จากการที่วันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีๆ ทะเลสาบทั้งเก้าของเขาจิ่วเหลียนซานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด น้ำในทะเลสาบที่เดิมมีสีเขียวนั้น ปรากฏว่าสีของมันเปลี่ยนไปดูเป็นสีเขียวมรกตมากยิ่งขึ้น เหมือนดั่งเป็นมรกตชิ้นหนึ่งอย่างนั้น
“วันที่ทะเลสาบทั้งเก้าเปลี่ยนสีจะมาถึงแล้ว” จากการที่น้ำในทะเลสาบทั้งเก้ากำลังอยู่ระหว่างเปลี่ยนแปลง มีผู้พึมพำขึ้นมา
ขณะที่น้ำในทะเลสาบทั้งเก้าเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากอดที่จะมีชีวิตชีวาขึ้นมา ผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มมีการจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงของน้ำในทะเลสาบ และมีผู้ที่พยายามทำความบรรลุกับทุกๆ การเปลี่ยนแปลงของเขาจิ่วเหลียนซาน
“บางที่นี่อาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ไม่แน่นักอาจสามารถบรรลุจิ่วมี่ได้ หรือบางทีอาจสามารถได้รับของวิเศษที่ยอดเยี่ยมก็ไม่แน่” มีปรมาจารย์ตระกูลขุนนางโบราณอดที่จะอยากลองดูสักครั้ง
ในเวลานี้ บรรยากาศที่เงียบสงัดของเขาจิ่วเหลียนซานพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก กระทั่งมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยเริ่มมีการไปมาระหว่างทะเลสาบทั้งเก้า วิ่งเต้นไม่หยุดระหว่างทะเลสาบทั้งเก้า
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเขาจิ่วเหลียนซานนั้นไม่มีการบันทึกที่ชัดเจน ไม่มีบันทึกที่ชัดเจนว่าการเปลี่ยนสีของทะเลสาบทั้งเก้าจะมีของสิ่งใด และจะได้รับผลประโยชน์เช่นใด ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน กระทั่งกล่าวได้ว่า มีใครบ้างที่เคยได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนสีของทะเลสาบบ้างก็ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน
เรื่องนี้มีบุคคลสองคนกลับถูกผู้คนเอ่ยถึงอยู่บ่อยๆ หนึ่งนั้นคือเจิ้นตี้ อีกหนึ่งคือราชันแท้จริงจิ่วหนิง สำหรับเจิ้นตี้นั้นไม่ต้องพูดถึงให้มากความ ราชันแท้จริงที่ทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เจริญรุ่งเรืองขึ้น เป็นตัวเขาที่นำพาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จากเสื่อมถอยขึ้นสูงจุดสูงสุด และทำให้ราชวงศ์โต่วเซิ่นได้ริเริ่มโอกาสที่ยิ่งใหญ่
จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องบังเอิญ ในยุคของเจิ้นตี้นั้น ให้บังเอิญเจิ้นตี้ก็อยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานขณะที่ทะเลสาบทั้งเก้าเปลี่ยนสี
และด้วยเหตุนี้เอง ภายหลังจึงมีผู้คนจำนวนมากคาดเดาว่า ครั้งนั้น เจิ้นตี้ได้รับของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมากซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสองมาชิ้นหนึ่ง ขณะที่ทะเลสาบทั้งเก้ากำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลให้เจิ้นตี้ก้าวเดินสู่เส้นทางการเป็นราชันแท้จริงที่ปราศจากผู้ต่อกร
และในยุคหลังก็มีคนที่คาดเดาว่า จังหวะที่ทะเลสาบทั้งเก้าเปลี่ยนสีนั้น เจิ้นตี้ได้บรรลุสัจธรรมสวรรค์และมนุษย์ผสานเป็นหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เอง ส่งผลให้เจิ้นตี้สามารถวางรากฐานและสร้าง ‘คัมภีร์ไท่ชิงตัน’ ขึ้นมาได้
สิ่งที่ถูกผู้คนกล่าวขวัญถึงมากที่สุดสำหรับราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็คือเรื่องของจิ่วมี่ ขณะเดียวกันราชันแท้จริงจิ่วหนิงก็คือราชันแท้จริงปราศจากผู้ต่อกรที่อยู่ใกล้กับยุคปัจจุบันมากที่สุด
ตามตำนานเล่าว่า ในยุคสมัยนั้น ขณะที่ทะเลสาบทั้งเก้าเปลี่ยนสีอยู่นั้นนางเคยบรรลุธรรมที่ตรงนี้ และด้วยเหตุนี้เอง ราชันแท้จริงจิ่วหนิงได้บรรลุความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของจิ่วมี่ ส่งผลให้นางกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่สำเร็จเคล็ดวิชาจิ่วมี่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่มีอบู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นนับแต่ยุคโบราณเป็นต้นมาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
สำหรับคนอื่นๆ นั้นก็เคยมีการเล่าลือกัน แต่ทว่า ไม่มีใครสร้างความหวั่นไหวได้เท่ากับเจิ้นตี้ และราชันแท้จริงจิ่วหนิง และไม่ได้มีความเป็นจริงเท่ากับเท่ากับเจิ้นตี้ และราชันแท้จริงจิ่วหนิง ดังนั้น ทุกครั้งที่ทะเลสาบเปลี่ยนสี ผู้ที่ถูกพูดถึงบ่อยที่สุดยังคงเป็นเจิ้นตี้ และราชันแท้จริงจิ่วหนิง
ดังนั้น ทุกครั้งที่ทะเลสาบเปลี่ยนสีก็จะมีผู้บำเพ็ญตนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จำนวนมากมาบรรลุธรรม ต่อให้ไม่สามารถบรรลุจิ่วมี่ทั้งเก้า แต่สามารถบรรลุได้เพียงหนึ่งในนั้น และหรือบรรลุจับใจความอะไรบางอย่างมาได้ ก็จะได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุดชั่วชีวิตแล้ว
ดังนั้น ทุกๆ ครั้งที่ทะเลสาบทั้งเก้าเริ่มมีการเปลี่ยนสี ผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานจะดีใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้บำเพ็ญตนที่อาศัยการพิจารณาไตร่ตรอง และหรืออาศัยการทำความบรรลุก็มีทั้งนั้น
สุดท้าย สีของทะเลสาบทั้งเก้าค่อยๆ คงที่ เมื่อมองจากระยะห่างไกล สามารถมองเห็นได้ว่าทะเลสาบทั้งเก้ามีอยู่เก้าสี อีกทั้งสีแต่ละสีล้วนแล้วแต่เข้มเป็นพิเศษ เป็นต้นว่า หนึ่งในทะเลสาบเป็นสีเขียวอ่อน เวลานี้มันมีสีเขียวอ่อนที่เข้มจนเสมือนดั่งเป็นหยกสีเขียวอ่อนเข้มๆ ชิ้นหนึ่ง ให้ความรู้สึกถึงเย็นยะเยือกเข้าไปกระดูกแก่ผู้คน
หรือเป็นต้นว่าทะเลสาบที่เป็นสีแดง น้ำในทะเลสาบเรียกได้ว่าเป็นสีแดงสดอย่างยิ่ง มองดูเหมือนเป็นเลือดสดๆ เต็มทะเลสาบอย่างนั้น ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่โชยมาแตะจมูก ทำให้ผู้คนอดที่จะรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้
“กำลังจะเริ่มแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน” ครั้นสีสันของทะเลสาบทั้งเก้าต่างคงที่กันแล้ว บรรดาผู้บำเพ็ญตนของเขาจิ่วเหลียนซานต่างเริ่มทยอยกันเข้าไปในทะเลสาบ
มีบางคนเข้าไปยังทะเลสาบสีเขียวอ่อน และบางคนเข้าไปยังทะเลสาบสีแดง บางคนทำการโดยลำพังคนเดียว ไม่ต้องการแบ่งปันความลับกับผู้อื่น และมีบางคนมาเป็นกลุ่มสามถึงห้าคน หวังจะร่วมศึกษาความลึกซึ้งและยอดเยี่ยมที่อยู่ข้างใน
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับเรื่องของทะเลสาบที่เปลี่ยนสีอยู่ ทันใดนั้น ปรากฏเสียงกระบี่คำรามที่ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน พลันที่กระบี่ส่งเสียงคำรามขึ้นมานั้น เสมือมดั่งกระบี่ทั้งหมดที่อยู่ทั่วหล้าคำรามขึ้นมาพร้อมกันอย่างนั้น
ตึง ตึง ตึงนาทีนี้เอง กระบี่ประจำกายของผู้คนจำนวนมากพลันส่งเสียงคำรามขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เสมือนหนึ่งถูกอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่งทำให้ส่งเสียงคำรามร่วมกันขึ้นมา
“นี่ นี่คือมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏตัวขึ้นรึ?” การที่กระบี่ประจำกายพลันร่วมส่งเสียงคำรามขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำเอายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
ตึง…เสียงกระบี่คำรามดังก้องไปถึงเก้าชั้นฟ้า ในขณะที่กระบี่ส่งเสียงคำรามขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทิศทางที่ไกลออกไปอันเป็นที่ตั้งของแคว้นว่านเจิ้น มองเห็นวิถีกระบี่สายหนึ่งพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง แม้ว่าเป็นเพียงประกายกระบี่สายหนึ่งขณะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก็สามารถทำการกวาดล้างหมื่นยุค เข่นฆ่าไปทั่วหล้า แค่ประกายกระบี่สายหนึ่งก็สามารถสังหารเทพเข่นฆ่ามาร ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ปรากฏพลังกระบี่ที่น่าเกรงขามทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เสมือนดั่งมีกระบี่ทองแดงโบราณเล่มหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาช้าๆ ขณะที่กระบี่ทองแดงโบราณโผล่ขึ้นมานั้น เหมือนว่าได้แปดเปื้อนโลหิตเทพแท้จริง และแม้ว่าตัวกระบี่ทองแดงเพียงเปล่งกระกายกระบี่ออกมาสายหนึ่งก็สามารถทำให้เทพมารต้องหัวหลุดจากบ่าในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...