีเก้าเม็ดที่มีการฝังเลี่ยมเอาไว้บนมงกุฎอย่างนั้น เมื่อเป็นดังนี้แล้ว จึงทำให้ภาพรวมของเขาจิ่วเหลียนซานงดงามยิ่งนัก

หากจะกล่าวว่า ภูเขาทั้งเก้าที่ล้อมรอบเป็นวงกลมนั้น แลดูเหมือนเป็นมงกุฎกษัตริย์ล่ะก็ ลองทอดสายตามองออกไปให้มันไกลกว่านั้นสักนิด เมื่อมองจากระยะห่างไกลก็จะพบว่า เทือกเขาจิ่วเหลียนซานที่ทอดยาวต่อเนื่องนับหมื่นลี้นั้นไม่ได้เหมือนมงกุฎ แต่เหมือนลวดโลหะที่มีขนาดยาวมากๆ เส้นหนึ่งมากกว่า ขณะที่ภูเขาทั้งเก้า และทะเลสาบทั้งเก้านั้นเป็นเพียงกระดิ่งทั้งเก้าที่ประดับอยู่บนลวดโลหะเส้นนั้นเท่านั้นเอง

หลี่ชิเย่ที่มีทีท่ายิ้มๆ ได้ก้าวเดินเข้าไปยังเขาจิ่วเหลียนซาน พลันที่เหยียบย่างเข้าไปยังเขาจิ่วเหลียนซานก็จะรับรู้ได้ทันทีถึงไอเย็นสายหนึ่งที่เข้ามาปะทะใบหน้า เมื่อต้องเผชิญกับไอเย็นลักษณะเช่นนี้แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง จากนั้นใช้ปลายลิ้นแตะที่เพดานก็จะรู้สึกถึงรสชาติที่หวานมัน ขณะที่ท่ามกลางรสชาติที่หวานมันก็เปี่ยมด้วยกลิ่นอายของทะเล

นี่เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ เขาจิ่วเหลียนซานคือกลุ่มของขุนเขาที่ขึ้นลงสลับ กลับสามารถลิ้มลองรสชาติออกมาเป็นกลิ่นอายของทะเลได้ ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเลยจริงๆ

“น่าสนใจจริงๆ จิ่วมี่ในครั้งนั้นได้หลอมกลั่นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหนนะเนี่ย” หลี่ชิเย่หัวเราะพลางและเอ่ยขึ้น แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป

แม้จะกล่าวว่า เขาจิ่วเหลียนซานจะประกอบด้วยเหล่าขุนเขาที่ขึ้นลงสลับ ภูเขาที่สูงตระหง่าน แต่ทว่า เขาจิ่วเหลียนซานใช่ว่าจะปราศจากผู้คนเลยสักทีเดียว กระทั่งเรียกได้ว่าเขาจิ่วเหลียนซานหาใช่เป็นชื่อที่ใช้เรียกเทือกเขาเทือกหนึ่งเท่านั้น

เขาจิ่วเหลียนซานก็เป็นหนึ่งในสำนักที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการสืบทอดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เช่นเดียวกัน ทั้งยังเป็นสำนักที่เก่าแก่โบราณและลึกลับมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า เขาจิ่วเหลียนซานก็คือสำนักที่เป็นสายตรงซึ่งจัดตั้งและสืบทอดต่อกันมาโดยปฐมบรรพบุรุษจิ่วมี่

เขาจิ่วเหลียนซานเองไม่เคยปฏิเสธ และยอมรับสำหรับคำกล่าวลักษณะเช่นนี้

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีใครทราบว่าเขาจิ่วเหลียนซานมีความแข็งแกร่งเพียงใด และทุกคนก็ไม่รู้ว่าเขาจิ่วเหลียนซานมีธาตุแท้ภายในเช่นใด ทุกคนรู้เพียงว่านับตั้งแต่มีการบันทึกเรื่องราวของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เป็นต้นมา เขาจิ่วเหลียนซานก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาจิ่วเหลียนซานจะไม่ก้าวก่ายทุกเรื่องราวของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ และศิษย์ของเขาจิ่วเหลียนซานก็ไม่เคยเข้าสู่ยุทธภพ เขาจิ่วเหลียนซานคงท่าทีความเป็นกลางตลอดพันล้านปีที่ผ่านมา

จากกาลเวลาที่เคลื่อนผ่านไป เขาจิ่วเหลียนซานค่อยๆ กลายเป็นพื้นที่บรรพชนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อย่างช้าๆ กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในความคิดของผู้คนจำนวนไม่น้อย ดังนั้น พันล้านปีที่ผ่านมาจึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เคยมาศึกษาธรรมและบำเพ็ญตนที่เขาจิ่วเหลียนซาน อีกทั้งทุกๆ ราชวงศ์ที่กุมอำนาจปกครองของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็จะมาทำพิธีเคารพสวรรค์บูชาบรรพชน เพื่อเป็นการประกาศถึงความถูกต้องด้านฐานะของตนต่อใต้หล้า

เนื่องเพราะเหตุนี้เอง เคยมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อยู่ที่เขาจิ่วเหลียนซานนั่นเอง เรื่องนี้เท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น ไม่เคยมีใครทราบมาโดยตลอด

แม้จะมีผู้บอกว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อยู่ในเขากัวชางซานนั่นเองแหละ แต่ทว่า สำหรับคำกล่าวเช่นนี้ทางราชวงศ์โต่วเซิ่นเองไม่เคยมีการตอบอย่างตรงไปตรงมา เพียงตอบแบบคลุมเครือไม่ยอมรับและก็ไม่ปฏิเสธ

แต่ว่า ระดับบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยที่มีชีวิตอยู่มาอย่างยืนยาวแล้ว ยิ่งจะมีความรู้สึกว่าต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่ได้อยู่ที่เขากัวชางซานของราชวงศ์โต่วเซิ่น แต่อยู่ที่เขาจิ่วเหลียนซาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล