เดิมทีก่อนหน้านี้เขาจิ่วเหลียนซานมีความคึกคักยิ่งนัก ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ต่างแออัดยัดเยียดกันเป็นจำนวนมาก ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่วิพากวิจารณ์เรื่องบ้านเมืองด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม
แต่ทว่า หลังจากศึกที่ป่าหินแล้ว เขาจิ่วเหลียนซานกลับกลายเป็นเงียบสงัดไปทั่ว แต่เดิมผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แออัดยัดเยียดพลัน เงียบสงัด อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคยวิพากวิจารณ์เรื่องบ้านเมืองด้วยจิตใจที่ฮึกเหิมก็พลันเงียบสงัดจนไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว
นาทีนี้เอง เสียงเอะอะโวยวายทุกอย่างหายเงียบไปโดยพลัน แม้แต่อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีจิตใจฮึกเหิมนาทีนี้ก็เงียบสงัดไร้ซุ่มไร้เสียง กระทั่งซ่อนตัวไม่กล้าส่งเสียงออกมาสักคำ
ขยับกายด้วยการสังหารหม่าจินหมิง หยางฟู่ฝานตามลำดับ อีกทั้งยังได้เข่นฆ่าอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกสิบกว่าคน บังคับให้อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ และระดับบรรพบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนหลายร้อยคนที่อยู่ในป่าหินต้องคุกเข่า และประจบสอพลอ
กล่าวได้ว่า บรรดายอดฝีมือ และอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่เคยปรากฏตัวที่เขาจิ่วเหลียนซานล้วนแล้วแต่ได้ประสบเคราะห์กรรมนี้มาแล้ว เรียกได้ว่าสำหรับยอดฝีมือ อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้ที่รอดชีวิตมาได้หวุดหวิดนั้น มันคือความอัปยศ และเป็นอัปยศที่สลักอยู่ในใจยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต
ลองนึกภาพดู ปรกติแล้วพวกเขาที่เป็นยอดฝีมือ และอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความหยิ่งผยองเพียงใด มองตัวเองว่าสูงเด่นเช่นใด โดยปรกติแล้วพวกเขาล้วนแล้วแต่เชิดหน้าชูคอ กระทั่งอาศัยสายตาที่ก้มมองคนอื่นอยู่แล้ว
แต่ว่า หลังจากศึกที่ป่าหินแล้ว หลี่ชิเย่อาศัยวิธีการที่โหดร้ายทารุณและอันธพาลทำลายเกียรติยศของพวกเขาเสียแหลกลาญ เหยียบย่ำความหยิ่งผยองของพวกเขา เหยียบย่ำคอที่ชูตั้งขึ้นของพวกเขาจนหัก บังคับให้หัวที่หยิ่งผยองของพวกเขาต้องก้มลง ประสบการณ์เช่นนี้กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วช่างเป็นความอัปยศเช่นใด
แต่ว่า ภายใต้วิธีการและปณิธานแข็งแกร่งโหดร้ายทารุณ ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมลดตัวก้มศีรษะที่หยิ่งผยองนั้นลงมา ก็ต้องเห็นพรรคพวกคืนอื่นๆ ที่กลางเป็นศพแต่ละศพอยู่ในป่าหิน เลือดไหลนองบันไดหิน ในเวลานี้ต่อให้คนที่หยิ่งยโสมากกว่านี้ แข็งแกร่งมากกว่านี้ เมื่อกลายเป็นศพไปแล้วทุกอย่างดูจะเล็กน้อยเท่านั้น ทุกอย่างช่างต่ำต้อยอะไรอย่างนั้น
ดังนั้น เพื่อให้มีชีวิตก้าวเดินออกจากป่าหิน พวกเขาไม่อาจไม่เลิกชูคอที่หยิ่งยโสนั้นเสีย ไม่อาจไม่คุกเข่ากราบแทบเท้าของหลี่ชิเย่
กล่าวได้ว่า วิธีการและปณิธานแข็งแกร่งโหดร้ายทารุณของหลี่ชิเย่นั้น มีอำนาจสยบจิตใจของทุกคนได้ มาคราวนี้ ได้ทำให้ผู้คนผุดความทรงจำขึ้นมาอีกครั้ง นั่นก็คือฮ่องเต้ทรราช!
ในเมื่อเป็นฮ่องเต้ทรราชองค์หนึ่ง แน่นอนที่สุดย่อมจะต้องมีปณิธานแข็งแกร่งโหดร้ายทารุณ ชื่นชอบการเข่นฆ่าและกระหายเลือด กล่าวสำหรับทรราชองค์หนึ่งแล้ว ยังมีอะไรที่เขาไม่กล้าทำ?
หลังจากศึกป่าหินแล้ว ได้สยบทุกคนที่อยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ และหรือยอดฝีมือรุ่นอาวุโสต่างก็เสียวสันหลังวาบ ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองหน้ากันและกัน
ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นอะไรไปกันแน่? ทุกคนไม่สามารถเรียกสติกลับมาท่ามกลางความตกตะลึง เหมือนว่าฮ่องเต้องค์ใหม่กลับกลายเป็นน่าสยองขวัญกะทันหันขนาดนี้ภายในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร?
ปัญหาข้อนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากคิดไม่ตก ก่อนหน้านั้น ภาพของฮ่องเต้องค์ใหม่คือโง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถ เหลวไหลเจ้าชู้ เป็นฮ่องเต้ที่ไร้ความสามารถสุดจะเยียวยาได้
แต่ว่า เมื่อเขาลงมือกะทันหัน พลันมีปณิธานที่แข็งแกร่งโหดเหี้ยมทารุณ ลบล้างภาพลักษณ์ที่โง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถไปจนสิ้น มาคราวนี้ทำให้ทุกคนเดาไม่ถูก
“หรือว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะเป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึก?” มียอดฝีมือรุ่นอาวุโสถึงกับพึมพำขึ้นมา หลังจากได้ยินข่าวเช่นนี้แล้ว
แต่ว่า เมื่อนึกให้ละเอียดก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ถ้าหากกล่าวว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึก นั่นเท่ากับบ่งบอกว่าตัวเขาเองก็มีความแข็งแกร่งเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่แข็งแกร่งเช่นนั้นจริงล่ะก็ จะไม่สูญเสียแผ่นดิน จะไม่ถูกใครเขาลากลงมาขณะนั่งบนบัลลังก์
สมควรทราบว่า หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้วนั้น ต่อให้กองทัพหยินมี่และซุนหลิ่งหยิ่งได้ไปจาก แต่ยังคงมีหกกองทัพอยู่ในครอบครอง ราชวงศ์โต่วเซิ่นยังคงให้การสนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างเต็มที่ และห้าแกร่งก็ไม่กล้าส่งกองทัพมาชิงบัลลังก์
กล่าวได้ว่า นาทีนั้นฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ยืนอยู่จุดสูงสุดของอำนาจ ในมือกุมอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ และมีอำนาจสุงสุด ในเวลานี้ เขาไม่จำเป็นต้องน้ำนิ่งไหลลึก เป็นช่วงเวลาที่เขาสามารถเผยศักยภาพของตนออกมาได้อย่างสิ้นเชิง สามารถอาศัยความเฉียบขาดเพื่ออำนาจปกครองและทำให้อำนาจฮ่องเต้ของตนมั่นคง
แต่ทว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่เป็นการกระทำที่เอาแต่ใจ ทำให้หกกองทัพทรยศ สูญเสียแผ่นดินถูกไล่ลงมาจากบัลลังก์
ถ้าหากว่าฮ่องเต้องค์ใหม่น้ำนิ่งไหลลึกจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้คนอื่นมาแย่งชิงบัลลังก์ของตน ถูกไล่ลงมาจากบัลลังก์
ถ้าหากสืบได้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นแล้วไม่เรียกว่าน้ำนิ่งไหลลึก นั่นคือคนเสียสติ เป็นคนเสียสติคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง
มีศักยภาพที่จะสร้างความมั่นคงให้กับฐานะของตน มีความสามารถที่จะกุมอำนาจฮ่องเต้เอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว ยังปล่อยปละละเลยให้ต้องเสียแผ่นดิน ถูกคนอื่นลากลงมาจากบัลลังก์ คนประเภทนี้หากไม่ใช้คนเสียสติจะเป็นอะไรได้?
ผู้คนจำนวนมากคิดดูอย่างรอบคอบรู้สึกว่ามันก็เป็นไปไม่ได้ โลกนี้จะมีสักกี่คนที่กุมอำนาจอยู่ในมือ ขณะที่ยืนอยู่บนอำนาจสูงสุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้วยังปล่อยให้คนอื่นรังแกได้ ปล่อยให้คนอื่นแย่งชิงบัลลังก์แย่งอำนาจ เรื่องแบบนี้มีไม่กี่คนในโลกที่ทำเช่นนี้ได้
หากจะบอกว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้เป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึก แล้วฮ่องเต้องค์ใหม่กลายเป็นแข็งแกร่งขนาดนี้กะทันหันได้อย่างไรกันแน่ การมีจิตวิญญาณเข่นฆ่าที่แข็งกร้าวเช่นนี้ โหดร้ายทารุณกระหายเลือดเช่นนี้?
ทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจสำหรับปัญหาข้อนี้ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
แต่ทว่า หลังจากศึกที่ป่าหินแล้ว พลันทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา เนื่องจากฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ทำการทำลายล้างภาพลักษณ์ที่ทุกคนเคยมีต่อเขา ฮ่องเต้องค์ใหม่พลันกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตัวของเขา ดังนั้น ไม่รู้มีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องรู้สึกใจหายใจคว่ำภายในใจกับสิ่งนี้
“ฮ่องเต้องค์ใหม่ใช่ประเภทน้ำนิ่งไหลลึกจริงๆ รึ?” ที่เกาะเซียงหลี ฉินเจี้ยนเหยาเป็นผู้รับทราบข่าวนี้เป็นคนแรก หลังจากฟังรายงานจากศิษย์ในสำนักแล้ว นางรับรู้ถึงความเป็นไปของเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...